พลังของเฉินเฟิงเพิ่มขึ้นอย่างมาก เลือดของบาดแผลที่ท่อนขาได้หยุดไหลลงแล้ว และเขายิ่งไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดอะไรเลย ดังนั้นขณะต่อสู้กับสองพี่น้องเขาจึงไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
ปะทะกระบวนท่ากัน เขากลับดูมีความได้เปรียบมากขึ้น
แต่ขณะที่เฉินเฟิงกำลังเข้าจู่โจมต่อสู้อย่างดุเดือด ทางชิงจือกลับตกอยู่ในสภาพที่กำลังครุ่นคิดอย่างน่าประหลาดใจ
เหมือนกับว่าภาพสองเหตุการณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงปรากฏอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน
แบบหนึ่งเงียบแบบหนึ่งเคลื่อนไหว แบบหนึ่งเป็นผู้ชายแบบหนึ่งเป็นผู้หญิง
สถานการณ์ดังกล่าวนี้เหมือนกับทำให้เวลาหยุดชะงักลง
แต่นั่นคือเวลาที่เป็นเพียงความรู้สึก โดยที่เฉินเฟิงได้ชกเข้าไปที่หน้าอกของเน่เฉินหนึ่งหมัด บีบให้เขาต้องถอยร่นไปสิบกว่าก้าว ทุกอย่างก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
เน่เฉินรู้สึกว่ามีความหวานในปาก จากนั้นจึงได้กระอักเลือดออกมา พลังของหมัดนี้อย่างน้อยทำให้ม้ามและปอดของเขาได้รับบาดเจ็บ
เน่เจิ้งก็กระวนกระวายใจขึ้น กระบี่ยาวในมือยังคงไม่หยุดที่จะร่ายรำกระบวนท่า และเห็นว่ากำลัง ตกเป็นรองบ้าง เขาจึงได้แต่ประคับประคองสถานการณ์เอาไว้
เวลานี้เน่เฉินหันกลับไปมองที่ชิงจือ โดยที่เขาทราบดีว่าในเมื่อพวกเขาสองพี่น้องไม่สามารถที่จะต่อกรหยุดยั้งเฉินเฟิงได้ ดังนั้นจึงต้องขอความช่วยเหลือจากชิงจือ เมื่อครู่ที่เห็นเพียงแค่กระบวนท่าเดียว แต่พวกเขาก็มองออกว่าชิงจือมีพลังความสามารถที่สูงส่ง
หากว่ามีเธอเข้ามาสมทบ ถ้าอย่างนั้นการจับกุมคนชั่วเฉินเฟิงก็จะยิ่งง่ายดายมากขึ้น
แต่ชิงจือยืนนิ่งไม่ขยับ ไม่ได้สนใจความคิดของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
หมดหนทาง เขาจึงกลับเข้าสู่การต่อสู้อีกครั้ง เพราะลำพังเน่เจิ้งคนเดียวไม่สามารถรับมือกับการ จู่โจมของเฉินเฟิงได้
หมัดของเฉินเฟิงรวดเร็วมาก ถึงขนาดรู้สึกว่ายิ่งชกยิ่งรวดเร็วมากขึ้น เมื่อครู่เน่เจิ้งใช้กระบี่ต้านรับจนกระบี่ยาวม้วนตัวเป็นคันธนู แต่เขาก็ยังคงถูกหมัดชกเข้าอีกครั้ง
เขาถอยร่นหนึ่งก้าว จากนั้นก็เห็นเน่เฉินถูกชกเข้าอีกหมัด และก็ต้องถอยร่นเช่นกัน
สองพี่น้องทราบดีว่าหากปะทะต่อสู้ต่อไปพวกเขาคงอาจจะต้องตายอยู่ที่นี่ ทั้งสองคนจ้องมองซึ่งกันและกัน ความเข้าใจกันที่บ่มเพาะมาเป็นเวลาหลายปีทำให้พวกเขารู้ว่าแต่ละฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
ชั่วครู่หลังจากนั้น เน่เจิ้งแกล้งทำเป็นโจมตี เน่เฉินก็กลับตัวเพื่อคิดจะหลบหนี
แต่เฉินเฟิงไม่ได้คิดที่จะปล่อยให้เน่เฉินหลบหนีไปได้ เขาสะบัดกระบี่ยาวของเน่เจิ้งออก แล้ววิ่งไล่ตามเน่เฉิน ขณะที่กำลังเข้าประชิดตัว ทางฝ่ายเน่เจิ้งก็รีบเร่งฝีเท้า หนีห่างออกไปจากเฉินเฟิง
เฉินเฟิงโมโห รู้สึกเหมือนว่าโดนเล่นตลก จึงรีบที่จะไปจับตัวของเน่เจิ้งเอาไว้ ส่วนเน่เฉินคงไม่มีทางที่จะจับตัวได้ทันแล้ว
เมื่อตั้งสติกลับขึ้นได้ นึกไม่ถึงว่าสองพี่น้องได้หลบหนีออกไปคนละทิศคนละทางจากบริเวณที่ต่อสู้
พลังการต่อสู้ที่ไร้ขีดกำจัดของเฉินเฟิงกลับสูญเสียช่องทางการปลดปล่อย ไม่มีสองพี่น้องนั้นเป็นเป้าหมาย เขาจึงทำได้เพียงเข้าไปสู้รบกับชิงจือที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น
ยังคงปล่อยหมัด ซึ่งเป็นหมัดที่ดุดัน
แต่เหมือนกับว่าด้านหลังมีดวงตา ชิงจือไม่แม้แต่หันกลับมามองก็สามารถเอี้ยวตัวหลบได้อย่างง่ายดาย
เฉินเฟิงรีบพุ่งเข้าไปจับที่ไหล่ของชิงจือ แต่มือหนึ่งข้างที่ยื่นมาทันใดนั้นก็บิดกลับจับไปที่หลังมือของเขาเอง เสียงดังแกร็ก ข้อมือของเขาหักเป็นสองท่อน
เฉินเฟิงไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่ข้อมือไม่สามารถใช้งานได้อีก ปล่อยทิ้งมือข้างขวาลง และใช้มือซ้ายมาต่อสู้แทน
แต่ทว่าก็เหมือนกับเป็นการฉายซ้ำฉากเดิม ภาพเหตุการณ์เมื่อสักครู่ได้ปรากฏซ้ำขึ้นอีกครั้ง
เขาลากสองมือที่ใช้งานไม่ได้ โดยเหลือแต่ขาสองข้างที่สามารถใช้ในการต่อสู้
แต่เขาอาจจะไม่มีโอกาสอีกครั้งก็เป็นได้ โดยมีดเล่มหนึ่งตีเข้าไปที่หน้าผากของเขา ดวงตาที่สามารถมองเห็นได้ปกติทันใดนั้นก็ได้เลือนลางขึ้น
เฉินเฟิงล้มลงไปที่พื้น สาวน้อยที่นั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับในที่สุดก็มีการตอบสนองขึ้นบ้างแล้ว
ชิงจือมองออกว่าสาวน้อยคนนี้เหมือนกับเป็นห่วงเฉินเฟิง จึงพูดขึ้นว่า
“คุณรู้จักเขาเหรอ? ”
สาวน้อยได้ยินเสียงของชิงจือ เดิมทีมีความคิดที่จะไปดูเฉินเฟิงสักหน่อยแต่ก็ต้องถอยร่นกลับมา
“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่รู้จักเขา ถ้าอย่างนั้นฉันก็ฆ่าเขาเลยก็แล้วกัน”
ชิงจือมองไปที่เฉินเฟิงอย่างเย็นชา จากนั้นก็เตรียมที่จะลงมือ
ยาน้ำที่ประหลาดเหล่านี้ก็เริ่มที่จะเจือจาง เหมือนว่าได้อาศัยเฉินเฟิงเป็นตัวคัดกรอง โดยที่สิ่งเจือปนในตัวยาได้เข้าซึมไปในร่างกายของเขา ซึ่งยังไม่รู้ว่าเขาจะสลบไปอีกนานเท่าไหร่ถึงจะฟื้นขึ้นมา
แต่หลังจากที่ฟื้นได้สติขึ้นมา ก็ไม่มีความเจ็บปวดแล้ว
สดชื่นแจ่มใสอย่างกับเป็นคนใหม่ ลมยามค่ำคืนของฤดูร้อนพัดโบกอย่างเย็นสบาย
เงาข้างหลังที่ยืนอยู่ไปไม่ไกลมากนัก เฉินเฟิงรู้จัก
เธอกำลังบดสิ่งของอะไรให้แตกละเอียด เสียงทุบบดตึง ๆ ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
แต่เมื่อเฉินเฟิงได้สติขึ้นมา เธอเหมือนกับว่ามองเห็น จึงหันหลังกลับไปมองเฉินเฟิง
“คุณฟื้นแล้วเหรอ? ”
“นี่คือที่ไหน ? ” เฉินเฟิงถามขึ้น
“ที่นี่คือบ้านของฉัน คุณไม่ต้องกังวล ฉันไม่ทำอะไรคุณหรอก เพียงแต่วิชาพลังที่แปลกประหลาดของคุณนั้นมันช่างเลวร้ายเสียจริง ฉันจึงต้องใช้สมุนไพรเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของคุณ”
เฉินเฟิงมองไปที่ชิงจืออย่างจริงจัง เขาคิดซาบซึ้งกับฝ่ายตรงข้ามอยู่บ้าง เขารู้ว่าความเจ็บปวดที่ทำให้เขาทรมานนี้ หากว่าไม่ใช่พวกยาสมุนไพรนี้แล้ว เขาคงอาจจะต้องอดทนต่อความเจ็บปวดนี้ไปอีกนาน ครั้งก่อนก็ประมาณหนึ่งสัปดาห์ ครั้งนี้อาจจะนานมากกว่านั้น
ตอนนี้ ชิงจือได้พูดขึ้นว่า
“แม้ว่าฉันจะมองไม่ออกว่าที่คุณเรียนมานั้นคือพลังวิชาอะไร แต่ต่อไปคุณไม่ควรที่จะใช้มันอีก มันไม่เป็นประโยชน์สำหรับตัวคุณ”
เฉินเฟิงไม่มีการตอบรับอะไร เขาเองก็ทราบดีว่า ในบางครั้งเรื่องราวแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาจะสามารถกำหนดตัดสินใจได้เองที่ไหนกัน
จากนั้น ชิงจือก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มอีก บดยาสมุนไพรเสร็จแล้วก็เดินออกไป
เฉินเฟิงนอนแช่อยู่ในนั้นตามลำพัง ทำอะไรก็ไม่ได้ แต่เวลาผ่านไปนานพอสมควร ก็มีเงาร่างของเด็กน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามา
เด็กน้อยน่ารักสวยงาม สาวใส่เสื้อคลุมสีขาว ใบหน้าแดงก่ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...