หลังจากที่เฉินเฟิงและเซียงหลันกลับมาถึงที่พักแล้ว ก็มีคนเข้ามาถามเขา
“คุณผู้หญิงคนนั้นที่มากับคุณท่านได้คืนห้องออกไปแล้ว ไม่ทราบว่าท่านจะคืนห้องเมื่อไหร่?”
เฉินเฟิงถามด้วยความสงสัยว่า “เด็กสาวที่ผอมๆคนนั้นเหรอ? เธอทำไมคืนห้องไปแล้วล่ะ?”
คนนั้นตอบว่า “อันนี้พวกเราก็ไม่ทราบแน่ชัดได้ แต่ตัวเธอเองมาคืนห้องตรงหน้าเคาน์เตอร์จริงๆ ไม่เช่นนั้นท่านก็ลองถามเธอด้วยตัวเองดีมั๊ย?”
เฉินเฟิงสีหน้าบึ้งตึงทันที เดิมทีนึกว่าน่าจะเป็นตู๋กูหยุน เขารับปากกับหลี่จื่อเยว่ว่าจะพาเธอไปหาชิงจือ แต่ว่าตอนนี้เธอกลับหายตัวไปเสียแล้ว
เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินเฟิงแฝงด้วยความโกรธ เซียงหลันจึงถาม “ท่านเฝิง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ?”
เฉินเฟิงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่เกี่ยวกับแก”
เซียงหลันอยู่ดีๆหาเรื่องใส่ตัว เมื่อครู่ก็ได้ยินว่าเด็กสาวที่อยู่ด้วยกันกับเฉินเฟิงนั้นถูกคนพาตัวไปแล้ว เธอคาดเดาว่าคงเป็นสาเหตุเรื่องนี้ แต่ก็ไม่รู้แน่ชัดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเด็กสาวกับเฉินเฟิงนั้นเป็นอย่างไร ดังนั้นก็ไม่กล้าถามให้ชัดเจน
จึงได้แต่รอคอย กลับได้ยินเฉินเฟิงถามเธอว่า “แกสามารถจะหาตัวตู๋กูหยุนมาได้ไหมล่ะ”
เซียงหลันตกตะลึงสักพัก เธอจะไปหาเขาอย่างไรกัน แม้แต่หลบหลีกยังไม่ทันเลย กำลังคิดจะพูดแซวเล่น แต่เห็นสีหน้าของเฉินเฟิงยังบึ้งตึงเหมือนเดิม จึงพูดอย่างจริงจังว่า “ถึงแม้ว่าตู๋กูหยุนได้ฉายาว่ากระเรียนพันลี้ แต่ว่าก็ต้องมีที่พักอาศัยเป็นที่เป็นทางบ้าง เพียงแต่ว่า เบื้องหลังเขามีหมาป่าทะเลทรายหนุนหลังอยู่ ในทะเลทรายที่กว้างใหญ่แห่งนี้ คิดจะหาเขาคงเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากทีเดียว”
เฉินเฟิงพูดอย่างรำคาญใจว่า “ฉันก็แค่อยากรู้ว่าหาเขาได้ยังไงเท่านั้นเอง”
เซียงหลันรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากเมื่อถูกสายตาที่จ้องจะฆ่าคนเช่นนั้นมองมายังเธอ จึงพูดอย่างลังเลว่า “ถ้าหากคุณอยากจะตามหาตู๋กูหยุนจริงละก็ วิธีที่ดีที่สุดก็คือไปขอความช่วยเหลือจากตระกูลเชียน”
เฉินเฟิงจ้องมองเซียงหลันเขม็ง แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “ได้ งั้นก็พาฉันไปบ้านตระกูลเชียนแล้วกัน”
ในใจเซียงหลันก็ย่อมไม่เต็มใจเป็นธรรมดา เดิมทีเธอก็ไม่ชอบอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเชียนหนิงได้พาเพื่อนสนิทของเธอจากไป เพียงแต่ว่าเธอก็เกรงกลัวเฉินเฟิง เมื่อคิดดูแล้ว ก็ต้องยอมตกลงตามนั้น
ถึงแม้ว่าในสองปีนี้ชื่อเสียงใช่ว่าจะโดดเด่นมากนักก็จริง แต่ว่าตระกูลเชียนยังไงก็เป็น ตระกูลใหญ่ที่สืบทอดกันมายาวนานนับพันปีแล้ว เพียงแค่ทรัพย์สมบัติแต่ละยุคสมัยที่ได้สั่งสมมานั้น ก็มากพอที่จะให้ตระกูลเชียนนั้นอยู่เหนือคนอื่นอีกเป็นจำนวนมาก
ศาลากลางน้ำสิ่งก่อสร้างริมทางตระการตา ตึกรามบ้านช่องอาคารคฤหาสน์หรูหราอร่าอร่าม ย่างเข้าเดือนเก้า ใบไม้ร่วงหล่น เห็นใบไม้ร่วงก็ให้รู้ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือนแล้ว
เฉินเฟิงนั่งอยู่ในศาลาสุ่ยนั้น ภายในศาลามีคนยืนบริการอยู่ข้างๆ บนโต๊ะมีผลไม้วางอยู่ ไอร้อนจากน้ำชาร้อนแก้วหนึ่งค่อยๆลอยขึ้น แต่ว่าเจ้าของบ้านยังมาไม่ถึง เฉินเฟิงจึงได้แต่นั่งรอต่อไป
มีหญิงสาวหน้าใสคนหนึ่งจูงเด็กน้อยอายุรามแปดเก้าขวบกำลังเล่นน้ำอยู่ฝั่งตรงข้าม ส่งเสียงแจ้วเจ้ามาเป็นระยะๆ เด็กคนนั้นหน้าตาขาวใสสะอาด แต่งตัวก็ดูสวยงามดี คาดเดาว่าน่าจะเป็นลูกหลานเจ้าของบ้าน
ขณะกำลังนั่งมองเพลินๆอยู่นั้น ก็มีคนเดินเข้ามายังศาลาสุ่ย
หน้าตาท่าทางดูแล้วอายุก็ราวยี่สิบกว่า รุ่นราวคราวเดียวกับเฉินเฟิง ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเครา แขนขาเรียวยาว ก็นับว่าเป็นคุณชายที่หน้าตาสดใสหล่อเหลาเอาการทีเดียว
ยังไม่ทันที่จะได้เห็นหน้าเฉินเฟิงเลย ก็ส่งยิ้มเดินเข้ามาแต่ไกล
เมื่อได้พบว่าเฉินเฟิงแล้ว ก็รีบแนะนำตัวเองว่า “กระผมเชียนสวนยี่ ไม่ทราบว่าคุณท่านมีนามว่าอะไรเหรอ?”
เฉินเฟิงตอบว่า “เฉินเฟิง”
เดิมทีนึกว่าฝ่ายนั้นไม่น่าจะรู้จักตัวเอง แต่นึกไม่ถึงว่าเชียนสวนยี่กลับแสดงสีหน้าตกตะลึงแล้วพูดว่า “คุณท่านน่าจะเป็นคนที่สู้ชนะกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ชื่อเฉินเฟิงคนที่สำนักเทียนซานกำลังตามจับตัวท่านนั้นสิ”
เฉินเฟิงจึงพูดว่า “ผมอยากจะหาคนคนหนึ่ง”
“ใครเหรอ?”
“กระเรียนพันลี้ ตู๋กูหยุน”
เชียนสวนยี่ได้แต่มองไปยังเฉินเฟิง แต่ไม่ได้รีบตอบรับทันที ผ่านไปสักครู่ เขาจึงพูดว่า “คนคนนี้เป็นคนของหมาป่าทะเลทราย ถ้าหากให้เขารู้ว่าตระกูลเชียนเรากำลังตามหาเขาอยู่ละก็ ไม่แน่อาจจะคิดว่าตระกูลเชียนเรากำลังจะลงมือจัดการกับหมาป่าทะเลทรายก็ได้ ดังนั้นเรื่องนี้เไม่ใช่เพราะว่าผมไม่อยากจะช่วยหรอกนะ แต่มันไม่สามารถช่วยได้จริงๆ”
เฉินเฟิงกลับนึกไม่ถึง เขาถามว่า “หรือว่าตระกูลเชียนก็เกรงกลัวหมาป่าทะเลทรายนี้ด้วยเหรอ?”
เชียนสวนยี่พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณท่านก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธียั่วยุเช่นนี้หรอก ตระกูลเชียนพวกเรากับหมาป่าทะเลทรายต่างฝ่ายต่างก็มีอิทธิพลในทะเลทรายแห่งนี้ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยข้องแวะก้าวก่ายซึ่งกันและกันอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาเลย”
เฉินเฟิงพูดว่า “เพียงแค่ข่าวสารชิ้นเดียวก็ไม่ได้เลยเหรอ? ถ้าหากเขารู้ความจริงแล้ว คุณสามารถที่จะโยนมาให้ผมรับไปคนเดียวได้เลย”
เชียนสวนยี่พูดว่า “คุณท่านครับ ผมก็พูดไปแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ”
เฉินเฟิงผิดหวังบ้างเล็กน้อย เดิมทีเขาน่าจะหาซื้อข่าวคราวนี้ได้ เขาก็ยังเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีใครยอมที่จะปฏิเสธเงินตราได้ทั้งนั้น แต่นึกไม่ถึงว่าตระกูลเชียนกลับปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง
ส่วนตอนนี้เชียนสวนยี่ก็พูดอีกว่า “ถึงแม้ไม่รู้ว่าคุณท่านมีบุญคุณความแค้นอะไรกับตู๋กูหยุนคนนี้ก็ตาม แต่ว่าสวนยี่ก็อยากจะขอเตือนคุณท่านว่า ในเขตบริเวณทะเลทรายทางเหนือนี้ ข้อห้ามที่ควรจะหลีกเลี่ยงที่สุดก็คืออย่าไปมีเรื่องกับหมาป่าทะเลทรายเป็นดีที่สุด หากเป็นเหยื่อที่พวกเขาจ้องไล่ล่าแล้ว ไม่มีทางที่จะหลุดรอดไปได้เลย”
เฉินเฟิงสามารถรับรู้ได้ถึงความจริงจังของเชียนสวนยี่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...