ชายร่างผอมกล่าวด้วยความกังวลว่า “หัวหน้า ถ้าลงมือไป เบื้องบนมีคนช่วยเราไหม? อาศัยกำลังของเราเพียงย่างเดียว เมื่อเกิดเรื่องขึ้น พวกเราทั้งองค์กรก็จะต้องล้มเหลว นั่นคือเจ้าเทพแห่งประเทศต้าเซี่ยเชียวนะ”
ผู้ชายที่สวมหน้ากากพยักหน้า พูดด้วยสายตาเป็นประกายว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนี้มีความสำคัญต่อเบื้องบนอย่างมาก พวกเรารับผิดชอบเพียงแค่จัดการผู้คนก็พอ ถ้าสำเร็จ พวกเราจะกลายเป็นหนึ่งในองค์กรที่สำคัญที่สุด นายเข้าใจไหม? ถึงตอนนั้น นายฉัน ต่างก็กลายเป็นคนสนิทของประธานรัฐสภา คราวนี้ ก็คุ้มกับความเสี่ยงของเราแล้ว”
ชายร่างผอมมีสีหน้าที่ตื่นเต้น ถ้าคราวนี้ทำสำเร็จ พวกเขาจะต้องไปได้ถึงจุดสูงสุดของชีวิตแน่นอน
และเพราะเรื่องนี้เอง พวกเขาจึงเดิมพันในครั้งนี้
แต่ใครๆต่างก็ตื่นเต้น เมื่อเรื่องนี้เปิดเผย มันก็จะเป็นฝันร้าย
เจ้าเทพแห่งประเทศต้าเซี่ย ไม่ได้ต่อสู้กันง่ายๆ
ผู้ชายคนนั้น เป็นคนหนึ่งที่ปราบปรามหลายประเทศในตะวันตกรู้สึกอับอาย
ถ้าหากล้มเหลว ไม่กล้าจินตนาการเลยว่าจะมีการตอบโต้กลับอย่างไร!
เพราะเหตุนี้ จะต้องสำเร็จเท่านั้นและห้ามพ่ายแพ้
นี่เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่
ในขณะเดียวกัน เย่เซิ่งเทียนและจ้านอู๋ซวงมาถึงทางเข้าอาคารหนึ่งชื่อ แองเจิ้ล กรุีป
อยู่ในนาม บริษัทการลงทุน ที่จริงแล้วคือสำนักงานใหญ่ขององค์กรgod
ช่วงก่อนหน้านี้ที่เมืองเฉียนถัง ร่วมกับองค์กรฮุยเถิงในการปราบปรามเฉาซื่อ กรุ๊ปแห่งบริษัทหัวหยวน โดยมีเบื้องหลังของแองเจิ้ลอินเวสเม้นท์
และแองเจิ้ลอินเวสเม้นท์ได้กุมข้อมูลของหวางซี ซึ่งได้มาจากเฉาหวังประธานของเฉาซื่อ กรุ๊ป
เฉาหวังถูกเย่เซิ่งเทียนฆ่าตาย ทางฝั่งเมืองเฉียนถัง เวินเฉินออกคำสั่งล็อกดาวน์ระดับ 5 ดังนั้นข่าวที่เฉาซื่อ กรุ๊ปถูกทำลายย่อยยับยังไม่กระจายมาถึงทางนี้
“คุณผู้ชาย สอบถามหน่อยมีอะไรให้ช่วยหรือไม่คะ?”
หญิงสาวหน้าแผนกต้อนรับเข้ามาถาม มองเย่เซิ่งเทียนและจ้านอู๋ซวงตั้งแต่หัวจรดเท้า
มองสองคนนี้เป็นนักธุรกิจที่ดึงนักลงทุนมา แต่บนตัวทั้งสองคนกลับมีออร่าที่พิเศษมากๆ
ในฐานะที่เป็นพนักงานต้อนรับคนหนึ่ง ทักษะการสังเกตคนจากสีหน้าและคำพูดจะต้องดีมากอยู่แล้ว แค่มองเธอก็ดูออก
หนุ่มที่แข็งแรงกำยำข้างหลังผู้ชายคนนั้น เป็นชายหนุ่มหน้าเหลี่ยมที่มีสายตาที่ครอบงำและเฉียบคม แน่นอนว่าต้องเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา
และคนที่อยู่ข้างหน้าริ้วรอยใบหน้าค่อนข้างนุ่มนวล ชายหนุ่มรูปงามราวกับอายุ 24-25 ปี ถึงจะเป็นคนที่ตัดสินใจที่แท้จริง
ดังนั้นเธอถามเย่เซิ่งเทียนโดยตรง
น้ำเสียงของสาวพนักงานต้อนรับไม่กระตือรือร้นเหมือนก่อนหน้านี้ มีน้ำเสียงไม่แยแสเล็กน้อย “คุณผู้ชายคะ ท่านมีธุระอะไรบอกฉันได้ ไม่เช่นนั้นฉันจะช่วยท่านอย่างไร? อีกอย่างพวกเราแองเจิ้ลอินเวสเม้นท์ถ้าหากต้องการลงทุน ก็ต้องการเอกสารที่สอดคล้องกัน สอบถามหน่อยว่าท่านได้นำมาด้วยหรือไม่? ส่งมาให้ฉันก่อนได้ ฉันจะอัปโหลดให้ จากนั้นก็นัดเถ้าแก่ของเราค่ะ”
เย่เซิ่งเทียนยิ้มเบาๆ “ผมมาฆ่าคน คุณช่วยได้ไหม?”
สาวพนักงานต้อนรับอึ้ง กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “คุณผู้ชายคะ การล้อเล่นแบบนี้มันไม่ตลกเลยสักนิด ถ้าท่านจะมาก่อเรื่องวุ่นวาย งั้นท่านมาผิดที่แล้ว ฉันแนะนำให้ท่านออกไปจากที่นี่เถอะ เพื่อหลีกเลี่ยงการเจ็บตัวนะคะ”
เย่เซิ่งเทียนรู้สึกจำใจอย่างยิ่ง และพูดอย่างจริงจังว่า “ผมมาฆ่าคนจริงๆ”
ในเวลานี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนที่อยู่ไม่ไกลมาเห็นเหตุการณ์ทางนี้ ดึงกระบองไฟฟ้าออกจากเอวแล้วเดินเข้ามา มองไปที่สาวพนักงานต้องรับและพูดว่า “คุณแอวิน มีเรื่องอะไรให้ช่วยไหมครับ?”
แอวินชี้ไปที่เย่เซิ่งเทียนและจ้านอู๋ซวงและพูดว่า “คุณผู้ชายสองท่านนี้มาก่อความวุ่นวาย เชิญพวกเขาออกไปซะ”
เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยหุ่นอ้วนคนหนึ่งเอียงคอ และพูดว่า “พวกนาย ฉันขอแนะนำให้นายออกไปแต่โดยดี ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องที่ทำให้ขุ่นเคืองกัน”
เย่เซิ่งเทียนเห็นข้อมือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสอง ทั้งคู่มีรอยสักไม้กางเขนสีเลือด ก็รู้แล้วว่าพวกเขาทั้งสองคนต่างก็เป็นพวกแก๊งองค์กรgod
เขามองสาวพนักงานต้อนรับและยิ้มเบาๆ “ผมมาฆ่าคนจริงๆ”
พูดจบ จ้านอู๋ซวงที่อยู่ด้านหลังใช้สองหมัดพร้อมกัน เร็วปานสายฟ้าแลบ
สาวพนักงานต้อนรับเห็นไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองเลือดพุ่งออกจากปาก เลือดผสมกับชิ้นส่วนของอวัยวะภายใน และตายคาที่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Mars เจ้าสงครามครองโลก
เนื้อเรื่องน่าจะต่อได้อีกนะรีบจบไปหน่อย มีหลายปมเลย ปกแรกเย่หลงตายรึยัง ปมที่2ซือซือทำไม่ถึงลืมเรื่องที่เกิดขึ้น ปมที3หวางซีเป็นสเก็ดวิญาณของใคร หายไปไหนทำไมเห้ยซูหลิงถึงหาเจอ ปมที่4หมิงหยูเลยลูกชายจะช่วยแทบตายไม่กล่าวถึงเลยคือคาฝจมากคนแต่งน่าจะแต่งต่อได้อีกพันตอน...
ฟ้าสยบทำไม่ไม่ช่วย...
ตั้งแต่โดนวางยา..จนถึงตอนเย่เซิงเทียนดูโง่ๆเลย...
เจ้าเทพอะไรดูโง่จัง..โดนจูงจมูกเหนื่อยใจกับคนแต่ง...