ลูกเขยมังกร นิยาย บท 706

บทที่ 706 จับสลาก

“วันนี้ถือเป็นวันที่ดี คนที่มาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ล้วนเป็นเยาวชนทั้งนั้น อืม ไม่เลวเลย เยาวชนเหล่านี้ล้วนเป็นความหวังของวงการศิลปะการต่อสู้ในอนาคต

อันดับต่อไปพวกเขาจะเข้าสู่การแข่งขัน ณ ที่แห่งนี้เพื่อคัดเลือกผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดแน่นอนว่าผลคะแนนนั้นสำคัญ แต่ประสบการณ์ระหว่างการแข่งขันนั้นสำคัญกว่า หากใครที่สามารถเข้าถึงความหมายที่แท้จริงของศิลปะการต่อสู้ได้ นั่นถึงจะเป็นประโยชน์สูงสุด! ”

“แปะ แปะ แปะ!”

เมื่อโจ้ส์เอ่ยจบ ทุกคนในที่นี้ล้วนปรบมือจนเสียงก้องกังวานไปทั่วสนาม

“อันดับต่อไปผมขอประกาศว่าการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกแห่งวาติกันเริ่มต้นขึ้น…… ณ บัดนี้!”

เสียงประกาศของโจ้ส์ดังกึกก้องไปทั่วทุกสารทิศราวกับเสียงฟ้าร้อง

ท่ามกลางเสียงปรบมือดังกระหึ่ม โจ้ส์ก็เดินถอยหลังกลับไปหลายก้าว

โอ้ตูรองเลขาธิการสหภาพยุโรปท่านนี้จึงก้าวออกมาด้านหน้า

โอ้ตูไม่เพียงแต่ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสหภาพยุโรปเท่านั้น เขายังดำรงตำแหน่งเลขาธิการของสหภาพศิลปะการต่อสู้ระดับโลกอีกด้วย

“ขอบพระคุณสำหรับการกล่าวเปิดงานของท่านประธานโจ้ส์เมื่อสักครู่ รวมถึงการสรุปเส้นทางของศิลปะการต่อสู้ตลอดสิบปีที่ผ่านมา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่า! ”

ก่อนอื่นโอ้ตูเอ่ยชมการเกริ่นเปิดงานของท่านประธานโจ้ส์ จากนั้นจึงเอ่ยต่อ “ผู้เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้มีทั้งสิ้น 64 คน แบ่งเป็นทั้งหมด 16 กลุ่ม ช่วงแรกจะเป็นการแข่งขันในกลุ่มเล็กก่อน ผู้ที่ได้อันดับที่หนึ่งของกลุ่มเล็กก็จะเข้าสู่การแข่งขันรอบแปดคนจากสิบหกคน จากนั้นผู้ที่ได้อันดับที่หนึ่งก็ต้องไปแข่งกับอันดับที่หนึ่งของอีกกลุ่ม ผู้ชนะก็จะเข้าสู้รอบสี่คนจากแปดคน เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงการแข่งขันรอบสุดท้าย ช่วงระยะเวลาการแข่งขันทั้งสิ้นสิบเอ็ดวัน!”

“อย่างที่ทุกท่านทราบ การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกนี้เรียกได้ว่ามีความครึกครื้นเป็นอย่างมาก และหัวใจของการแข่งขันคือความยุติธรรม คณะกรรมการตัดสินทั้งหลายล้วนมาจากทั่วทุกมุมโลก และบรรดาคณะกรรมการจะไม่มีการแทรกแซงการแข่งขันของผู้เข้าแข่งขัน!”

“ที่กล่าวมานี้คือกระบวนการการแข่งขันทั้งหมด ผมคงไม่พูดมากแล้ว อันดับต่อไปขอเชิญท่านอู่จื่อโจวหัวหน้าคณะกรรมการผู้ตัดสินของการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกในครั้งนี้ขึ้นมากล่าวคำสาบาน”

เอ่ยยังไม่ทันจบ โอ้ตูก็หมุนตัวผายมือเชิญอู่จื่อโจวขึ้นมากล่าวสาบาน

“กระผมอู่จื่อโจว เป็นตัวแทนกล่าวสาบานของคณะกรรมการการตัดสินการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกในครั้งนี้ พวกเรากลุ่มคณะกรรมการการตัดสินขอสาบานว่าจะปฏิบัติตามกฎของการแข่งขันในครั้งนี้อย่างเคร่งครัดเพื่อให้เกิดความยุติธรรมสูงสุด!”

อู่จื่อโจวก้าวมาด้านหน้าหนึ่งก้าว ยกมือขวาขึ้นพร้อมกับกำหมัดพลางเอ่ยสาบานเสียงดังฟังชัด

“อันดับต่อไป ขอเชิญอาเธอร์หัวหน้าราชองครักษ์แห่งคูเรียวาติกันเป็นตัวแทนผู้เข้าแข่งขันขึ้นมากล่าวสาบาน!”

อู่จื่อโจวเอ่ยจบ สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปยังอาเธอร์ที่อยู่แถวแรกของทางฝั่งผู้เข้าแข่งขัน

อาเธอร์ก้าวออกมาด้านหน้าหนึ่งก้าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนเอ่ย “กระผมเป็นตัวแทนของผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดขอสาบานว่าจะปฏิบัติตามกฎกติกาของการแข่งขันอย่างเคร่งครัด เคารพการตัดสินของกรรมการและผู้ตัดสิน!”

“ดี!”

เมื่ออาเธอร์กล่าวสาบานจบก็มีเสียงปรบมือดังกึกก้องจากทุกคนในสนามอีกครั้ง

ตอนนี้โอ้ตูยังยืนอยู่บนเวที หน้าที่ขอเขายังไม่เสร็จสิ้น เขาในฐานะเลขาธิการองค์กรศิลปะการต่อสู้ระดับโลก เป็นทั้งพิธีกรเปิดงานและยังมีหน้าที่แบ่งผู้เข้าแข่งขันออกเป็นกลุ่มเล็กโดยการจับสลากอีก

“ทุกท่านคงจะทราบอยู่แล้วว่าหัวใจสำคัญของการแข่งขันในครั้งนี้คือความยุติธรรม ก่อนเริ่มการแข่งขันจะมีการจับสลาก เราจะใช้วิธีการจับสลากเพื่อแบ่งกลุ่มผู้เข้าแข่งขัน!”

เฉินเฟิงไม่ได้โมโหกับคำพูดของอีกฝ่าย ทว่าเขากลับตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ

ถึงแม้เสียงของเฉินเฟิงจะไม่ดังทว่าทุกคนในที่นี้ล้วนได้ยิน จุดประสงค์ของเฉินเฟิงในครั้งนี้ไม่ใช่ตำแหน่งแชมป์แต่คือการฆ่าคน ไม่รู้ว่าทำไมความคิดแบบนี้ถึงปรากฏอยู่ในใจของทุกคนโดยไม่รู้ตัว

เฉินเฟิงเอ่ยจบเสียงวิจารณ์จากรอบด้านก็หยุดลงจนบรรยากาศเงียบกริบในพริบตา

วินาทีนี้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนล้วนจับจ้องไปที่เฉินเฟิง

แสงอาทิตย์อาบไล้ใบหน้าของเฉินเฟิงทำให้เกิดความรู้สึกที่แปลกไป สีหน้าไร้อารมณ์ของเขาไม่มีคลื่นอารมณ์เลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าคำพูดเมื่อสักครู่เล็กน้อยจนไม่จำเป็นต้องสนใจ

คนที่ดูเหมือนจะธรรมดาคนนี้ คำพูดที่เปล่งออกมากลับสั่นไหวจิตใจของทุกคนได้

เพราะเฉินเฟิงพูดถูกและมันคือความจริง เรียกได้ว่าตั้งแต่เฉินเฟิงฝึกฝนการต่อสู้ ต้องพบเจอกับอันตรายมามากมาย แต่เขาก็ผ่านมันมาได้อย่างง่ายดายทุกครั้ง

คู่ต่อสู้ที่ทำตัวสูงส่ง ก่อนการแข่งขันมีความมั่นใจเต็มร้อย ทว่าเฉินเฟิงก็ใช้ความจริงพิสูจน์ว่าอาศัยแค่ความปากเก่งนั้นไร้ประโยชน์

อีกทั้งเฉินเฟิงอาศัยความสามารถของตนเองในการบุกเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นแล้วฆ่าผู้แข็งแกร่งมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้แข็งแกร่งอันดับเทพทั้งสองคน ซึ่งเรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วทุกมุมโลกแล้ว และประเทศญี่ปุ่นก็รู้สึกอัปยศเป็นอย่างมากเพราะเหตุการณ์นี้

การที่มีคนบุกมาฆ่าถึงที่ ฆ่าคนไปมากมายแต่สุดท้ายคนผู้นั้นกลับรอดกลับไป ไม่มีเรื่องอะไรที่น่าโมโหและอัปยศไปมากกว่านี้แล้ว

อีกทั้งเฉินเฟิงมีเรื่องกับอิทธิพลอีกมากมาย ทว่าในสถานการณ์แบบนี้เขาก็ยังไม่มีความเกรงกลัว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร