ลูกเขยมังกร นิยาย บท 672

บทที่ 672 การคัดเลือกเริ่มต้นขึ้น

“พวกคุณทั้งห้าคน ใครจะเริ่มก่อน?”

อู่จื่อโจวเอ่ยถามเฉินเฟิงและอีกสี่คนที่เหลือในมาดของมหาปรมาจารย์

“ผมก่อน!”

ไม่รอให้ใครได้เอ่ยปาก ศีลสามก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมพลางเอ่ยขึ้นก่อน

“หืม?”

เมื่อได้ยินคำตอบของศีลสาม ทุกคนก็หันขวับไปมองเขาอย่างตกตะลึง เรียกได้ว่าถึงแม้เมื่อสักครู่อู่จื่อโจวจะอธิบายกฎเกณฑ์ในการคัดเลือกแล้ว ทว่ารายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆยังไม่ได้เอ่ยถึง

เช่นนี้แล้วการที่ศีลสามออกตัวก่อนแบบนี้ถือว่าเสียเปรียบพอสมควร เพราะไม่รู้รายละเอียดที่แน่ชัดว่าเป็นอย่างไร นั่นเท่ากับว่าเขาจะกลายเป็นหนูทดลองให้กับทุกคน

อาจารย์ฟางเจิ้งที่รู้ถึงข้อเสียเปรียบนี้ดีจึงรีบฉุดมือของศีลสามไว้ก่อนเอ่ย “นายรับปากกับฉันแล้วนะว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ อย่าลืมสิ!”

ศีลสามยกยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “วางใจได้ ฉันพูดคำไหนคำนั้น!” เอ่ยจบก็ก้าวเร็วๆไปทางอู่จื่อโจวด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับการคัดเลือกในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร

ความจริงเขาก็ไม่เห็นการคัดเลือกครั้งนี้อยู่ในสายตาจริงๆนั่นแหละ ทว่าไม่ใช่เพราะเขามั่นใจว่าเขาจะเป็นคนที่ถูกเลือก แต่เขาไม่ได้สนใจการแข่งขันศิลปะการต่อสู้นั่นต่างหาก เขาเพียงหวังว่าจะจบการคัดเลือกครั้งนี้โดยเร็วจากนั้นก็จะตามเฉินเฟิงไปเที่ยวชมโลกภายนอก

นี่คือเหตุผลที่เขาเสนอตัวเป็นคนแรก

แสงอาทิตย์ในยามเช้าอาบไล้ลงบนร่างของอู่จื่อโจว เขายืนเอามือไขว้หลังด้วยสีหน้าเรียบนิ่งระหว่างรอศีลสามบุกเข้ามา ส่วนคนที่เหลือก็แยกย้ายเพื่อเว้นพื้นที่ให้กับการต่อสู้ของอู่จื่อโจวและศีลสาม

“พระสงฆ์น้อยศีลสาม ไม่ต้องออมมือแสดงฝีมือได้เต็มที่เลย ไม่ต้องกลัวว่าผมจะได้รับบาดเจ็บ!”

เมื่อเห็นศีลสามเดินเข้ามา อู่จื่อโจวระบายยิ้มโดยไม่ลืมที่จะเอ่ยเตือน

“ปรมาจารย์อู่ ท่านชมเกินไปแล้ว ผมรู้ขีดความสามารถของตัวเองดี ถึงแม้ผมจะรู้ว่าผมแสดงฝีมืออย่างสุดความสามารถก็อาจจะทำอะไรท่านไม่ได้ แต่ในเมื่อผมรับปากกับพระสงฆ์ผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ผมก็จะทำอย่างเต็มที่แน่นอน!”

ศีลสามยังคงดูไม่เอาไหนเหมือนเดิม

คิดไม่ถึงว่าศีลสามจะพูดแบบนี้ ทุกคนในที่นี้ต่างชะงักค้างอยู่กับที่

ด้านปรมาจารย์ฟางเจิ้งก็เงียบไป เขายิ่งรู้สึกว่าการที่มหาปรมาจารย์ของศาสนาพุทธตะวันตกเลือกศีลสามเป็นทายาทนั้นเป็นการตัดสินใจที่ไม่ค่อยฉลาดนัก

ศีลสามไม่ได้ใส่ใจกับสายตาแปลกประหลาดของคนรอบข้างที่มองมา เขาเอ่ยกับอู่จื่อโจวด้วยความเคารพ “ปรมาจารย์อู่ ผมพร้อมแล้ว!”

