“นายจะตายหรือไม่ตายมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยล่ะ? ก็แค่ไอ้คนไม่ได้เรื่องของตระกูลจงเท่านั้น อยากจะไปตายที่ไหนก็ไปได้เลย ไสหัวไปซะ”
เย่เซิ่งเทียนแกล้งพูดหยาบคายขึ้น ตอนนี้เขากำลังหลอกให้ตายใจ เขารู้ดีว่า ยิ่งทำแบบนี้ จงอู่ก็ยิ่งจะไม่ปล่อยให้เขาจากไปง่าย ๆ แน่
ยิ่งแสดงท่าทีไม่สนใจ จงอู่ก็ยิ่งจะให้ความสำคัญมากขึ้นอีก
“ทวารและชีพจรอุดตัน เส้นเลือดแข็งตัว คนที่ใกล้จะตายแบบนี้ ยังคู่ควรที่จะพูดกับฉันอีกเหรอ? ”
เย่เซิ่งเทียนจงใจที่จะแสดงท่าทางเหยียดหยาม แต่กลับชี้ชัดถึงจุดอาการป่วยในร่างกายของจงอู่
นี่คืออาการช้ำในที่หลงเหลือมาจากตอนที่จงอู่ฝึกฝนเพื่อทะลุขั้นแดน เดิมทีไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่เมื่อครู่ขณะที่เย่เซิ่งเทียนช่วยชีวิตเขานั้น จงใจที่จะชักนำเขาเล็กน้อย จนกลายเป็นอาการที่เป็นอันตรายต่อชีวิตไปแล้ว
เมื่อเย่เซิ่งเทียนพูดออกมา ผู้รับผิดชอบก็โมโหขึ้นทันใด
จงอู่เป็นถึงแขกวีไอพีของเขา คือผู้ที่เขาต้องทำการประจบประแจง
เขาคิดมาตลอดว่าต้องการจะเป็นลูกน้องของจงอู่ เพื่อไต่เต้าเชื่อมความสัมพันธ์กับตระกูลจง แต่จงอู่ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตามาก่อนเลย
เวลานี้โอกาสดีมาถึงแล้ว แน่นอนว่าเขาคงจะไม่อยากพลาดพลั้งไป
“แม่งสิ เป็นใครมาจากไหนวะที่ไม่ดูตาม้าตาเรือเลย กล้าที่จะพูดแบบนี้กับคุณชายจง ฉันว่านายคงจะรนหายที่ตายแล้ว อย่านึกว่าเมื่อครู่ได้ใช้วิชาแพทย์ที่กระจอกนั้นช่วยชีวิตคุณชายจงเอาไว้แล้ว นายก็สามารถที่จะชี้มือสั่งการอะไรก็ได้ ทุกคนมากันที่นี่ จัดการทุบตีเขาให้ขาหัก ให้เขาคุกเข่าลงและกล่าวขอโทษคุณชายจงเดี๋ยวนี้”
ผู้รับผิดชอบชี้นิ้วสั่งการ ดูเหมือนกับเป็นสุนัขรับใช้อย่างไรอย่างนั้นเลย
ตุบบ
เมื่อเขาพูดจบลง ก็ถูกเย่เซิ่งเทียนใช้เท้าถีบไปที่ใบหน้าจนกระเด็นลอยไปไกล
ฟันในปากร่วงหล่นลงทั้งหมด และมีเลือดไหลนองไปทั่ว
ตัวเขาเองนั้นถึงกับตะลึงงัน ผ่านไปชั่วครู่ถึงจะค่อย ๆ คลานขึ้นมาจากพื้น และมองไปที่เย่เซิ่งเทียนอย่างอับอาย ซึ่งอาจยังคิดไม่ออกว่า ไอ้หมอเถื่อนคนนี้จะกล้าลงมือทำร้ายเขา
“แกนี่แม่ง......”
เขายังพูดไม่ทันจบ เย่เซิ่งเทียนก็แวบหายตัวแล้วมาปรากฏอยู่ที่ด้านหน้าของเขา แล้วก็เหยียบย่ำไปบนหน้าของเขา จงใจที่จะแสดงท่าทางที่โหดเหี้ยมพร้อมกับดุด่าว่า: “ฉันรังเกียจคนที่ปากมากอย่างแกที่สุด ฉันหลินเย่ตระเวนท่องโลกมานานหลายปี ยังไม่เคยมีใครที่กล้าพูดกับฉันแบบนี้เลย ฉันฆ่าคนมามากมาย ช่วยชีวิตก็มากมายเช่นกัน แกเป็นใครกัน กล้าที่จะมาพูดบ่นต่อหน้าของฉัน”
อีกทั้งยังเป็นเพราะคุณปู่มีพลังความสามารถที่แข็งแกร่ง จึงได้มีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
เขาไม่มีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งอย่างคุณปู่ของเขา ตอนนี้โรคลับเหล่านั้นก็ทยอยรุนแรงขึ้น ซึ่งคงจะมีชีวิตเหลืออยู่อีกไม่นานแล้วจริง ๆ ด้วย
เพียงแต่ว่า ตอนนี้เขายังไม่ค่อยกล้าที่จะเชื่อในตัวของหลินเย่คนนี้สักเท่าไร
เย่เซิ่งเทียนพูดดุด่าต่อว่า: “วิชาการแพทย์ของฉัน นายยังกล้าที่จะสงสัยอยู่อีกเหรอ? ไอ้คุณชายจงนั้น ก็แค่โรคลับได้กำเริบขึ้นอย่างฉับพลันเท่านั้น หากว่าโรคแค่นี้ฉันยังรักษาไม่ได้ ยังจะคู่ควรมีชื่อว่าหลินเย่อยู่อีกเหรอ? ”
พูดถึงตรงนี้ จงอู่ก็เกิดหวั่นไหวแล้ว และพูดขึ้นว่า: “ที่จริงแล้วก็คือหมอเทวดาหลินนี่เอง ขออภัยด้วย ในเมื่อหมอเทวดาหลินมองออกได้ถึงโรคร้ายของฉันแล้ว จึงขอถามหมอเทวดาหลินหน่อยว่า มีวิธีการรักษาบ้างไหม? ”
เย่เซิ่งเทียนพูดขึ้นอย่างไม่ไว้หน้า: “ไม่มี ไสหัวไปซะ หากฉันอารมณ์ดีแล้วก็จะมี”
ในขณะเดียวกันเขาก็พูดขึ้นอย่างใจร้อนและโหดเหี้ยมว่า: “บนโลกใบนี้ ยังไม่มีผู้ใดที่สิบสามเข็มผีทวนความตายของฉันจะช่วยชีวิตเอาไว้ไม่ได้”
“สิบสามเข็มผีทวนความตาย? ”
จงอู่ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Mars เจ้าสงครามครองโลก
เนื้อเรื่องน่าจะต่อได้อีกนะรีบจบไปหน่อย มีหลายปมเลย ปกแรกเย่หลงตายรึยัง ปมที่2ซือซือทำไม่ถึงลืมเรื่องที่เกิดขึ้น ปมที3หวางซีเป็นสเก็ดวิญาณของใคร หายไปไหนทำไมเห้ยซูหลิงถึงหาเจอ ปมที่4หมิงหยูเลยลูกชายจะช่วยแทบตายไม่กล่าวถึงเลยคือคาฝจมากคนแต่งน่าจะแต่งต่อได้อีกพันตอน...
ฟ้าสยบทำไม่ไม่ช่วย...
ตั้งแต่โดนวางยา..จนถึงตอนเย่เซิงเทียนดูโง่ๆเลย...
เจ้าเทพอะไรดูโง่จัง..โดนจูงจมูกเหนื่อยใจกับคนแต่ง...