บทที่ 648 อ่อนแข็งเห็นได้ทันที
พอได้ยินเสียงอู่จื่อโจว เฉินเฟิงชะงักเท้าทันที
ถึงเขาจะไม่รู้จักอู่จื่อโจว และไม่รู้ฐานะของอู่จื่อโจว แต่เขารู้ว่าอู่จื่อโจวตัดสินใจถูกแล้ว
“แค่กระบวนท่าเดียวก็จบการประลองได้ ทำไมต้องยุ่งยากขนาดนั้นด้วย?”
จิ่งเถิงรังสีอำมหิตแผ่ซ่าน เขาอยู่ในท่าเตรียมลงมือแล้ว พอเห็นการต่อสู้โดนอู่จื่อโจวเบรกไว้ เลยไม่ค่อยพอใจ
อู่จื่อโจวทำแค่ปรายตามองจิ่งเถิงอย่างเย็นชา ไม่ได้ตอบคำ
วินาทีนั้นจิ่งเถิงรู้สึกเหมือนโดนใครเอาดาบพาดไว้ที่ลำคอ เหงื่อแตกซิกไปทั้งตัว และหนาวยะเยือกตั้งแต่หัวจรดเท้า
เขาไม่กล้าพูดอะไรอีก และมองอู่จื่อโจวอย่างเคารพนบนอบทันที
“ออกเรือได้!”
อู่คงสั่งการด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
พอเสียงเขาพูดจบ เรือใหญ่ทั้งสามลำก็เริ่มห่างจากฝั่งไปสู่ใจกลางทะเลสาบ
ต่อให้การประลองโดนเบรกกะทันหัน แต่ความตึงเครียดที่ยังคงกระจายในอากาศก็ทำให้ไม่มีใครบนเรือทั้งสามลำกล้าเอ่ยปาก ทุกคนทำได้แค่มองเฉินเฟิงกับจิ่งเถิงเงียบๆ
จิ่งเถิงมองหน้าเฉินเฟิงอย่างเย็นชา รังสีอำมหิตบนตัวไม่ลดลงเลย ความรู้สึกเหมือนกับว่า ถ้าเรือใหญ่หยุดลงเมื่อไหร่ ก็จะลงมือฆ่าเฉินเฟิงทันที
เฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงสายตาจิ่งเถิง และรับรู้รังสีอำมหิตในแววตาเย็นเยียบของจิ่งเถิงได้ เขาไม่ได้สนใจ ทำเพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
สิบนาทีผ่านไป เรือทั้งสามลำเริ่มห่างฝั่งออกไปเรื่อยๆมาถึงศูนย์กลางทะเลสาบ และหยุดลงในที่สุด
“ผมชื่อก่วนหนานเทียน เป็นรองประมุขสหพันธ์บูโด ครั้งนี้ในฐานะตัวแทนสหพันธ์มาเป็นกรรมการตัดสินการประลองระหว่างเฉินเฟิงกับจิ่งเถิง”
ตอนนี้ก่วนหนานเทียนเอ่ยปากแล้ว เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม และแฝงความเด็ดขาดห้ามโต้แย้งไว้ด้วย “ตามเงื่อนไขข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย การประลองครั้งนี้เป็นการประลองความเป็นความตาย ความหมายคือ หากในการประลองมีฝ่ายไหนเพลี่ยงพลั้งถึงชีวิต ก็ห้ามคนอื่นเข้ามาก้าวก่ายโดยเด็ดขาด! ในขณะเดียวกัน ไม่ว่าฝ่ายใดโดนฆ่าในการประลอง อีกฝ่ายจะไม่ต้องรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น และเครือญาติฝ่ายที่ถูกฆ่าห้ามทำการล้างแค้นคืนไม่ว่าวิธีการใดๆทั้งสิ้น มิฉะนั้นจะโดนสหพันธ์บูโดลงโทษอย่างหนัก!”
“พวกนายสองฝ่ายมีข้อโต้แย้งอะไรไหม? ถ้ามี หรือฝ่ายไหนคิดจะถอนตัว ตอนนี้ยังทัน!” พอพูดถึงคำสุดท้าย ก่วนหนานเทียนหันไปมองทั้งเฉินเฟิงและจิ่งเถิงคนละที
“ไม่มีข้อโต้แย้งครับ!”
เฉินเฟิงขึ้นมาบนกาบเรือ ยืนห่างจากจิ่งเถิงไปยี่สิบเมตร เขาตอบออกมาก่อน
“ผมก็ไม่มีข้อโต้แย้งครับ”
จิ่งเถิงได้ยินอย่างนั้น ก็ตอบออกมาเหมือนกัน จากนั้นยิ้มเย็นให้เฉินเฟิง “แกน่าจะขอบคุณประธานก่วน เขาให้เวลาแกได้อยู่บนโลกนานขึ้นอีกหน่อย”
เฉินเฟิงไม่สนใจ แต่หันไปมองก่วนหนานเทียน รอให้ก่วนหนานเทียนประกาศเริ่มการประลอง “ในเมื่อพวกนายสองฝ่ายต่างไม่มีข้อโต้แย้ง งั้นเริ่มการประลองได้!”
ก่วนหนานเทียนขมวดคิ้วมองหน้าจิ่งเถิงหลายวินาที ก่อนถอยออกจากกาบเรือพลางสั่งการออกมาหนึ่งคำ
“ไอ้หมอ ชีวิตแกใกล้จะสิ้นสุดแล้ว มีอะไรสั่งเสียออกมาได้เลย!” พอเห็นอู่จื่อโจวถอยไป จิ่งเถิงไม่ได้รีบลงมือ แต่กลับมองเฉินเฟิงอย่างเหิมเกริม ประหนึ่งเฉินเฟิงเป็นเนื้อปลารออยู่เขียงให้เขาสับได้ตามใจ
“นายพูดมากไปแล้ว” เฉินเฟิงพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ และเดินเข้าหาจิ่งเถิง
“แกอยากตายหรอ!”
เพราะเก็บกักความโกรธไว้เต็มท้อง จิ่งเถิงอยากเหยียดหยามเฉินเฟิงก่อนเริ่มประลองสักหน่อย แล้วค่อยลงมือฆ่าเฉินเฟิง เพื่อกู้หน้าคืนให้กับตระกูลจิ่ง แต่พอได้ยินคำพูดเฉินเฟิงตอนนี้ เขาไม่สามารถเก็บกักความโกรธไว้ได้อีกแล้ว เลยตะคอกเสียงดังออกมา
เพี๊ยะ!
หลังจากตะคอกด้วยความโกรธออกไป ก็มีเสียงดังขึ้น
จิ่งเถิงกระแทกเหยียบเท้าลงบนกาบเรือ พลังอันน่ากลัวทำกาบเรือไม้แตกกระจาย เศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายไปทั่วทิศประหนึ่งตาข่ายแมงมุม
นอกจากนี้แล้ว พอจิ่งเถิงกระแทกเท้าลงไป ยังทำเรือลำใหญ่โคลงเคลงไปมา เห็นได้ชัดว่าพลังขาน่ากลัวแค่ไหน!
เท้าหนึ่งกระแทกลงไป จิ่งเถิงลอยตัวพุ่งออกไปราวธนูที่หลุดจากคันธนูเข้าใส่เฉินเฟิง เร็วปานสายฟ้าแลบ
วินาทีต่อมาหมัดขวาของเฉินเฟิงปะทะเข้ากับฝ่ามือของจิ่งเถิงประหนึ่งระเบิดเวลา พลังอันน่ากลัวปะทะกันทำให้เกิดระเบิดในอากาศขึ้นไปทั่วทุกทิศ
ในเวลาเดียวกัน ฝ่ามือขวาของจิ่งเถิงสะท้านจนชาและเจ็บแทบยืนไม่อยู่ ถอยไปข้างหลังอย่างควบคุมไม่อยู่
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
จิ่งเถิงถอยหลังไปสามก้าวติดและเหลือรอยฝ่าเท้าหนักแน่นติดบนกาบเรือสามรอย ฝ่ามือแดงก่ำเหมือนโดนไฟเผาก็ไม่ปาน
ส่วนเฉินเฟิงยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ที่เดิม!
กระบวนท่าหนึ่งผ่านไป ใครอ่อนใครแข็งเห็นกันได้ทันที!
“เอ๋...”
พอเห็นฉากนี้ เหล่าศิษย์สำนักน้อยใหญ่บนเรือลำที่หนึ่งพากันงงเป็นไก่ตาแตก
เมื่อกี้ฝ่ามือนั้นของจิ่งเถิงเหมือนไม่ตั้งใจ แต่เพราะใช้พลังภายในไปทั้งหมดผสมผสานกับแรงกาย อานุภาพพลังน่ากลัวมาก แต่สุดท้ายก็โดนหมัดเดียวของเฉินเฟิงชนจนล่าถอย ตกเป็นรองไปทันที
นี่...มันเหนือการคาดเดาของพวกเขามากเลย!
ไม่เพียงแค่พวกเขา บนเรือลำที่สองนอกจากปรมาจารย์คงเหมิง ปรมาจารย์จางเทียนซือ ปรมาจารย์จ้าวอู๋เต้าและเฉียวอู่โต่แล้ว ปรมาจารย์ด้านการต่อสู้คนอื่นก็ค่อนข้างแปลกใจ หรือแม้แต่ดวงตาของอู่จื่อโจวยังเบิกกว้างเล็กน้อยเลย!
พวกเขาเคยได้ยินเรื่องราวของเฉินเฟิงมา แต่ไม่เคยเห็นเฉินเฟิงลงมือหลังบรรลุหั้วจิ้ง เลยไม่รู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของเฉินเฟิง
และตอนนี้การปะทะของเฉินเฟิงกับจิ่งเถิงในกระบวนท่านี้ พวกเขาถึงรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของเฉินเฟิง
ขนาดคนนอกยังตะลึงขนาดนี้ แล้วคนตระกูลจิ่งล่ะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...