กริชพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ในเมื่อแพทย์เจ้าของไข้ก็บอกเขาว่าเธอต้องพักผ่อน “ก็ได้ครับ คุณตื่นขึ้นมาเราค่อยคุยกัน ผมขอตัวไปโทรหาพี่กรินก่อน”
คนบนเตียงหันกลับมาทันที
“ฉันขอบอกเขาเองได้ไหมคะ”
กริชมองหญิงสาวอย่างเข้าใจ เรื่องสำคัญอย่างนี้เธอคงอยากบอกเขาเอง
“ครับ”
ชายหนุ่มตอบรับ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาขัดจังหวะ ชายหนุ่มหยิบมันมาดูเบอร์ที่โทรเข้ามา เขาเลือกที่จะเดินเลี่ยงออกไปรับข้างนอกห้อง
“ครับ”
“ว่าไงกริช...มีเรื่องด่วนอะไร โทรมาทำไมนักหนา” คนเป็นพี่บ่นมาตามสาย แต่เขาต้องคอยเดินตามรองรับอารมณ์ของแม่สาวชาวกรุงก็เบื่อจะแย่ เกาะเป็นปลิงไม่ยอมห่างตัวไปไหนจนน่ารำคาญ ยังดีที่เขาต้องพาปะการังมาห้องน้ำ ไม่อย่างนั้นอกเขาคงจะระเบิดเสียก่อน
“ผมต้องถามพี่มากกว่า...มันเกิดอะไรขึ้นที่ตรัง ผมงงไปหมดแล้ว”
“แกพูดอะไรวะกริช ฉันไม่เข้าใจ”
“ผมเจอคุณพลอยที่กรุงเทพฯ” กริชบอกพี่ชาย
“ก็ไม่เห็นแปลก” นายหัวกรินบอกอย่างไม่ยี่หระ
“ไม่แปลก...ถ้าแม่ไม่โทรมาตามให้ผมไปร่วมฉลองงานแต่งงานของพี่เย็นวันนี้ ทำไมต้องรีบร้อนรวบรัดขนาดนั้น ทั้งที่คุณพลอยก็ไม่ได้อยู่ตรัง แล้วยายของเธอก็กำลังป่วย”
“ก็ไม่แปลกอยู่ดี ในเมื่อฉันจะแต่งงานกับศยามล เจ้าสาวตัวจริงของฉัน ส่วนผู้หญิงหลอกลวงอย่างพลอยขวัญ หล่อนจะไปอยู่ที่ไหนฉันก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ”
“พี่ว่าอะไรนะ คุณพลอยไม่ใช่เจ้าสาวของพี่ แล้วพี่ก็กำลังจะแต่งงานกับคนอื่น ผมคิดว่าพี่รักเธอเสียอีก”
“อืม...อย่ามาเดามั่ว ความจริงก็คือเรื่องราวที่เกิดล่าสุด”
กริชถอนหายใจ “พี่จะไม่ถามหน่อยหรือว่าผมเจอคุณพลอยที่ไหน”
“ไม่จำเป็น” นายหัวหนุ่มตอบกลับเสียงเรียบ
กริชครุ่นคิดอย่างลังเล เขาไม่รู้ลึกตื้นหนาบางระหว่างเรื่องของพวกเขาสองคน แต่เขาก็จะไม่ยอมให้หลานอีกคนเป็นเด็กกำพร้าอย่างปะการังเด็ดขาด ในเมื่อสิ่งที่เขาเห็นด้วยตาวันนั้น พลอยขวัญเข้ากับปะการังได้ดี เป็นแม่ที่ดี และรักปะการังจริงๆ
ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับพี่ชาย เชื่อแน่ว่าเขาก็คงยังไม่รู้ ในเมื่อคนอุ้มท้องอย่างพลอยขวัญก็ยังไม่รู้มาก่อนเหมือนกัน
“เธอก็ไม่สบายไข้ขึ้นสูงจนเป็นลมกลางถนน” กริชโพล่งออกไป
“มารยาผู้หญิงทำได้ทุกอย่างแหละ แกไม่คิดบ้างหรือว่าทำไมหล่อนต้องไปเป็นลมให้แกเห็น ในเมื่อกรุงเทพฯ ออกจะกว้าง ถ้าไม่ตั้งใจ”
“ดิฉันเป็นเลขาของคุณกริช บอสสั่งให้ฉันมานอนเฝ้าคุณคืนนี้”