“ดี!” อู่จื่อโจวตอบรับคำหนึ่ง

เมื่อได้ยินคำตอบของอู่จื่อโจว ชั่วพริบตาสายตาของศีลสามก็เปลี่ยนเป็นคมกริบพลางก้าวเท้าซ้ายไปด้านหน้า ก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาอู่จื่อโจวอย่างรวดเร็วราวกับคันศรที่พุ่งออกจากคันธนู

ชั่วพริบตาศีลสามก็ปรากฏตัวอยู่ข้างอู่จื่อโจว หมัดขวาถูกปล่อยออกไปพร้อมพลังภายใน จนเกิดเสียงเคลื่อนไหวกลางอากาศ

หมัดนี้ดูเหมือนจะธรรมดา ทว่าความจริงแล้วคือหมัดเทวราชของพระพุทธศาสนา

หมัดเทวราชเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “หมัดอรหันต์ทวราช” เป็นชนิดหมัดมวยเก่าแก่ที่มีเอกลักษณ์ของพระพุทธศาสนา โดยมีระบบที่สมบูรณ์แบบ มีความหมายด้านศิลปะการต่อสู้ที่ลึกซึ้ง มีเทคนิคที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นศิลปะป้องกันตัวที่เรียบง่ายใช้งานได้จริง จึงกลายเป็นศิลปะการต่อสู้สำคัญที่สืบทอดต่อกันมา

พลังหมัดของศีลสามนั้นดุร้ายมากทว่าอู่จื่อโจวยังคงยืนอยู่กับที่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม

ทว่าถึงแม้ตัวอู่จื่อโจวเองก็คิดไม่ถึงว่าศีลสามจะเห็นการคัดเลือกในครั้งนี้เป็นเพียงเรื่องเล่นๆแล้วยอมแพ้ง่ายดายแบบนี้ แต่ก็เหมือนที่อู่จื่อโจวบอกออกไปว่าความสามารถของศีลสามเขารู้ดีอยู่แก่ใจแล้ว

ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่คนดูที่อยู่รอบข้างทั้งก่วนหนานเทียน ชางโป๋ จีอู๋ฉาง เย่หนานเทียนล้วนเห็นถึงความสามารถของศีลสามแล้ว

ด้านปรมาจารย์ฟางเจิ้ง ทุกคนในที่นี้ไม่มีใครรู้จักความสามารถของศีลสามได้ดีไปกว่าคนเป็นอาจารย์อย่างเขาแล้ว

ปรมาจารย์ฟางเจิ้งถอนหายใจครั้งหนึ่ง ไหนๆอู่จื่อโจวก็พูดขนาดนี้แล้วจะบังคับศีลสามต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ ปล่อยไปเถอะ

ศีลสามเป็นคนแรกที่ท้าชิงและเป็นคนแรกที่พ่ายแพ้ หลังจากศีลสามลงจากเวทีสายตาของอู่จื่อโจวก็กวาดมองตั้งแต่เฉินเฟิง ฉู่เหอ จียุ่นก่อนเอ่ย “คนต่อไปคือใคร?”

“ปรมาจารย์อู่ ผมเอง!”

จียุ่นก้าวไปข้างหน้าอย่างคึกคะนอง ก่อนจะเดินมุ่งไปทางอู่จื่อโจว

“อืม เริ่มได้!” อู่จื่อโจวยังคงยืนเอามือไขว้หลังอยู่ที่เดิม ตามแบบฉบับของมหาปรมาจารย์แห่งบูโด

จียุ่นพยักหน้ารับ พลังในร่างกายพุ่งสูงขึ้น จียุ่นในตอนนี้ดูแข็งแกร่งน่าเกรงขาม เมื่อพลังภายในของเขาพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดสูงสุด เขาจึงพุ่งเข้าหาอู่จื่อโจวอย่างไม่ลังเล

จียุ่นเคลื่อนตัวได้รวดเร็วมาก นี่คือหัวใจสำคัญของศิลปะการต่อสู้ของตระกูลพวกเขา นั่นก็คือ “รวดเร็ว”

จียุ่นเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว สายตาของทุกคนมองตามเขาตาไม่กระพริบและคิดว่าเขาจะลงมือทันที แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่ออยู่ในระยะห่างจากอู่จื่อโจวประมาณสองเมตร เขาจะหยุดกะทันหัน จากนั้นก็เคลื่อนตัวไปข้างหน้าต่อด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม ในช่วงระหว่างเร็วและช้านี้ จียุ่นก็ใช้ฝ่ามือแทนดาบฟันลงมาทันที

ถึงแม้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือผู้อาวุโสอู่ ทว่าจียุ่นก็ไม่มีการออมมือเลยสักนิด แค่ลงมือครั้งแรกก็รุนแรงราวสายฟ้าฟาด

ในขณะที่จียุ่นฟันมือลง อู่จื่อโจวยังคงอยู่ในลักษณะเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพียงแค่เอียงเล็กน้อยก็สามารถหลบการโจมตีของอีกฝ่ายได้แล้ว เนื่องจากความเร็วที่มากเกินไปทำให้ดูเหมือนอู่จื่อโจวยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่มีการเคลื่อนไหว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร