ลูกเขยมังกร นิยาย บท 743

บทที่ 743 สิ้นสุด

เรียกได้ว่าความสามารถของจั่วจู้นั้นก็ไม่ธรรมดา ถึงจะไม่ได้ใช้ยาพันธุกรรมในร่างกายเป็นตัวช่วยในการยกระดับพละกำลังทว่าก็ใช้ความเร็วเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

ภายใต้แสงอาทิตย์สาดส่อง ความเร็วในการเคลื่อนไหวของจั่วจู้รวดเร็วดั่งสายฟ้า มือถือดาบฟันลงไป อย่าคิดว่ากระบวนท่านี้ธรรมดาจอมยุทธ์คนไหนก็ใช้ เนื่องจากกระบวนท่านี้ของจั่วจู้นั้นต่างออกไป กระบวนท่านี้มีชื่อว่าผ่าคลื่นลม

ผ่าคลื่นลมเป็นกระบวนท่าที่ผู้แข็งแกร่งของญี่ปุ่นในสมัยโบราณท่านหนึ่งคิดค้นขึ้นมา จากการที่เขาเดินทางผ่านทะเลแล้วเห็นน้ำทะเลซัดสาดโขดหิน เรียกได้ว่าแข็งแกร่งมากในสมัยนั้น กระทั่งวันหนึ่งมีอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ถือกำเนิดบนโลกใบนี้และได้มีการคิดค้นท่าไม้ตายแบ่งคลื่นขึ้นมาจนทำให้ผ่าคลื่นลมพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง และมีชื่อเสียงโด่งดังไปไกล

ซึ่งกระบวนท่าทั้งสองในอดีตของประเทศญี่ปุ่นนี้จั่วจู้ได้เรียนรู้และเข้าใจแล้ว กระบวนท่าที่เขาใช้ในตอนนี้คือผ่าคลื่นลม

จั่วจู้ศึกษาผ่าคลื่นลมจนเข้าใจอย่างถ่องแท้จนถึงขั้นที่ดาบและคนรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ต้องรู้ว่าขั้นนี้เป็นขั้นที่นักดาบมากมายใฝ่ฝันที่จะบรรลุแต่ทำไม่ได้

ดาบฟันผ่านอากาศตรงหน้าของจั่วจู้จนเกิดเสียงน่ากลัวจนทำให้รู้สึกถึงลางที่ไม่ดี

ผู้ชมที่อยู่ในสนามไม่ขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญ ตอนนี้ล้วนสัมผัสได้ถึงอานุภาพจากดาบของจั่วจู้ ไม่เสียแรงที่เป็นถึงอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ของประเทศญี่ปุ่น

จั่วจู้ในตอนนี้แตกต่างจากบทที่ดวลกับเทียนอิงอย่างชัดเจน พลังของเขาพุ่งสูงจนถึงขั้นที่น่ากลัว

ก่อนหน้านี้จั่วจู้ไม่ใช้ท่านี้ก็เพราะกลัวว่าจะเป็นการเผยความสามารถแล้วเฉินเฟิงจะหาทางตั้งรับได้ ดังนั้นเขาจึงเก็บซ่อนความสามารถที่แท้จริงไว้ ไม่อย่างนั้นวันที่ดวลกับเทียนอิง มีโอกาสสูงมากที่เทียนอิงจะตายคาเวที

เมื่อต้องเผชิญกับกระบวนท่าที่ดุร้ายของจั่วจู้ เฉินเฟิงไม่ได้ตกตะลึงแต่เขากลับใช้เท้าข้างหนึ่งดันพื้นแล้วหมุนตัว อาศัยพลังจากเอวส่งขึ้นมายังช่วงไหล่ จากนั้นมือขวาก็กำหมัดแล้วชกออกไป

นี่ไม่ใช่ท่าไม้ตายของเฉินเฟิงแต่มันคือมัดไฟ ถึงแม้จะไม่ใช่ท่าไม้ตายทว่าเฉินเฟิงรวมลมปราณในร่างกายและอวัยวะภายนอกเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ

ฉับพลันทั้งสองคนก็ปะทะกัน พลังภายในของเฉินเฟิงถูกปล่อยออกไปตามหมัดที่พุ่งไปทางจั่วจู้ ราวกับต้องการทำลายพลังทั้งหมดของจั่วจู้

ทว่าพลังผ่าคลื่นลมที่ถูกส่งมาจากดาบของจั่วจู้ลดทอนพลังทำลายล้างของเฉินเฟิงไม่หยุด

ฉับพลันพลังทั้งสองก็ระเบิดออก คลื่นพลังกลุ่มหนึ่งแผ่กระจายไปรอบด้านโดยมีพวกเขาทั้งสองคนเป็นจุดศูนย์กลาง

แม้แต่ก้อนอิฐจากพื้นยังแตกออกจนมีเศษอิฐบางส่วนถูกพัดขึ้นมาโดยคลื่นพลัง

มองไกลๆจะเห็นว่าพลังของทั้งสองคนนั้นสูสีกัน การปะทะกันในครั้งแรกนี้ถือว่าทั้งสองฝ่ายเสมอกัน ไม่มีใครขยับถอยหลัง

ถึงแม้ดูภายนอกจะเสมอกัน ทว่าจั่วจู้กลับรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากช่วงแขนราวกับถูกเหล็กเผาลวกจนเกิดอาการสั่นเล็กน้อย

เฉินเฟิงก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน เขารู้สึกแขนแข็งกระด้างและมีอาการชาเป็นพักๆจนถึงขั้นเจ็บปวดเล็กน้อย

เหตุการณ์แบบนี้ทำให้ทั้งสองคนอึ้งไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ

จั่วจู้อึ้งเพราะถึงแม้เขาจะไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายแบ่งคลื่นแต่ผ่าคลื่นลมก็เป็นท่าที่แข็งแกร่งไม่แพ้กัน ไม่เพียงแต่ทำอะไรเฉินเฟิงไม่ได้ ตัวเขาเองกลับเกือบได้รับบาดเจ็บ เขาจะไม่อึ้งได้อย่างไร

ด้านเฉินเฟิงก็อึ้งไม่แพ้กัน เท่าที่ดูมาเขาคิดว่าพลังภายในของจั่วจู้นั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก คลื่นทั่วไปจะเป็นคลื่นต่อคลื่นและคลื่นจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ หากเขาไม่รู้มาก่อนคงบาดเจ็บหนักแน่

ทั้งหมดนี้ดูเหมือนนานทว่าความจริงแล้วเกิดขึ้นในชั่วพริบตาราวกับสายฟ้าฟาด ความคิดของทั้งสองคนก็ผ่านไปในชั่วพริบตาเช่นกัน

เฉินเฟิงไม่ลังเล พลังถูกส่งไปที่ขาจากนั้นก็เตะออกไปยังช่วงน่องของจั่วจู้

จั่วจู้ก็ตอบสนองโดยการขยับหลบได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าวแล้วฟันดาบในมือไปที่ศีรษะของเฉินเฟิงครั้งหนึ่ง อานุภาพของดาบนี้มากกว่าครั้งก่อนหน้านี้เสียอีก

ในครั้งนี้เฉินเฟิงก็ไม่มีการขยับหลบเหมือนเดิม ทว่าเขายกแขนซ้ายขึ้นมาเป็นกำบัง ส่วนมือขวาก็ชกออกไปที่หน้าของจั่วจู้

ท่าไม้ตายแบ่งคลื่นถือว่าเป็นศิลปะการต่อสู้ระดับสูงสุดของประเทศญี่ปุ่นไม่ใช่เพียงเพราะชื่อเสียงโด่งดัง เมื่อท่านี้ถูกปล่อยออกไปราวกับว่าพลังทั้งหมดระหว่างโลกและสวรรค์มารวมกันอยู่ที่มือของจั่วจู้ เมื่อเขาตวัดดาบ เงาดาบที่แข็งแกร่งมหาศาลค่อยๆแปลงร่างแล้วร่วงหล่นลงมาจากฟ้า

วินาทีนี้เฉินเฟิงรู้สึกว่าระหว่างโลกและสวรรค์เหลือเพียงแค่เงาดาบขนาดยักษ์นั่นเท่านั้น ผู้ชมหายไป จั่วจู้ก็หายไปเหลือแต่เพียงเงาดาบที่น่ากลัว

เฉินเฟิงอึ้ง คิดไม่ถึงว่าท่าไม้ตายแบ่งคลื่นไม่ได้เป็นเพียงแค่พลังเท่านั้น มันยังมีผลต่อจิตใจด้วย

พูดเหมือนนานทว่าความจริงรวดเร็วเป็นอย่างมาก ภายใต้แสงอาทิตย์เหมือนว่าเฉินเฟิงจะตกใจจนเดินเข้าไปหาเงาดาบ

“แย่แล้ว เฉินเฟิงแย่แล้ว!”

ตอนนี้เหล่าผู้ชมล้วนมีความคิดนี้โผล่ขึ้นมาเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย

ถึงแม้บรรดาผู้ชมจะไม่รู้ว่ากระบวนท่านี้ของจั่วจู้มีชื่อว่าอะไร ทว่าพวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงอานุภาพของดาบนี้ เมื่อเผชิญกับดาบนี้เฉินเฟิงกลับแน่นิ่งราวกับกำลังเหม่อ ไม่ขยับหลบและไม่มีท่าทีจะปัดป้อง เช่นนั้นเขาต้องตายแน่ๆ

“มันจบแล้ว!”

จั่วจู้เผยยิ้มเยือกเย็น ราวกับว่าเขาเห็นภาพเฉินเฟิงตายคาสนามแห่งนี้

ดาบนี้เขาต้องการฆ่าเฉินเฟิงให้สิ้นซาก หากเป็นจอมยุทธ์คนอื่นเจอท่านี้เข้าไปคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นหั้วจิ้งชั้นกลางหากไม่มีวิทยายุทธ์ที่แข็งแกร่งพอจุดจบก็คือตายเหมือนกัน

ทว่าคนที่เขาเจอคือเฉินเฟิง ถึงจั่วจู้จะเป็นอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้เป็นจอมยุทธ์เยาวชนที่หาตัวจับยากของประเทศญี่ปุ่น มีความสามารถขนาดนี้ทั้งที่อายุยังน้อย ทว่าเมื่อเทียบกับเฉินเฟิงแล้วยังห่างชั้นกันอยู่ไม่น้อย

ยังไม่พูดถึงเรื่องความสามารถ แค่ประสบการณ์ของเฉินเฟิงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ใช่จั่วจู้คนเดียวจะเทียบเคียงได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร