ลูกเขยมังกร นิยาย บท 834

หลังจากที่เดินมาถึงเฉินเฟิงจึงมอบลูกอมให้กับเด็กๆ คนละอัน เหล่าเด็กน้อยต่างพากันวิ่งจากไปด้วยความดีใจ

แต่บ้านถ่ำที่อยู่ตรงหน้าของเฉินเฟิงนั้นดูรกร้างอย่างเห็นได้ชัดเลย แต่เพราะมีของแห้งหลากหลายชนิดแขวนอยู่ตรงประตู จึงทำให้พอจะดูออกว่ายังมีคนอาศัยอยู่ที่นี่

“มีใครอยู่หรือเปล่าครับ?”

เฉินเฟิงที่ยืนอยู่ด้านนอกตะโกนถามเข้าไป แต่กลับไม่มีสัญญาณตอบกลับใดๆ เลย

เฉินเฟิงเลยตัดสินใจเดินเข้าไปแล้วเคาะประตู แต่ทว่าข้างในนั้นดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ และในตอนนั้นเองก็มีชายอายุราวหกสิบปี ร่างกายดูแข็งแรงกำยำเดินเข้ามาจากปากทาง พร้อมกับตะโกนใส่เฉินเฟิงพวกเขาสองคน

“พวกคุณมาทำอะไรกัน?”

เฉินเฟิงหันไปมองชายแก่ พร้อมกับตอบคำถามของเขา

“พวกเรามาหาคนครับ”

“ไม่ต้องตามหาแล้ว เป็นเขานั่นแหละ”

เฉินเฟิงที่เพิ่งจะพูดไม่ทันขาดคำ ชิงจือก็หันมาบอกกับเขา

เมื่อได้ยินแบบนั้นเฉินเฟิงถึงหันกลับไปสำรวจอีกฝ่าย ลักษณะของเขาก็เหมือนกับชาวนาทั่วไป ไม่เห็นมีอะไรที่จะดูพิเศษกว่าคนอื่นเลยสักนิด ซึ่งในตอนที่เขากำลังสังเกตนั้น ชายแก่ก็พุ่งทะยานเข้ามาหาพวกเขาสองคนโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว

เฉินเฟิงเตรียมตั้งรับทันทีโดยอัตโนมัติ เมื่อกี้นี้เขาไม่ทันได้สังเกต แต่ทันทีที่มีการเคลื่อนไหวเข้ามา เขาถึงได้รู้ว่าชายแก่คนนี้ที่แท้ก็เป็นคนที่เก็บซ่อนความสามารถของตัวเองเอาไว้ และอีกสิ่งที่เขาค้นพบก็คือชายคนนั้นไม่ได้กระโจนมาหาเขา เพราะชิงจือที่อยู่ข้างๆ ของเขาพุ่งทะยานเข้าไปหาเขาแล้ว

ทั้งสองไม่เสียเวลาพูดอะไรมาก แล้วใช้กำลังการต่อสู้ปะทะเข้าหากันทันที ทั้งสองต่อสู้กันอยู่ตรงบริเวณลานโล่งหน้าบ้าน เพียงไม่นานก็สู้กันเกินสิบกระบวนท่าแล้ว ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และกระบวนท่าที่สลับซับซ้อนทำให้เฉินเฟิงถึงกับตาพร่ามัว

แต่คนที่สามารถต่อสู้กับชิงจือที่เป็นถึงมหาปรมาจารย์ด้วยความสนิทสนมแบบนี้ อีกฝ่ายก็คงไม่พ้นจากการเป็นแดนมหาปรมาจารย์

ซึ่งเป็นเรื่องที่เฉินเฟิงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลเช่นนี้จะมียอดฝีมือแดนมหาปรมาจารย์มาซ่อนตัวอยู่ที่นี่

และด้วยความประหลาดใจ เฉินเฟิงจึงตั้งใจอย่างมากในการชื่นชมแก่นแท้ของการต่อสู้ระหว่างอาณาจักรที่ต่างกันออกไปเพราะนี่ไม่ใช่ว่าจะได้พบเห็นกันได้ง่ายๆ เลย

ตอนนี้การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ทั้งสองต่างอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ในเวลาสั้นๆ แบบนี้ไม่มีทางรู้ผลแพ้ชนะแน่นอน ตอนแรกเฉินเฟิงก็เป็นห่วงในตัวของชิงจือ เพราะอยู่ๆ อีกฝ่ายก็กระโจนเข้ามาโดยที่ไม่พูดไม่กล่าวอะไรเลย หรือว่าเขาจะเป็นศัตรูของชิงจือ แต่ว่าหากดูตามการแลกหมัดและกระบวนท่าของพวกเขาแล้ว พร้อมทั้งการยั้งมือให้กับอีกฝ่ายจึงทำให้เฉินเฟิงรู้สึกโล่งใจไม่น้อย เพราะพวกเขาคงจะรู้จักกัน

และแล้วหลังจากที่ผ่านไปไม่นาน พวกเขาทั้งสองก็หยุดการต่อสู้ลง

“สาวน้อย ไม่ได้เจอกันหลายปี ทำไมรู้สึกว่าเธอฝีมือด้อยกว่าเมื่อก่อนแล้วล่ะ”

ชายแก่พูดด้วยรอยยิ้ม

แต่ชิงจือยังคงพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย

“นั่นเป็นเพราะคุณอ่อนแอเกินไป หนูกลัวว่าถ้าหากใช้แรงทั้งหมดอาจจะทำให้คุณกระเด็นไปกับพื้นได้”

ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่ในแววตาของชิงจือกลับไม่ได้แสดงออกถึงการดูถูกเลย

ชายแก่จึงหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง

“สาวน้อย ถึงวิชาต่อสู้จะไม่เท่าไหร่ แต่ปากของเธอนี่ร้ายกาจกว่าวิชาต่อสู้เยอะเลยนะ เอาเถอะๆ ฉันก็แค่ตาเฒ่าธรรมดาคนหนึ่งจะมีสิทธิ์ไปวิจารณ์เธอได้อย่างไร”

เขาเดินมุ่งตรงเข้ามายังพวกเขาสองคนพร้อมกับถามอีกครั้ง

“เธอมาหาฉันทำไม?คงจะไม่ได้มาเพื่อแค่ต่อสู้กับฉันแค่นี้หรอกนะ”

ชายแก่เพิ่งจะพูดไปไม่เท่าไหร่ ตรงทางเข้าก็มีรถหลายคันขับเข้ามา รถวิบากคันสูงขับผ่านเข้ามาพร้อมกับฝุ่นควัน

ทั้งสามคนหยุดนิ่งพร้อมกับหันไปมอง เพราะตอนนี้รถเหล่านั้นกำลังมุ่งหน้ามายังพวกเขา

และทันทีที่มาถึงลานโล่ง รถวิบากก็ค่อยๆ จอดไล่ตามกันไป หลังจากนั้นก็มีชายหนุ่มเดินลงมาจากรถทีละคนๆ พวกเขาดูท่าทางแล้วอายุยังไม่ถึงสามสิบกันเลยสักคน ทั้งการแต่งตัวยังดูแปลกใหม่และทันสมัยอีกต่างหาก

ชายร่างผอมบางผมย้อมสีแดงลงมาจากที่นั่งเบาะหลังเดินนำคนอื่นๆ เข้ามาหาพวกเขา พร้อมกับหันไปตะโกนกับชายแก่

“ตาแก่ เอายังไง พื้นที่นี้ปล่อยได้หรือยัง เรื่องง่ายนิดเดียว ถ้าบอกว่าได้ก็ต่อรองราคามาได้เลย”

ใบหน้ามีความสุขของพ่อของสิงอี้เปลี่ยนไปทันที ราวกับว่าได้พบเจอกับเรื่องน่าขยะแขยงอะไรบางอย่าง

“ไสหัวไป ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกแก”

เฉินเฟิงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

“คนธรรมดาที่ผ่านทางมาเท่านั้น”

แต่หลังจากที่เฉินเฟิงพูดจบ ท่าทีของชายผมแดงก็เปลี่ยนไปในพริบตา เมื่อเขาเห็นว่าบนตัวเฉินเฟิงไม่มีของมีค่าอะไร เขาจึงไม่จำเป็นที่จะอ้อมค้อมอีก

“แล้วแกมาอยู่ตรงนี้ทำอะไร นี่มันใช่ที่ให้แกมาเสนอหน้าพูดด้วยงั้นหรอ”

เฉินเฟิงยิ้มตอบ “ผมก็แค่ไม่ชื่นชอบการกระทำแบบนี้ของคุณ เลยเข้ามาช่วยเหลือเท่านั้น”

เมื่อเห็นรอยยิ้มของเฉินเฟิง ชายผมแดงยิ่งเกิดความโมโหมากยิ่งขึ้น

“แกคิดว่าฉันอารมณ์ดีมากหรือไง ฉันกำลังพูดกับตาแก่อยู่ แกรีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพวกพ้องของฉันไม่ไว้หน้าแก”

ทันทีที่เขาพูด เหล่าลูกน้องที่อยู่ข้างหลังของเขาก็เริ่มสะบัดข้อมือพร้อมจะหาเรื่อง

เฉินเฟิงที่เห็นอย่างนั้นจึงตอบกลับ

“ฉันก็แค่คิดว่าเรื่องพวกนี้สามารถใช้เงินแก้ปัญหาได้ก็เท่านั้น ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ต้องเสียแรงมาต่อยตีกันด้วยซ้ำ เพราะหากต่อยตีกันแล้วสุดท้ายมีแต่จะบาดเจ็บและเสียอารมณ์กันเปล่าๆ ”

ชายผมแดงยังคงไม่เข้าใจ

“นี่ไม่ใช่ปัญหาของเงิน แต่ตาแก่นั่นมันหัวแข็ง ให้เงินไปเท่าไหร่ เขาก็ไม่ยอมสักที มันก็แค่พื้นที่ฝังศพบรรพบุรุษเท่านั้นกลับทำเป็นของล้ำค่าไปได้ ทั้งที่เงินที่เสนอให้ไปมันมากพอที่จะซื้อที่ดินมากมายแล้ว ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงถึงไม่ยอมสักที”

เฉินเฟิงยังคงยิ้มรับ

“ผมก็ยังคิดว่ามันเป็นปัญหาเรื่องเงิน พวกคุณเสนอเงินน้อยเกินไป ฉะนั้นเขาเลยไม่ยอมสักที ดูนี่สิ ตรงนี้ของผมมีเงินอยู่สามแสนหยวน ถ้าหากผมยกมันให้กับคุณให้พวกคุณอย่ากลับมาที่นี่อีก คุณคิดว่ายังไง”

เฉินเฟิงหยิบบัตรเอทีเอ็มใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง พร้อมกับวางไว้บนฝ่ามือ

หลังจากที่ชายผมแดงได้เห็นเฉินเฟิงพูดแบบนี้ เขาถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะกว่าจะตั้งสติกลับมาได้

“แกพูดจาเหลวไหลอะไรกัน อย่างแกจะมีเงินสามแสน ฉันว่าอย่างแกก็แค่พวกอ่อนต่อโลก ที่มาร้องรำทำเพลงอยู่ตรงนี้ซะมากกว่า”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร