บทที่ 677 สิ้นสุดการคัดเลือก
การคัดเลือกจบลงแล้วแต่อู่จื่อโจวยังคงกระวนกระวายใจ แต่ว่าถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งมาหลายปี ใช้เวลาสั้นๆในการปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ เอ่ยพูดขึ้น:“นายอดกลั้นลมหายใจของนายมาตั้งแต่แรก แอบจับจ้องตัวฉัน นายรู้ถึงความแข็งแกร่งของฉัน นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน ถ้าเกิดว่านายลงมือ นายจะต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ดังนั้นนายจึงใช้อีกหนึ่งวิธี ใจเย็นนิ่งสงบ ทำให้ฉันสงสัย!”
"ก่อนหน้านี้ฉันถามนายไปหลายครั้ง นายเลือกที่จะปิดปากเงียบไม่ยอมตอบคำถาม จงใจทำให้ฉันโมโห ทำให้ฉันอยากจะสั่งสอนนาย กระบวนท่าก่อนหน้านี้ ฉันคิดว่านายทำสุดความสามารถแล้ว!”
"ทำให้ฉันรู้สึกว่านายพยายามทำอย่างเต็มที่ ตอนที่ฉันลงมือ นายรีบถอยหลัง ทำตัวคล้ายกับเป็นลาน้อยน่าสงสาร แต่คิดไม่ถึงว่าในเวลานี้จู่ๆ นายกลับหยุดลง แล้วกลับมาจู่โจมแทน ใช้ท่าไม้ตาย!”
"เมื่อกี้ถ้าฉันไม่ได้ใช้กำลังภายในบริสุทธิ์มาปกป้องร่างกายเอาไว้ หมัดเมื่อกี้ ฉันต้องบาดเจ็บแน่นอน!”
"นายแข็งแกร่งมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือปฏิกิริยาความสามารถในการสู้กลับ คิดแผนออกมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ เยี่ยมาก!”
"หื้ม?"
ได้ยินอู่จื่อโจวกล่าวชมเฉินเฟิง ทุกคนดึงสติกลับมาช้ามาก เพียงแค่รู้สึกว่า เป็นไปไม่ได้
"ผู้อาวุโสอู๋ ผู้น้อยเสียมารยาทแล้ว!” เฉินเฟิงเดินขึ้นหน้าสองสามก้าว โค้งตัวคำนับอู่จื่อโจว พูดขอโทษจากใจจริง:“ที่วางแผนทำแบบนี้กับผู้อาวุโส เป็นเพราะผมรู้ดีว่าความสามารถของตนไม่สามารถเทียบท่านได้ คิดวางแผนอยู่นาน กว่าจะคิดวิธีนี้ได้ แต่ผมก็ยังคงประเมินความสามารถของผู้อาวุโสต่ำเกินไป! ความแข็งแกร่งของคุณอยู่เหนือที่ผมคิดเอาไว้!”
"ฮ่าๆ เฉินเฟิง ไม่จำเป็นต้องถ่อมตน เมื่อกี้ฉันบอกแล้วถ้าไม่ใช่เพราะใช้พลังภายใน ครั้งนี้ฉันคงได้รับบาดเจ็บแล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นฉันคนเดิมเมื่อสิบปีก่อน เวลานี้ฉันคงตายไปแล้ว!”
อู่จื่อโจวพูดตามความจริง ภายในใจของเขาปรากฏขึ้นมาแปดคำ "คนรุ่นหลังเก่งกว่าคนรุ่นเก่า!”
จากนั้นอู่จื่อโจวหันไปมองเย่หนานเทียนแล้วพูดขึ้น:“เดิมทีสำหรับการสิ้นสุดของนาย ฉันเห็นใจมากจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว มีศิษย์อย่างเฉินเฟิง นายสามารถภาคภูมิใจได้แล้ว แม้ว่าวันข้างหน้าศัตรูของนายจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง มีเฉินเฟิงอยู่ ไม่เป็นปัญหา!”
กระบวนท่าเดียวสะท้านศัตรู ล้วนใช้ในเวลาที่ความสามารถแตกต่างกัน จึงจะใช้วิธีนี้ แค่กระบวนท่าเดียวก็จู่โจมฝ่ายตรงข้ามได้ หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะร่างกายมีอะไรสำคัญ จึงต้องใช้วิธีนี้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามสูญเสียการต่อสู้ ทำให้คู่แข่งแพ้ด้วยวิธีนี้หรือไม่ก็ฆ่าเขาด้วยวิธีนี้
แต่ทั้งหมดนี้มีแค่จอมยุทธ์ธรรมดาทั่วไปเท่านั้นที่ใช้
ทว่าคนที่ความสามารถเก่งกาจ ไม่มีวันลงมือง่ายๆ ใช้หลักการไม่เปลี่ยนเพื่อรองรับการเปลี่ยน พวกเขาล้วนสังเกตมองดูคู่ต่อสู้ของตน รอให้สบโอกาส รอให้ฝ่ายตรงข้ามมีช่องโหว่ จากนั้นก็จะลงมือจัดการด้วยความเร็วราวกับแสง
จุดประสงค์หลักที่เฉินเฟิงเข้าร่วมการคัดเลือกในครั้งนี้ก็เพื่อศิษย์พี่ ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับการคัดเลือกนี้มาก ก่อนหน้านี้ตอนที่ศีลสาม จียุ่นและเทียนอิงทั้งสามคนประลองวรยุทธ์กับอู่จื่อโจว เฉินเฟิงไม่ได้อะไร เขาเอาแต่สังเกตการณ์อย่างละเอียดและวิเคราะห์อย่างละเอียด
เขารู้ว่าถ้าอู่จื่อโจวยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ รู้สึกว่าไม่มีช่องโหว่อะไรแม้แต่น้อย และเขาก็ไม่มีวันลงมือ เฉินเฟิงรู้ตั้งแต่แรกว่าเขาไม่สามารถสู้แบบเอาเป็นเอาตาย ต้องใช้สมอง ดังนั้นตอนที่เริ่มต่อสู้เขาจึงจงใจยั่วโมโหอู่จื่อโจว
หลังจากอู่จื่อโจวโมโห ฝ่ายตรงข้ามต้องลงมืออย่างแน่นอน และเฉินเฟิงก็ใช้เวลานี้ นำท่าไม้ตายของตนออกมาใช้
เห็นได้ชัด สุดท้ายเฉินเฟิงทำสำเร็จ ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ เขาไม่เพียงแต่บีบให้อู่จื่อโจวเคลื่อนไหว แต่ยังบีบให้อู่จื่อโจวลงมือ
คำพูดของอู่จื่อโจวเมื่อครู่ยังดังก้องในหูของทุกคน หลังจากที่พวกเขาได้ยินประโยคนี้ แต่ละคนก็มองเฉินเฟิงด้วยดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
ในเวลาเดียวกันก็หมายความว่า ผู้สืบทอดที่พวกเขาตั้งใจพร่ำสอนมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะด้านความสามารถหรือไหวพริบ โดยเฉพาะประสบการณ์ในการต่อสู้ ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินเฟิง
เวลานี้ไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคนที่มองเห็นปัญหา แม้แต่ผู้สืบทอดของพวกเขาศีลสาม จียุ่นและเทียนอิง ต่างก็มองออก
ในสามคน ศีลสามทำหน้าเฉยเมย เขาไม่สนใจศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่แรกแล้ว ใครแข็งแกร่งหรืออ่อนแอก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขา
ศีลสามไม่สนใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าอีกสองคนไม่สนใจ
โดยเฉพาะจียุ่น หลังจากที่เห็นความแข็งแกร่งของเฉินเฟิง ในใจของเขารู้สึกกลัว แผ่นหลังมีเหงื่อแตก
เมื่อกี้โชคดีที่ไม่ได้สู้กับเฉินเฟิง แม้จะบอกว่ามีผู้อาวุโสอยู่ไม่ต้องกังวลว่าจะถึงตาย แต่ศักดิ์ศรีของเขาต้องถูกเฉินเฟิงเหยียบย่ำ
เทียนอิงไม่ได้คิดอะไรมากมาย หลังจากเห็นความสามารถของเฉินเฟิง เขาแค่รู้สึกผิดหวัง ผิดหวังเมื่อนำความสามารถของตนและเฉินเฟิงมาเทียบกัน
เขาคิดว่าความแข็งแกร่งตลอดหลายปีของตน ความเข้าใจวิชากระบี่ของสำนักกระบี่เทียนซาน การคัดเลือกศิลปะการต่อสู้ในครั้งนี้ต้องเปล่งประกายอย่างแน่นอน ต้องทำให้สำนักได้หน้าได้ตา ทว่าคิดไม่ถึงว่าเฉินเฟิงที่โผล่ออกมา พรากเอาความเปล่งประกายที่ควรจะเป็นของเขาไป
สิ่งนี้ทำให้ในใจของเขาไม่สามารถยอมรับได้ ยิ่งคาดหวังมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น
เทียนอิงในเวลานี้หวั่นไหวกับการแสวงหาศิลปะการต่อสู้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...