“ขอบคุณมากนะคะ แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากดูแลตัวเองได้ และที่สำคัญ...ฉันต้องรีบไป”
“แต่คุณมีไข้สูงมาก”
“ฉันขอร้องนะคะ ฉันไม่อยากรบกวนคุณ แล้วฉันก็ต้องไปแล้วจริงๆ ยายฉันรออยู่”
“ฉันก็ต้องขอร้องคุณเหมือนกันค่ะ มันเป็นหน้าที่ของฉันที่ต้องดูแลคุณตามคำสั่งเจ้านาย ถ้าคุณอยากออกไป คุณต้องคุยกับเจ้านายของฉันเอง ให้เขาเป็นคนสั่งฉันเถอะค่ะ” เลขาสาวของกริชย้ำเสียงหนักแน่น จริงจัง
พลอยขวัญถอนหายใจเบาๆ สภาพตอนนี้เธอคงไม่สามารถหนีไปไหนได้ แต่อย่างไรเธอก็ต้องเดินออกไปให้เร็วที่สุด ไม่อยากจะให้ตัวเองเป็นตัวปัญหาให้ครอบครัวของเขาต้องเดือดร้อน และถ้าศยามลรู้ว่าเธอท้อง คนที่จะลำบากและเป็นอันตรายที่สุดก็คือเธอกับลูก
งานเลี้ยงฉลองแต่งงานของนายหัวกรินกับศยามล ถูกคุณอิงดาวจัดเตรียมแบบกะทันหันโดยที่เจ้าบ่าวเองก็เพิ่งรู้ก่อนงานเริ่มไม่ครบวัน เพราะนางอยากรวบรัดลูกชาย เพราะกลัวนายหัวหนุ่มจะเปลี่ยนใจ
จากตอนแรกที่คิดว่าจะจัดอย่างเรียบง่ายกันภายในไร่ เพียงแค่จดทะเบียนสมรสแล้วค่อยกลับไปจัดที่โรงแรมในกรุงเทพฯ ต่อโดยไม่คิดจะถามความเห็นจากเจ้าบ่าวสักคำ หากแต่หม่อมหลวงสราลีกลับไม่ยอม คนรักหน้าตาอย่างนางอย่างน้อยก็ต้องเป็นโรงแรมหรูในเมือง กองทัพสื่อมวลชนต้องไม่น้อยกว่าครึ่งร้อย จากที่มีทั้งประเทศยังดีที่อิงดาวมีธุรกิจอยู่ในเครือโรงแรม ยังพอมีคู่ค้าอยู่บ้าง จึงไม่ได้ยากเย็นเกินไปนัก
นายหัวกรินอยู่ในชุดสูทสีเข้มแบบเรียบง่ายที่สุดตามแบบฉบับของเขา ศยามลจะขัดใจกับการแต่งตัวของเจ้าบ่าวเป็นอย่างมาก แต่เพราะมารดาขู่แกมขอร้อง เธอจึงต้องสงบปากสงบคำเอาไว้ให้มากที่สุด รอวันที่เธอได้ตีตราเขาด้วยทะเบียนสมรสเสียก่อน
โรงแรมชื่อดังของเมืองตรัง ห้องจัดเลี้ยงถูกเนรมิตให้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้งานแต่งงานยิ่งใหญ่อีกหลายงานแห่งปีในกรุงเทพฯ ถ้างานนี้คุณอิงดาวไม่ใช่คนในวงการโรงแรม คงไม่สามารถหาสถานที่สุดหรูในเวลากระชั้นชิดแบบนี้ได้แน่นอน
ศยามลยืนรับแขกอยู่หน้างานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แขกเหรื่อเธอไม่ได้ใส่ใจมากไปกว่ากองทัพสื่อที่เธอลงทุนส่งตั๋วเครื่องบินเชิญมา ทั้งที่เจ้าสาวกำลังตื่นเต้นอยู่ในห้วงของความสุข แต่ข้างกายกลับไร้เงาเจ้าบ่าวยืนเคียงคู่ เหมือนอย่างที่คู่แต่งงานควรจะเป็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มายาบรรณาการ
สนุกน่ะ...