ลูกเขยมังกร นิยาย บท 913

ทว่าต่อให้ไป๋จิ้งเฟิงจะพูดแบบนี้ แต่สำหรับตัวเฉินเฟิงแล้ว เรื่องที่ไม่มีทางทำได้ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่มีทางทำได้อยู่ดี

เดิมทีเขาอยากจะปฏิเสธไป๋จิ้งเฟิงไปโดยตรง แต่เมื่อดูสีหน้าของไป๋จิ้งเฟิงสองพ่อลูกแล้ว เฉินเฟิงจึงได้เพียงตอบกลับอย่างอ้อมๆ : “เรื่องนี้ผมคงต้องไตร่ตรองอีกสักระยะถึงจะได้ ถ้าหากว่าทั้งสองไม่ถือสาอะไร ผมขอเวลาทบทวนอีกสักสองสามวันแล้วค่อยแจ้งให้กับพวกคุณดีกว่านะครับ ”

สองพ่อลูกตระกูลไป๋ได้ยินอย่างนั้นก็พอจะเข้าใจว่ามันเป็นเพียงประโยคสำหรับบ่ายเบี่ยงเท่านั้น ด้านไป๋ซิงจึงคิดที่จะโน้มน้าวอีกสักหน่อย แต่ก็ถูกไป๋จิ้งเฟิงห้ามเอาไว้เสียก่อน

ไป๋จิ้งเฟิงตอบกลับอย่างถ่อมตัว: “อย่างนั้นคงต้องรบกวนคุณชายเฉินแล้ว ถ้าหากว่าคุณชายเฉินตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว รบกวนแจ้งให้กับผมด้วย ”

เฉินเฟิงเพียงพยักหน้า ไม่ได้ตอบกลับอะไรใดๆ ทั้งสิ้น

น้ำชาที่วางอยู่ข้างๆ ไป๋จิ้งเฟิงไม่ได้คิดจะดื่มต่อ เพียงหันไปพูดกับไป๋ซิง : “ ซิงเอ๋อ ประคองฉันกลับกันเถอะ อย่าไปรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณชายเฉิน ”

ไป๋ซิงประคองไป๋จิ้งเฟิงตามคำพูดของเขา ซึ่งทั้งสองเดินทางมาอย่างไร ก็จากไปแบบนั้น

มองดูรถของพวกเขาจากไป จูๆเฉินเฟิงก็รู้สึกใจหนักอึ้งขึ้นมาทันที

และในตอนนั้นเองที่เสี่ยวเย่เดินออกมาจากด้านในบ้าน เธอกล่าวถามด้วยความสงสัย : “ชายชราคนนั้นก็คือนายท่านไป๋สินะคะ ดูแล้วก็อายุเยอะมากแล้วจริงๆนะคะ เหมือนกับยายทวดในหมู่บ้านของฉันเลยค่ะ รู้สึกได้เลยว่าอีกเพียงนิดเดียวก็จะตายไปได้อย่างง่ายดาย ”

เสี่ยวเย่พูดโดยไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรมากนัก แต่เฉินเฟิงกลับไม่สนใจเธอเลย

เขาถาม: “เสี่ยวเย่ คุณว่าถ้าหากคนในครอบครัวของคุณถูกคนอื่นฆ่าตาย แต่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้เลย คุณทำได้เพียงต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น คุณจะทำยังไง ?”

เสี่ยวเย่ที่ถูกถามด้วยคำถามนี้ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา แต่เพราะเฉินเฟิงเป็นคนถาม ดังนั้นเธอจึงคิดไตร่ตรองอย่างจริงจัง ก่อนจะตอบกลับ : “ถ้าหากว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ ฉันก็พร้อมจะพลีชีพเพื่อไปตามหาคนๆนั้น”

เฉินเฟิงถามกลับ: “ทำไม?”

เสี่ยวเย่ครุ่นคิดพร้อมตอบ: “ฉันก็แค่คิดว่าคนเลวขนาดนี้ ถ้าหากไม่มีใครจัดการกับเขา เขาก็คงจะต้องไปฆ่าคนอื่นอีก และถึงเวลานั้นคนที่ต้องตายจะไม่ได้มีแค่คนของฉันเท่านั้น ”

เฉินเฟิงหัวเราะออกมา มันก็สมเหตุสมผลดี แต่ทำไมไม่มีใครหน้าไหนในตระกูลใหญ่พวกนั้นเข้าใจเรื่องแบบนี้เลย

“ผมเอาแต่ด่าว่าคุณโง่มาตลอด แต่ตอนนี้ดูแล้วคุณไม่ได้โง่เลยสักนิด แถมยังฉลาดมากอีกด้วย ” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินคำชมเชยจากเฉินเฟิง เสี่ยวเย่ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก: “ฉันก็บอกแล้วว่าฉันไม่โง่ แต่คุณชายเฉินก็เอาแต่บอกว่าฉันโง่  ตอนนี้คุณก็เห็นสักทีว่าที่จริงแล้วฉันเป็นคนฉลาดใช่ไหมล่ะคะ ”

เฉินเฟิงหัวเราะ: “ช่างเถอะ เมื่อกี้ถือซะว่าผมมองผิดไป คุณก็ยังคงเป็นหญิงไร้สมองอยู่ดี ”

เสี่ยวเย่เบ้ปากด้วยความขุ่นเคืองทันที: “คุณชายเฉิน คุณทำแบบนี้ได้ยังไงคะ ชมคนอื่นแล้วจะกลับคำได้ยังไงคะ คุณทำแล้วจะไม่ยอมรับงั้นหรอคะ?”

หลังจากนั้นภายในหุบเขา เฉินเฟิงใช้เวลาครุ่นคิดอยู่สามวัน เพราะเป็นความจริงที่เขานั้นมีความรู้สึกขัดแย้งกับหมาป่าทะเลทราย แต่การจะให้ลงมือต่อกรก็นับว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ดังนั้นจึงทำให้เกิดความลังเลไม่น้อย

หลังจากที่สามวันสิ้นสุดลง เขาก็คิดว่ายังไงก็ยังต้องให้คำตอบแก่ตระกูลไป๋ และไม่ว่าจะเป็นคำตอบตกลงหรือปฏิเสธ ยังไงก็บอกกล่าวให้พวกเขาได้รู้

จากนั้นเขาจึงให้ชายคนนั้นพาตัวเองไปส่งยังบ้านตระกูลไป๋ ซึ่งในตอนนั้นก็ได้มีคนมารอรับเขาอยู่แล้ว

แต่ไม่ได้มีใครมากมายนัก เพราะนอกจากไป๋จิ้งเฟิงสองพ่อลูก ก็มีเพียงชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งดูแล้วเขาน่าจะเป็นคนที่ตระกูลไป๋ให้ความไว้วางใจ

“คุณชายเฉิน คุณน่าจะแค่ส่งข่าวให้กับพวกเราก็พอ พวกเราจะได้เดินทางไปหาคุณบนเขาเอง ” เมื่อเจอหน้าไป๋จิ้งเฟิงก็พูดขึ้นมาอย่างเกรงใจ

ในตอนนั้นไป๋จิ้งเฟิงก็พูดแทรกขึ้นมา: “ที่พูดแบบนี้แสดงว่าคุณชายเฉินมีแผนการอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังมีความกังวลใจอยู่ดี”

เฉินเฟิงถามด้วยความสงสัย: “ปัญหาอะไรครับ?ตอนนี้พวกเราอยู่ในช่วงลงความเห็นกันอยู่ หากว่ามีปัญหาอะไรก็ให้เสนอออกมา เพราะถ้าหากรอจนถึงขั้นดำเนินการแล้วพูดปัญหาเหล่านี้ออกมามันอาจจะสายเกินไป และในช่วงเวลารีบร้อนแบบนั้นคงยากที่จะหาวิธีแก้ไขออกมาได้ ”

ไป๋จิ้งเฟิงจึงตอบกลับ: “ในเมื่อตอนนี้พวกเราไม่มีทางที่จะรวมกลุ่มกันได้ อย่างนั้นก็จำเป็นต้องมีแกนนำในแผนการนี้ ตระกูลไป๋ของเราถึงแม้จะยอมเป็นแกนนำแผนการนี้ แต่หากถูกหมาป่าทะเลทรายรู้เรื่องเข้า เรื่องนี้จะไม่ใช่แค่ความหายนะสำหรับตระกูลไป๋ของเรา แต่สำหรับแผนการนี้ของคุณชายเฉินก็จะพังทลายไปด้วย ”

เฉินเฟิงก้มหน้าลง คิดไตร่ตรองถึงปัญหานี้ของไป๋จิ้งเฟิง ซึ่งปัญหานี้เป็นสิ่งที่ตัวเขาเองคิดไม่ถึงจริงๆ

และในขณะนั้นชายไร้นามจากตระกูลไป๋คนนั้นก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง : “ถ้าหากว่าไม่อยากให้หมาป่าทะเลทรายรู้ก็คงจะมีแค่สองวิธีเท่านั้น ”

เฉินเฟิงเงยหน้าขึ้นหันไปมองเขา ในขณะที่คนอื่นๆ ก็มองไปทางเดียวกัน

ชายคนนั้นรู้ดีว่าทุกคนกำลังเฝ้ารอคำตอบอยู่ ดังนั้นเขาจึงพูดต่อ : “อันที่จริงก็เป็นเพียงวิธีการสองแบบที่เรียบง่ายแต่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง นั่นก็คืออย่างแรกพวกเราต้องหาวิธีจัดฉากเรื่องบางอย่างขึ้นมาเพื่อดึงดูดความสนใจของหมาป่าทะเลทราย ให้พวกเขาไม่ทันได้สังเกตถึงแผนการนี้ของเรา

ส่วนอย่างที่สองก็คือในตอนที่พวกเราติดต่อกับตระกูลเหล่านั้นต้องเพิ่มความลึกลับให้มากขึ้น ดีที่สุดคือการหาข้ออ้างกลบเกลื่อน แต่ต้องเป็นข้ออ้างที่จะไม่ทำให้พวกเขาสงสัย ”

เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนี้ เฉินเฟิงก็เห็นด้วยทันที: “ถึงจะดูเรียบง่าย แต่ฟังดูแล้วก็สามารถเห็นผลได้ดีจริงๆ ผมคิดว่าทำแบบนี้ก็ได้ ”

เมื่อเขาพูดจบก็หันไปมองไป๋จิ้งเฟิงสองพ่อลูก

ไป๋จิ้งเฟิงกล่าวตอบ: “ผมก็คิดว่าใช้ได้เหมือนกัน อย่างนั้นไป๋เฉิงหลินเรื่องนี้ก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่คุณแล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร