หวางซีตกตะลึงทั้งตัว เธอกลับหลังหัน มองเห็นเย่เซิ่งเทียนปรากฏตัวที่หน้าประตู
นึกถึงคำพูดเหล่านั้นที่ตัวเองเคยพูดมาก่อน ในใจเจ็บปวด เบ้าตาแดงก่ำทันที
แต่เธอฝืนทน จงใจพูดอย่างเยือกเย็นว่า “คุณมาทำอะไร?ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ ไสหัวออกไปซะ”
เย่เซิ่งเทียนไม่สนใจ เข้าไปกอดหวางซีมาไว้ในอ้อมแขนเลย พูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลว่า “ซีเอ๋อร์ ไม่เข้าใจเลยว่าคุณจะลำบากไปทำไม ผมรู้เรื่องหมดแล้ว”
หลันรั่วรั่วขยิบตาให้เย่เซิ่งเทียนแล้ว ค่อยๆเดินออกไปแล้วปิดประตู
ได้ฟังคำพูดของเย่เซิ่งเทียน หวางซีก็อดทนไม่ไหวอีกแล้ว กอดเย่เซิ่งเทียนไว้แน่น ร้องไห้พร้อมพูดว่า “ทำไมคุณต้องมาด้วย คุณรู้ไหมว่าฉันจะต้องพยายามมากแค่ไหน ถึงจะทำมาถึงขั้นนี้ได้ ทำไมคุณยังจะต้องกลับมาด้วย”
เย่เซิ่งเทียนพูดอย่างสะเทือนอารมณ์ว่า “ยัยบื้อ คุณคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะช่วยผมได้เหรอ?มีแต่ทำให้ผมฟุ้งซ่านมากยิ่งขึ้น”
ในนาทีนี้ หวางซีรับรู้ถึงความอบอุ่นในอ้อมแขนของเย่เซิ่งเทียน พูดคำตำหนิไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว
เธอเข้าใจเย่เซิ่งเทียนได้ ทำมาถึงตำแหน่งของเจ้าเทพนี้ได้ ไม่รู้ว่าจะต้องทุ่มเทมากเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเกือบเสียชีวิตไปกว่ากี่ครั้งแล้ว
หวางซีร้องไห้พร้อมพูดว่า “ที่รัก ฉันไม่ต้องการให้คุณเป็นเจ้าเทพอะไรทั้งนั้น และฉันก็ไม่ต้องการให้คุณไปช่วยโลกอะไร ฉันแค่อยากให้คนในครอบครัวเราอยู่อย่างสงบ ฉันไม่ได้อยากเสาะหาอะไรมากมายขนาดนั้น และฉันก็ไม่ได้ต้องการเกียรติอะไร ขอเพียงแค่คุณอยู่เย็นเป็นสุขก็พึงพอใจแล้ว คุณรู้ไหม?”
“จริงๆแล้ว ที่งานแต่งงานนั้นฉันก็เดาตัวตนของคุณออกแล้ว แต่ฉันไม่กล้ายอมรับ เพราะว่าคุณคือเจ้าเทพ และฉันเป็นเพียงแค่ผู้หญิงในครอบครัวที่ต่ำต้อย ฉันกลัวว่าตัวเองจะไม่คู่ควรกับคุณ เพราะงั้นจึงขยันอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ฉันพบว่า แม้ว่าคุณเป็นเจ้าเทพ แต่ก็ยังคงมีศัตรูมากมายเช่นเคย ”
“ฉันไม่กล้าจินตนาการว่าคุณมาได้ยังไง ฉันรักและเป็นห่วงคุณมาก แต่ว่าฉันช่วยอะไรคุณไม่ได้เลย ตอนที่อยู่ครอบครัวหลี่ ฉันรู้ว่าคุณถูกปรักปรำ แต่ฉันอยากจะฉวยโอกาสนั้น ออกไปจากคุณโดยสิ้นเชิง ให้คุณไม่ต้องฟุ้งซ่านเพราะฉันอีก……ที่รัก ขอโทษนะ ฉันไม่ควรพูดจาหยาบคายทำให้คุณเจ็บปวด”
เย่เซิ่งเทียนตบไหล่ของเธอเบาๆ พูดว่า “ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากปล่อยวาง แต่ว่าผมทำไม่ได้ มีบางอย่างที่ผมไม่ได้บอกคุณ เพราะกลัวว่าคุณจะเป็นกังวล ยัยบื้อ ขอเพียงแค่คุณไม่เป็นอะไร ผมก็มีทางฟุ้งซ่าน ยิ่งคุณเป็นเช่นนั้น ผมก็ยิ่งฟุ้งซ่าน”
หวางซีเสียใจภายหลังแล้ว เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำผิดพลาดแล้ว
เธอไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า ยังมีพละกำลังที่น่ากลัวเช่นนั้น อยู่เหนือพลังในโลก
เธอเพียงแค่ได้ยินถึงห้าตระกูลผู้ดีมาก่อน ไม่เคยได้ยินเจ็ดตระกูลเก่าแก่มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลลี้ลับเลย
“งั้นคุณคิดจะทำยังไงต่อ?จะจัดการกับตระกูลลี้ลับไหม?”
ใบหน้าของหวางซีเต็มไปด้วยความกังวล เพียงแค่ห้าตระกูลผู้ดีและเจ็ดตระกูลเก่าแก่ ก็จัดการยากอยู่แล้ว และเหนือกว่าพวกเขา ยังมีตระกูลลี้ลับอีก
นั่นเป็นตระกูลที่มีอยู่กว่าหนึ่งห้าร้อยปีขึ้นไป
เย่เซิ่งเทียนฝืนยิ้มพร้อมพูดว่า “ไม่ใช่ว่าผมจะต้องจัดการพวกเขา แต่ตอนนี้ผมไม่มีทางเลือกอื่น ไม่มีทางให้ถอยกลับ ผมทำได้เพียงไปจัดการพวกเขา เรื่องข้างในนี้มันซับซ้อนมาก รวมถึงการหายตัวไปของแม่ผม เรื่องเหล่านี้ของตระกูลเย่ ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับตระกูลลี้ลับทั้งนั้น พูดอย่างแม่นยำ เกี่ยวข้องกับเลือดประหลาดในตัวของผม”
เย่เซิ่งเทียนพูดเรื่องเลือดประหลาดให้หวางซีฟังอย่างง่ายๆหนึ่งรอบแล้ว หวางซีลูบแก้มของเย่เซิ่งเทียนพร้อมพูดว่า “เซิ่งเทียน ต่อไปอย่าปิดบังฉันอีกโอเคไหม?เราเป็นครอบครัวเดียวกัน หากเจอความยากลำบากเราก็เผชิญหน้าด้วยกัน อย่าไปเสี่ยงชีวิตเพียงลำพังโอเคไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Mars เจ้าสงครามครองโลก
เนื้อเรื่องน่าจะต่อได้อีกนะรีบจบไปหน่อย มีหลายปมเลย ปกแรกเย่หลงตายรึยัง ปมที่2ซือซือทำไม่ถึงลืมเรื่องที่เกิดขึ้น ปมที3หวางซีเป็นสเก็ดวิญาณของใคร หายไปไหนทำไมเห้ยซูหลิงถึงหาเจอ ปมที่4หมิงหยูเลยลูกชายจะช่วยแทบตายไม่กล่าวถึงเลยคือคาฝจมากคนแต่งน่าจะแต่งต่อได้อีกพันตอน...
ฟ้าสยบทำไม่ไม่ช่วย...
ตั้งแต่โดนวางยา..จนถึงตอนเย่เซิงเทียนดูโง่ๆเลย...
เจ้าเทพอะไรดูโง่จัง..โดนจูงจมูกเหนื่อยใจกับคนแต่ง...