ลูกเขยมังกร นิยาย บท 857

และคำตอบอันเด็ดเดี่ยวนี้ของเฉินเฟิงทำให้เซียงหลันเหมือนจะสูญเสียความหวังสุดท้ายไปในพริบตา เธอทรุดตัวลงนั่งกับพื้นโดยไม่ขวางทางเฉินเฟิงอีก

เฉินเฟิงปล่อยเธอไปก่อนจะมุ่งหน้าไปยังทางที่เคยเข้ามา

แต่กระทั่งตอนที่เขากำลังจะเดินออกจากประตูใหญ่ไป หลินเฉิงจื้อก็เข้ามาขวางทางเขาไว้ด้วยอีกคน

ตอนนี้เขาไม่ได้ต่างอะไรกับเซียงหลันเลย ทว่าเขาแค่ไม่ได้ร้องขอด้วยท่าทางที่ตกต่ำแบบนั้น ก่อนจะถามออกมา : “ต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมออกมือช่วยเหลือ ”

เฺฉินเฟิงมองดูใบหน้าที่ยังคงนิ่งเฉยของเขา พลางตอบกลับอย่างเย็นชา : “ช่องว่างในการเข้าหากันเพียงครั้งเดียวของพวกเรายังดูไม่เป็นมิตรแบบนี้ คุณคิดว่าผมจะยังช่วยพวกคุณได้อย่างไร”

“ผมเข้าใจแล้ว” เมื่อพูดจบเขาก็หลีกทางให้

ท้องฟ้ามืดลง แต่หลี่จื่อเยว่ยังคงไร้สติอยู่อย่างนั้น เฉินเฟิงจึงพาหลี่จื่อเยว่กลับมาพักในเมือง

และเขาก็นั่งเฝ้าอยู่ข้างกายหลี่จื่อเยว่ไม่ไปไหน เพื่อรอจนกว่าเธอจะฟื้นขึ้นมา

และในที่สุดหลี่จื่อเยว่ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา หลังจากที่เหมือนกับได้ตื่นมาจากฝัน สิ่งแรกที่เธอได้เห็นก็คือเฉินเฟิง

ทว่าสำหรับเธอแล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นเธอจำอะไรไม่ได้เลย ดังนั้นจึงเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าทำไมตัวเองถึงมานอนอยู่ที่นี่ได้

เฉินเฟิงมองเธอด้วยรอยยิ้ม แต่ใบหน้าของหลี่จื่อเยว่กลับเต็มไปด้วยความงุนงง ซึ่งเฉินเฟิงเองก็ไม่ได้คิดที่จะอธิบายอะไรกับเธอทั้งสิ้น

เขาเพียงบอกให้เธอพักผ่อนเยอะๆ จากนั้นเฉินเฟิงก็กลับไปยังห้องพักของตัวเอง

และเพียงรอให้ถึงเช้าในวันถัดไป พวกเขาก็จะได้เริ่มเดินทางใหม่อีกครั้งแล้ว

เฉินเฟิงคิดแบบนี้

จนในช่วงเที่ยงคืน ประตูห้องของเขาก็ถูกใครบางค่อยๆ เปิดเข้ามา เพราะเฉินเฟิงเป็นคนที่หลับตื้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะรู้ตัวเมื่อมีเสียงดังขึ้น

เขาลุกขึ้นนั่งรอให้คนคนนั้นเข้ามาด้านใน

ภายใต้ความมืดมิด เงาร่างเล็กๆ กุมหน้าอกของตัวเองเดินเข้ามาอย่างโซซัดโซเซ

เฉินเฟิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองดูอย่างเงียบๆ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังไม่รู้ตัวว่าเฉินเฟิงได้ตื่นขึ้นมาแล้ว จึงเดินเข้าไปในห้องน้ำ ผ่านไปสักพักเสียงน้ำไหลก็ดังออกมาจากด้านใน

อีกฝ่ายไม่ได้ เหมือนกับว่ากลัวว่าจะถูกคนที่อยู่ด้านนอกเห็นเข้า

และเฉินเฟิงก็นั่งเงียบอยู่อย่างนั้นเพื่อฟังเสียงที่ด้านใน จากนั้นคนคนนั้นก็เดินออกมา ราวกับเตรียมตัวจะเดินออกไป

ทว่าเฉินเฟิงกลับพูดขึ้นมาอย่างเบาๆ : “ในเมื่อเข้ามาแล้ว ทำไมถึงไม่อยู่นานหน่อยล่ะ ”

ร่างนั้นสะดุ้งพลางเอนเข้าไปติดกำแพงราวกับนกน้อยที่กำลังหวาดกลัว

และในตอนที่เฉินเฟิงเตรียมตัวจะเปิดไฟตรงหัวเตียง เสียงใสของหญิงสาวก็ดังขึ้นมา

“อย่า!”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเฟิงก็รู้สึกคุ้นหูทันที พลางถาม : “เซียงหลัน?”

และร่างนั้นเองก็เหมือนจะตกใจไม่น้อย เธออุทานออกมาด้วยความตะลึง : “ท่านเฝิง?”

“ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าผมจะไม่ช่วยพวกคุณ ทำไมคุณยังมาที่นี่อีก ”

และนั่นก็คือสิ่งแรกที่เฉินเฟิงคิดได้ว่าเซียงหลันมาร้องขอเขาอีกครั้ง

แต่ว่าครั้งนี้เป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น เซียงหลานจึงตอบกลับ: “ไม่คิดจริงๆ ว่าจะเป็นท่านเฝิง ฉันเพียงแค่ถูกคนไล่ฆ่าจนหนีมาถึงที่นี่เท่านั้น ”

เฉินเฟิงอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อ: “ถูกไล่ฆ่า?”

“ในเมื่อท่านเฝิงไม่ยอมช่วยเหลือ อย่างนั้นฉันจึงต้องพึ่งตัวเองแล้วเท่านั้น ”

“แล้วหลินเฉิงจื้อล่ะ?” เฉินเฟิงถาม

“คงอาจจะตายไปแล้ว” เซียงหลันพูดออกมา แต่กลับเหมือนไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น อย่างกับเป็นเพียงคนไม่รู้จักคนหนึ่งตายไปเท่านั้น

เฉินเฟิงเข้าใจได้ทันทีเลยว่าเขากำลังพูดถึงชิงจือ เขาจึงได้เพียงยิ้มออกมา : “จะให้ผมไปเรียกเธอ หรือว่าจะให้พวกเราต่อสู้กันให้เสียงดังสักหน่อยดีล่ะ แบบนี้เดี๋ยวเธอก็จะเข้ามาที่นี่เอง”

ตู๋กูหยุนยืนไตร่ตรองอยู่ตรงนั้น เพราะตอนนี้เขายังคงหวาดกลัวในตัวชิงจืออย่างมาก

เขาตวาดสายตาเย้นชามองไปยังเฉินเฟิงก่อนจะหันไปทางเซียงหลัน พร้อมกับลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่เพราะเฉินเฟิงไม่ได้รีบร้อนอะไรจึงพูดขึ้นมา : “ คุณกำลังทำอะไรอยู่ จะสู้ก็รีบสู้ ถ้าหากรอนานเดี๋ยวเธอมาคุณก็จะหนีไปอีก แบบนั้นมันดูไม่มีความหมายอะไรเลยสักนิด ”

เมื่อเฉินเฟิงพูด ทางด้านตู๋กูหยุนก็เหมือนจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว จากนั้นเขาจึงพูดต่อ : “วันนี้ผมจะไว้ชีวิตคุณไปก่อน ผมจะคอยดูว่าหมอนี่จะปกป้องคุณไปได้นานแค่ไหนกัน ”

เห็นได้ชัดเลยว่าประโยคนี้เขาพูดกับเซียงหลัน

หลังจากที่เขาพูดจบก็กระโดดออกไปจากหน้าต่างที่อยู่ด้านหลัง ในเมื่อสามารถกระโดดขึ้นมาถึงชั้นหกนี้ได้อย่างง่ายดาย อย่างนั้นการจะกระโดดกลับลงไปคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร

หลังจากผ่านไปหลายนาที ภายในห้องก็กลับมาสงบอีกครั้ง

เฉินเฟิงมองไปยังหน้าต่างและเห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก ถึงค่อยพูดขึ้น : “เขาน่าจะไปแล้ว”

เมื่อหันกลับไปมองเซียงหลินอีกครั้ง เฉินเฟิงเองก็ไม่คิดเลยว่าคนที่เธอไปบาดหมางด้วยจะเป็นตู๋กูหยุน แต่ตอนนี้สิ่งที่ไม่ใช่ความตั้งใจของเขาในตอนนี้คือการช่วยเหลือเซียงหลันเอาไว้

และเขาก็ไม่ได้คาดหวังให้เซียงตอบแทนอะไรอีกด้วย

เซียงหลันที่เห็นอย่างนั้นจึงพูดขึ้น: “อย่างนั้นฉันก็ควรที่จะไปได้แล้ว”

เฉินเฟิงคิดอยู่สักพัก ก่อนจะห้ามเธอเอาไว้: “เขาคงไม่กล้ากลับมาอีกแล้ว คุณค้างคืนที่นี่สักคืนไปก่อน ผมไม่ไล่คุณออกไปหรอกนะ ”

เซียงหลันเหมือนต้องการที่จะยืนหยัดด้วยตัวเอง แต่เฉินเฟิงกลับพูดขึ้นมาอีกครั้ง : “คุณก็เห็นแล้ว ว่าผมมีความเรื่องบาดหมางกับเขาอยู่แล้ว ในเมื่อเขารู้ว่าคุณอยู่ข้างผม แน่นอนว่าคงจะไม่กล้ากลับมาอีก ซึ่งสำหรับผมแล้วเรื่องพวกนี้ก็เป็นแค่เรื่องไม่สำคัญอะไรเท่านั้น ”

เดิมทีเซียงหลันยังอยากที่จะร้องขอความคุ้มครองจากเฉินเฟิง แต่เมื่อนึกถึงการปฏิเสธอันไม่อ้อมค้อมนั้นของเขา เธอจึงรู้สึกว่าเฉินเฟิงไม่มีทางเก็บเธอเอาไว้แน่ แต่ในเมื่อตอนนี้เฉินเฟิงพูดอย่างนี้แล้วเธอจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยืนกรานอีกต่อไป

“ถ้าอย่างนั้นจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่ไปก่อน พรุ่งนี้ฉันจะไปทันที ” เธอยังคงมีความกังวลใจว่าเฉินเฟิงจะเปลี่ยนใจ

แต่ว่าเฉินเฟิงกลับไม่ได้พูดอะไร พรุ่งนี้ก็คือเรื่องของวันพรุ่งนี้ เขาไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปไล่ตาม แต่ว่าตอนนี้ในห้องมีเตียงแค่เตียงเดียว แบบนี้เหมือนจะเป็นเรื่องยากในการตัดสินใจ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร