เวลาเดียวกันในห้องนอนบ้านเทวารักษ์...นายหัวหนุ่มปรือตาขึ้นอย่างงัวเงียตามเสียงเรียกของตาทศสามีของป้านอม มือหนาวาดควานหาร่างนุ่มหอมกรุ่นติดจมูก แต่ก็พบกับความว่างเปล่าเหมือนเดิม
“นายหัวครับ นายหัว” เสียงเรียกของคนข้างล่างที่ดังเป็นระยะทำให้เขาต้องขยับตัวลุกออกจากเตียง ควานผ้าเช็ดตัวมาพันเอวสอบลวกๆ
“มีอะไร!” เสียงถามกึ่งตวาดของเจ้าของบ้านตอบกลับลงมา
“นายหัวจะไปภูเก็ตไหมครับ คนงานบอกว่าถนนใช้ได้แล้ว ผมจะได้เตรียมรถไว้ให้”
“เออ! เดี๋ยวฉันตามลงไป” เขาไม่มีเวลาแม้จะคิดตามหาแม่สาวร่างนุ่มที่ร่วมเรียงเคียงหมอน งานเร่งด่วนไม่สามารถให้เขาหยุดว่างสักวันได้
พอก้าวขาลงจากบนบ้าน คำถามแรกแทนที่จะเป็นเรื่องงานอย่างที่ทำมาตลอดห้าปีเต็มที่อยู่ที่นี่ แต่สายตากลับมองหาและถามถึงแม่สาวร่างเล็กที่เข้ามาอยู่ในบ้านไม่กี่วัน
“เธอไปไหนล่ะป้านอม” ชายหนุ่มถามพร้อมกับกวาดสายตามองหา
“ไม่ได้อยู่กับนายหัวหรือคะ ตั้งแต่กลับมาจากโรงครัวป้าก็ยังไม่เห็นเธอเหมือนกัน”
“ไปไหนของเค้าอีกล่ะ” นายหัวหนุ่มสบถในลำคอ ใจก็คิดไปถึงรอยยิ้มหวานๆ ที่โปรยให้หนุ่มคนงานในไร่นับสิบที่เห็นเมื่อเช้า มือหนาเผลอกำแน่นด้วยความโมโห
“นายหัวจะไปตอนนี้เลยไหมครับ” เสียงของตาทศเร่งอีกครั้ง ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดให้เขามากขึ้น ไปภูเก็ตแต่ละครั้งอย่างเร็วสุดก็ต้องค้างหนึ่งคืน ครั้นจะเดินตามหาหญิงสาวให้เจอแล้วพาไปด้วยก็เกรงจะเสียเวลา ได้แต่พ่นลมระบายความรู้สึกอึดอัดออกมา
“ฝากป้านอมตามหาเธอให้ด้วย ช่วยดูแลแขกแทนฉันด้วยแล้วกัน”
“ค่ะ” แม่บ้านรับคำ ไม่มีใครรู้ว่านางลอบยิ้มอย่างมีความหมาย นายหัวกรินไม่เคยใส่ใจใครมากเท่านี้สักครั้งตั้งแต่มาอยู่ที่ตรัง
“อ้อ! ฝากบอกปะการังด้วย กลับมาจะพาเข้าเมืองชดเชยที่ป๊าไม่มีเวลาให้”
“คุณหนูทราบแค่ว่านายหัวยังไม่กลับมาจากภูเก็ต อย่าบอกเธอจะดีกว่าค่ะ ป้ากลัวเธอน้อยใจที่นายหัวกลับมาแล้วไม่แวะไปหาเธอที่ห้อง รอนายหัวกลับมาแล้วพาเธอไปเที่ยวทีเดียวจะดีกว่า”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ ขอบคุณป้านอมที่ดูแลปะการังแทนผมเป็นอย่างดี เธอไม่มีแม่แถมพ่อก็งานยุ่ง ถ้าไม่มีป้านอมสักคนคงจะแย่กว่านี้”
“ป้าก็รักเธอเหมือนลูกเหมือนหลาน ดูแลได้เท่าที่ทำได้ดีที่สุด หากแต่ความรักความเอาใจใส่ที่สุดที่เด็กต้องการมาจากพ่อแม่นะคะ นายหัวคงจะรู้ว่าเธอรอคุณฤทัยเสมอ”
“อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีก!” นายหัวหนุ่มบอกเสียงกร้าว ผู้หญิงที่ยอมทิ้งลูกสาววัยเพียงสามเดือนไปอย่างไม่ไยดี หนำซ้ำไม่ยอมติดต่อกลับมาสักครั้งนับห้าปี ก็อย่าเรียกว่าแม่คนเลย
“นายหัวพูดอย่างไรก็ได้ แต่เด็กก็ต้องการแม่”
“ผมก็เป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้ปะการังมาตลอด”
“แต่นายหัวก็ไม่มีเวลาให้เธอ” ป้านอมแย้ง “ลองคิดดูว่านายหัวเจอหนูปะการังครั้งสุดท้ายเมื่อไร แล้วคุณมีเวลาให้เธอมากพอไหม”
“ผมจะพยายามให้มากกว่าเดิม ขอบคุณป้าที่เตือนสติ”
“นายหัวกรินหรือจ๊ะ” หญิงสาวปรับเสียงเรียบถามกลับอีกครั้ง
“รู้จักป๊าด้วยหรือคะ แต่วันนี้ป๊าไม่อยู่หรอก ไปภูเก็ต” สาวน้อยเล่าเสียงใสอย่างคนอยากอวด แววตาเศร้าในดวงตาเมื่อครู่หายไปหมดสิ้น
“อ้าวหรือ” หญิงสาวคล้อยตาม หากในใจเฝ้าหาคำตอบให้ตัวเอง ยิ่งคิดพานให้คนที่เพิ่งตกหลุมรักอย่างเธอเศร้าใจ แล้วแม่ของสาวน้อยคนนี้ล่ะ แต่เสียงของสาวน้อยทำให้เธอหลุดจากภวังค์
“ป๊าไม่ค่อยว่างหรอกค่ะ ทำงานเยอะ หนูอยู่บ้านเดียวกันก็แทบไม่ได้เจอ” วาจาของเด็กสี่ห้าขวบเหมือนรู้มาก หรือจะเรียกว่าแก่แดดเกินเด็กก็ว่าได้
หญิงสาวยิ้มบางส่งให้แทนคำตอบ แต่ใจของเธอไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยสักนิด พลอยขวัญเอ่ยปากชวนสาวน้อยกลับเข้าบ้านอีกครั้ง “เรากลับบ้านกันได้แล้วจ้ะ”
“แม่พลอยก็อยู่บ้านนั้นเหมือนกันหรือคะ ทำไมปะการังไม่เคยเจอเลยคะ” สาวน้อยเอียงหน้าถามตาแป๋ว ตีสนิทติดหนึบกับหญิงสาวทันที เพราะความขาดแม่และอยู่กับคนแก่วัยเลยวัยคนเป็นแม่มานานอย่างป้านอม พลอยขวัญกลายเป็นแม่พลอยของเธอนับแต่นาทีนั้นเป็นต้นมา
หญิงสาวยกมือลูบผมดำเงา ส่งยิ้มเอ็นดูสาวน้อย
“แม่พลอยมาอยู่รอเจ้านาย อีกไม่กี่วันก็ต้องกลับแล้ว ระยะนี้ก็เป็นแม่ของน้องปะการังไปได้สักพัก แต่ต้องทำตามข้อตกลง คือ เราต้องรู้กันแค่สองคน ถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่นปะการังต้องเรียกพี่พลอยนะคะ”
สาวน้อยยกนิ้วเกี่ยวก้อยให้สัญญาอีกครั้ง
“สัญญาค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มายาบรรณาการ
สนุกน่ะ...