หลังจากทำการฝังเข็มให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งซีก็เดินจากไป เฉินเฟิงก็ไม่ได้รั้งเธอไว้ ร่างกายรู้สึกสดชื่นสบายตัว แต่ก็ยังรู้สึกว่าเนื้อตัวสกปรกเหลือเกิน จึงคิดอยากจะไปหาที่อาบน้ำชะล้างตัวสักแห่งหนึ่ง
ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาสองวันแล้ว ก็ได้แต่ใช้น้ำแปรงฟันล้างหน้าเช็ดตัวเท่านั้น เฉินเฟิงก็คุ้นชินกับที่นี่ไปแล้ว จงไม่จำเป็นต้องอาศัยเฟิ่งซีคอยชี้แนะอะไรอีกแล้ว ตัวเองจึงก็เดินออกไปโดยลำพังมุ่งไปยังข้างหลังลานบ้านเพื่อชะล้างร่างกายให้สะอาด
หลังจากขัดสีฉวีวรรณสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามรูขุมขนทั่วทั้งตัวออกไปจนหมดแล้ว เฉินเฟิงก็ยิ่งรู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก ราวกับได้ผึ่งแดดยามเช้าในช่วงเวลาฤดูหนาวก็ไม่ปาน รู้สึกอิสระมากยิ่งขึ้น
หลังจากชะล้างร่างกายเสร็จแล้ว ภายในห้องน้ำก็มีอ่างอาบน้ำไว้สำหรับแช่ตัว เฉินเฟิงก็เลยปล่อยน้ำอุ่นออกมา แล้วตัวเองก็เข้าไป แช่ตัวลงไปในนั้น ความอบอุ่นที่ห่อหุ้มทุกอณูของร่างกายนั้น มันช่างเป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์มากยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
ความรู้สึกดื่มด่ำเช่นนี้ เฉินเฟิงก็ค่อยๆเคลิ้มหลับไปอยู่ในอ่างอาบน้ำอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
และในตอนนี้หลงหลินกำลังมุ่งมั่นในการอ่านหนังสือ โดยปกติแล้วมักจะไม่ค่อยมีเรื่องราวอะไรมารบกวนทำให้เธอเสียสมาธิได้
แต่ไม่นึกเลยว่าวันนี้อ่านได้แค่ครึ่งหนึ่ง จิตใจกลับรู้สึกว้าวุ่น ก็ไม่รู้เป็นเพราะสาเหตุอะไร เพียงแต่ไม่สามารถอ่านให้เข้าใจได้เลยแม้แต่นิดเดียว จึงได้แต่นั่งถูไถอ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เธอจึงล้มเลิกไป คิดอยากจะออกไปเดินเล่นข้างนอก เผื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนอารมณ์ตัวเองได้บ้าง
จึงเดินออกจากห้องหนังสือไป ภายนอกห้องก็มืดสนิทแล้ว ในสถานที่ที่เปลี่ยวเช่นนี้ เมื่อถึงเวลากลางคืนก็จะไม่มีแสงไฟเลย เหลือเพียงแต่แสงจันทร์หรือไม่ก็แสงดาวที่ส่องประกายริบหรี่เท่านั้น
แต่คืนนี้พอดีที่มีชั้นเมฆปิดบังจนท้องฟ้ามืดมิดไปหมด บนพื้นดินจึงมืดสนิทยิ่งขึ้น
หลงหลินเดินไปไม่กี่ก้าว อาศัยตามแสงไฟสลัวบนระเบียงทางเดินจึงมองเห็นภายในสวนได้บ้างเล็กน้อย หากเดินออกไปไกลอีกนิดเดียวก็จะมืดสนิทเช่นกัน ก็ไม่มีอะไรที่จะให้เห็นอีกแล้ว
เธอจึงเลิกล้มความตั้งใจที่จะไปเดินเล่นอีกต่อไป แล้วเดินมาถึงห้องน้ำหลังลานบ้าน
ถึงแม้เห็นดวงไฟยังสว่างอยู่ แต่ประตูด้านนอกก็แค่แง้มไว้ยังไม่ได้ปิดสนิท หลงหลินจึงส่งเสียงตะโกนเรียก แต่ก็ไม่มีใครขานรับ จึงคิดว่ามีคนเข้าห้องน้ำแล้วลืมปิดไฟ
เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วตะโกนเรียกอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีคนอยู่แล้ว จากนั้นจึงปิดประตูห้องน้ำไว้
ถอดเสื้อผ้าออกหมด จากนั้นเปิดน้ำอุ่นตรงข้างหน้าแล้วอาบน้ำชำระร่างกาย
เฉินเฟิงที่นอนหลับอยู่ในอ่างอาบน้ำนั้นได้ยินเสียงตะโกนเรียกสองครั้งก็ยังรู้สึกสะลึมสะลือ แต่ตอนนี้ได้ยินเสียงน้ำฝักบัวดังมาจากด้านนอก จึงตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นทันที
ดูเหมือนจะมีคนอยู่ข้างนอกเหรอ? ในใจเขาก็รู้สึกตื่นตกใจ ที่นี่นอกจากเขาแล้วก็คือมีเพียงสองสาวพี่น้องตระกูลฉาง ส่วนคนที่อยู่ข้างนอกนั้นไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ เขาก็ไม่ควรที่จะได้มาเห็นทั้งนั้น อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่มีความสัมพันธ์แบบนั้น
แต่ว่าเขาก็รู้สึกแปลกใจ จำได้ว่าตัวเองปิดประตูไว้แล้ว ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะมีคนเข้ามาได้
