บทที่ 751 หมาไร้เจ้าของ
กงปุ่นเหย่อู่และจั่วจู้ไปจากที่นี่ พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าการแข่งขันจะจบลงแบบนี้
ตอนมาพวกเขามาด้วยความฮึกเหิม ประหนึ่งผู้กล้าที่ไม่เคยพ่ายแพ้ แต่ตอนไปกลับเหมือนหมาไร้เจ้าของเลย รีบหนีหัวซุกหัวซุน
ไม่รู้ถ้าตอนแรกพวกเขารู้ว่าผลจะเป็นแบบนี้ จะยังโอหังเหมือนตอนมาอยู่ไหม
อาเธอร์และวิลเลียมแล้วก็เติ้งนีคอยจับตาดูการแข่งขันตลอด ถึงอาเธอร์จะไม่ชอบหน้าเฉินเฟิง แต่ตอนนี้ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกนับถือเฉินเฟิงขึ้นมา
สิ่งที่ทำให้อาเธอร์นับถือคือท่าทีที่เฉินเฟิงมีต่อเพื่อน เขาเป็นคนให้ความสำคัญกับความรักและความสัมพันธ์ คนแบบนี้ไปที่ไหนก็มีแต่คนยอมเป็นเพื่อนกับเขา เพราะเธอไม่ต้องกังวลว่าอีกฝ่ายจะแทงข้างหลังเธอ ตรงกันข้ามถ้าเธอเจอปัญหา เฉินเฟิงก็พร้อมจะช่วยเธออย่างเต็มที่ด้วย
วิลเลียมใส่หน้ากากเลยมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา เขาหรี่ตามองเฉินเฟิงที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยสายตาครุ่นคิด ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เดิมทีตอนการแข่งขันดำเนินไปได้ครึ่งทาง จั่วจู้ใช้ยาวิวัฒนายีน และยังใช้ท่าไม้ตายแบ่งคลื่น ขนาดวิลเลียมยังคิดว่าเฉินเฟิงต้องตายแน่ ตอนนั้นเขาค่อนข้างผิดหวังและเสียใจเล็กน้อย
ผิดหวังเพราะฝีมือของเฉินเฟิงดันแพ้จั่วจู้ซะงั้น ที่เสียใจเพราะเขาไม่ได้ฆ่าเฉินเฟิงกับมือ
พอถึงช่วงท้ายของการแข่ง เฉินเฟิงกลับพลิกชนะได้ ทำจั่วจู้พ่ายแพ้ไป ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินเฟิงไม่คิดฆ่าเขา จั่วจู้ป่านนี้ตายนานแล้ว วิลเลียมเก็บรายละเอียดการแข่งขันเอาไว้ทั้งหมด
เติ้งนีเองก็จับจ้องการแข่งเหมือนกัน ตั้งแต่เริ่มแข่งจนสิ้นสุด เขาเห็นได้อย่างชัดเจน เขาแอบพยักหน้า และเห็นชัดถึงการกระทำของเฉินเฟิงตั้งแต่ต้น ในขณะเดียวกันก็คิดอยากประลองฝีมือกับเฉินเฟิงดูสักยก
“ไม่พูดอะไรละกัน เฉินเฟิง ขอบคุณมาก!”
พอจั่วจู้ศิษย์อาจารย์จากไป เทียนอิงเข้ามาหาเฉินเฟิง และยกมือขึ้นคารวะพลางว่า
“พูดอะไรอย่างนั้น เป็นพี่น้องกันไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอก!” เฉินเฟิงแกล้งโมโหใส่
“เสี่ยวเฟิง การกระทำของนายในวันนี้ เชื่อว่าศิษย์พี่นายรู้เข้า ต้องดีใจมากแน่ นายเป็นความภูมิใจของเขา และเป็นความภูมิใจของวงการศิลปะการต่อสู้จีน เป็นความภูมิใจของจีนด้วย!”
อู่จื่อโจวที่ยืนอยู่ข้างๆทนไม่ไหวชมเชยขึ้นมา เขาพอใจกับการประลองเมื่อกี้ของเฉินเฟิงมาก พูดได้เลยว่าเฉินเฟิงปกป้องศักดิ์ศรีของจอมยุทธ์จีนเอาไว้ และยิ่งแสดงให้เห็นถึงความภูมิใจในฐานะจอมยุทธ์จีนออกมาด้วย
“ฮะฮะฮะ พูดได้ถูกต้องเลย!”
พวกชางโป๋ ฟางเจิ้งและจีอู๋ฉางพากันพยักหน้ารัวๆ แสดงความเห็นด้วยกับคำพูดของอู่จื่อโจว
“ท่านอู่ชมมากไปแล้วครับ เฉินเฟิงไม่กล้ารับไว้หรอก!”
เฉินเฟิงส่ายหน้ารัวๆ กล่าวอย่างถ่อมตน
พวกอู่จื่อโจวรู้นิสัยเฉินเฟิงดี เลยไม่ได้พูดอะไรอีก เดินจากไปพร้อมกับเฉินเฟิงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
“ทิฟฟานี่ มองอะไรอยู่น่ะ?”
พอพวกเฉินเฟิงออกไปจากสนามแข่ง พระสันตะปาปาโจ้ส์ที่นั่งอยู่โซนวีไอพีเอ่ยปากถามธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่อย่างสงสัย
ธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่ได้สติกลับมา รีบบอกว่า: “พระสันตะปาปา เมื่อกี้ท่านว่าอะไรนะคะ?”
“เฮ้อ ดูท่าเฉินเฟิงจะดึงวิญญาณเธอไปแล้วสิเนี่ย ทำให้เธอไม่ได้ยินที่ฉันพูดเลย!” พระสันตะปาปาโจ้ส์ถอนหายใจอย่างไม่รู้ว่าแกล้งหรือเปล่า
“คือ...ท่าน ดิฉัน...มิใช่นะคะ!”
หลังจากธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่ได้ยินคำพูดของพระสันตะปาปา เธอก็หน้าแดงขึ้นทันที เหมือนแอปเปิ้ลแดง มือน้อยจับมุมเสื้อไว้อย่างกระอักกระอ่วน
ในภาวะกระอักกระอ่วนนี้เอง ธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่กลอกตาไปมา และหันไปยิ้มให้กับโมดริชซึ่งเป็นเลขาธิการขององค์การศิลปะการต่อสู้ของโลกที่นั่งอยู่ข้างพลางว่า:
“เลขาธิการคะ คุณวิเคราะห์ผิดนะคะ เฉินเฟิงชนะแล้ว!”
“ฮะฮะ ใช่ครับ ธิดาเทพแห่งพรรคตามีแววมากกว่า!”
เลขาธิการโมดริชมองโจ๊ส์อย่างสงสัย ทั้งคู่พยักหน้าใส่กันเบาๆอย่างไม่ได้นัดหมาย เป็นเชิงเข้าใจความคิดของธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่
การแข่งขันจบลงแล้ว เสียงระฆังดังขึ้น ทุกคนเริ่มทยอยออกไปรับประทานอาหารกัน
ธิดาเทพแห่งพรรคทิฟฟานี่สามารถไปดูการแข่งรอบใดก็ได้ ขอเพียงเธอพอใจ
การแข่งครั้งนี้สนุกมาก ทั้งคู่สูสีกันมาก สุดท้ายเติ้งนีเอาชนะมูเนียร์ไปได้
แต่เติ้งนีรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้แสดงฝีมือออกมาทั้งหมดจริง
“เพื่อหัวโขนแชมป์นั่น ฉันไม่จำเป็นต้องสู้สุดชีวิต และต่อมาก็ยังมีการประลองกับวิลเลียมอีก!” นี่เป็นคำพูดเดิมของมูเนียร์
“มูเนียร์นี่ขี้ขลาดจริง!” ทุกคนต่างพากันโห่ร้องแสดงความไม่พอใจ
แต่มูเนียร์กลับไม่แคร์
“เฉินเฟิงจากจีน ฉันรอคอยการแข่งกับนาย และนี่เป็นการแข่งศิลปะการต่อสู้ นายเป็นคู่ต่อสู้ที่ฉันอยากประมือมากที่สุด!”
เติ้งนีบนเวทีพูดกับเฉินเฟิงที่นั่งดูการแข่งอยู่
“ฮะฮะ ดี ผมเองก็รอคอยเหมือนกัน!”
เฉินเฟิงที่อยู่ที่นั่งผู้ชมยืนขึ้นพลางยิ้มให้ เขารู้สึกได้ถึงความอยากเอาชนะและความนับถือไร้รูปร่างของเติ้งนี
เติ้งนีเป็นพวกสนใจแค่ศิลปะการต่อสู้ เขาหวังจะได้ประมือกับเฉินเฟิง และยังเคารพนับถือเฉินเฟิงด้วย
เฉินเฟิงเองก็ใช่ เขารู้สึกดีกับนิสัยร่าเริงตรงไปตรงมาของเติ้งนีมาก ดังนั้นเลยยอมรับคำท้าทายของอีกฝ่าย
ระดับพวกเขาน่ะ ถ้าไม่ใช่ศึกประลองความเป็นความตาย การประมือประลองเพื่อแลกเปลี่ยนวิชากันน่ะเป็นเรื่องดี สามารถเพิ่มพูนความเข้าใจความรู้ในการประลองได้
เฉินเฟิงรับคำท้าเติ้งนี จากนั้นเติ้งนียิ้มพลางเดินออกไป ส่วนเฉินเฟิงนั่งแถวที่นั่งคนดูเตรียมตัวรอดูการประลองของอาเธอร์และล็อกฟ์สะกีซึ่งเป็นอาวุธลับของรัสเซีย
เพราะยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชม.กว่าจะเริ่มการแข่งขัน เพื่อไม่ให้ผู้ชมรอจนเบื่อ องค์การศิลปะการต่อสู้เลยปล่อยดนตรีฮึกเหิมเมามันส์ออกมาสร้างบรรยากาศ บนจอภาพยังมีภาพไปมา ซึ่งภาพของเฉินเฟิงปรากฏขึ้นหลายครั้ง เขากลายเป็นหัวข้อฮอตฮิตในการแข่งครั้งนี้ไปแล้ว
แต่ว่าเฉินเฟิงก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาเอาแค่ครุ่นคิดถึงการประลองเมื่อกี้ของเติ้งนีและมูเนียร์
มูเนียร์สมเป็นอาวุธลับทางทหารจริงๆ อานุภาพทำลายล้างของเขาแรงมาก เรียกได้ว่าท่าเดียวจัดการคู่ต่อสู้ ทั้งมั่นคง แม่นยำและร้ายกาจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...