แต่ว่าเสียงด้านนอกชัดเจนมาก ต้องมีคนอยู่ที่นั่นแน่นอน
ตอนนี้เฉินเฟิงก็เหมือนมดไต่บนกระทะร้อน ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี หากออกไปตอนนี้ ไม่ว่าจะเห็นหรือไม่ได้เห็นก็ตาม เขาก็ดูไม่ดีทั้งนั้น หนำซ้ำอาจถูกกระทืบตายเพราะคิดว่าเป็นพวกบ้ากามอีกด้วย
สุดท้ายแล้ว ยังคงนั่งแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำนั้น ก็ได้แต่ภาวนาว่าอีกฝ่ายหลังจากอาบน้ำเช็ดตัวแล้วก็จะไม่เดินเข้ามาแช่น้ำในอ่างอาบน้ำอีก
แต่ว่าสิ่งที่ยิ่งกลัว ก็มักจะยิ่งเกิดขึ้น
คนที่อยู่ข้างนอกดูเหมือนอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังเตรียมตัวที่จะเข้ามา เฉินเฟิงได้ยินเสียงฝีเท้าเหยียบผิวน้ำที่กระเด็นอยู่
เขานั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ มองดูประตูกระจกในห้อง นี่เป็นเพียงฉากกั้นที่ไม่มีกลอนปิด เพียงแค่เลื่อนเบาๆก็เปิดได้แล้ว
รู้สึกว่าคนนั้นจวนจะเปิดแล้ว ในใจก็ยังคิดอย่างไร้เหตุผลว่าด้านนอกประตูนั้นจะเป็นเฟิ่งซีหรือว่าหลงหลินกันแน่ ก็นึกจินตนาการถึงรูปร่างของสองสาวพี่น้องนั้นอย่างยากที่หักห้ามใจได้
ถึงแม้ทั้งสองคนต่างก็ไม่เคยใส่ชุดที่รัดรูป แต่ไม่กี่วันมานี้ ก็เคยได้มีการสัมผัสบ้างเล็กน้อย เฉินเฟิงก็ยังสามารถที่จะนึกภาพออกได้ว่า รูปร่างของสองสาวพี่น้องนี้ทรวดทรงองค์เอวอรชรอ้อนแอ้น แทบจะงามสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว เพียงแค่ขาทั้งคู่ที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงขายาวหลวมกว้างนั้น ก็สามารถดึงดูดความสนใจให้ผู้ชายทั้งหลายเฝ้าใฝ่ฝันหาแล้ว
ตอนนี้กลับไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องเช่นนี้ เฉินเฟิงยังกังวลใจว่าจะรับมือกับสถานการณ์ตอนนี้อย่างไรดี
“แล้วทำไมคุณไม่ส่งเสียง........หรือว่ามีเจตนาจะทำอย่างนี้”
น้ำเสียงเยือกเย็นลงมาอีกครั้งหนึ่ง เฉินเฟิงก็เดาออกแล้วว่าคนที่ยืนอยู่ข้างนอกประตูคือพี่สาวหลงหลิน แต่นี่กลับทำให้เฉินเฟิงปวดหัวมากขึ้น เขามักจะรู้สึกว่าหลงหลินไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไรนัก
“ฉันเปล่านะ ฉันคิดว่าคุณน่าจะอาบน้ำเสร็จแล้วก็คงออกไป ดังนั้นจึงไม่อยากให้เจอหน้ากันด้วยความเขินอายอย่างนั้น แต่ว่า......”
“แต่คุณคิดไม่ถึงว่าฉันจะเข้ามา ใช่ไหม?” หลงหลินแย่งพูดแทนเฉินเฟิง
เฉินเฟิงก็ได้แต่พยักหน้า แล้วพูด “อืม ฉันนึกไม่ถึงจริงๆ”
“แล้วคุณคิดจะทำยังไงต่อไป?” ขณะที่เฉินเฟิงกำลังนึกถึงท่าทีของหลงหลินอยู่นั้น ก็กลับได้ยินคำถามขึ้นมาทันทีทันใด
“เออ ฉัน......ถ้าหากพี่สาว......” เขาแตกตื่นตกใจขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน ไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์อย่างนี้ยังไงดี
พี่น้องสองสาวคู่นี้อาศัยอยู่ในป่าตั้งแต่เด็ก นิสัยใจคอค่อนข้างรักนวลสงวนตัว หากเป็นหญิงสาวคนอื่น ก็อาจจะคิดว่าเห็นแล้วก็แล้วกันไป นี่ก็เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุเท่านั้น อย่างมากก็ด่าไปสักสองสามคำ
แต่ว่าตอนนี้เขาไม่รู้จริงๆว่าจะจัดการยังไงดี
กลับเป็นว่าหลงหลินพูดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง “คุณไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว เรื่องนี้ก็ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกัน คุณก็ไม่ได้เห็นอะไรทั้งนั้น รอให้ฉันออกไปก่อน แล้วคุณค่อยออกไปทีหลัง”
เธอพูดจบ เงาร่างที่ทอดลงบนประตูกระจกก็เลือนหายไป เธอก็จะได้เดินออกไปแล้ว
เฉินเฟิงรออยู่ข้างในสักพักหนึ่ง หลังจากได้ยินประตูห้องน้ำเปิดออกแล้ว เขาจึงลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ที่ผ่านมานั้น ดูเหมือนว่าก็ยังคงรู้สึกฉงนมึนงงไม่หาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...