“เหนือกว่าแดนลอยเมฆ คือแดนฉ่องทิพย์ แล้วแดนฉ่องทิพย์ จะต้องฝึกยังไง?”
เย่เซิ่งเทียนเริ่มหนักใจ
แดนลอยเมฆเป็นเทพอารักษ์เสินฉาง ถ้างั้นแดนฉ่องทิพย์ หละ?
เห็นทีคงต้องหาเหล่าเฟิงมาถามดูละ
มี “ผู้ช่วย” ชั้นดีอย่างตระกูลเซียวนี่ ถ้าไม่ดูดเอามาให้ตระกูลเซียวแห้งไปเลย มันจะเป็นการผิดต่อตัวเองที่อุตส่าห์วางแผนมาอย่างแสนลำเค็ญนะ
“แดนฉ่องทิพย์?”
เหล่าเฟิงมองพิเคราะห์เย่เซิ่งเทียนด้วยสายตาสงสัย คนที่ถูกมองก็ยังดูโหวงเหวงเหมือนเดิม แต่ในอวัยวะสำคัญภายในทั้งห้ายกเว้นหัวใจ อีกสี่อวัยวะนั้นเห็นมีเป็นจุดสว่างใสเล็ก ๆ สี่จุด
นี่คือสัญลักษณ์ของเสินฉางสี่ชั้น เสินฉางเมื่อมีเทพอารักษ์แล้ว ก็จะปรากฏมีจุดแสงให้เห็น
เพียงแต่ว่า คนส่วนใหญ่จะเก็บซ่อนจุดแสงนี้ขึ้น เพื่อปกปิดไม่ให้ใครรู้
ดูทีว่าเย่เซิ่งเทียนคนนี้จะไม่รู้จักวิธีการเก็บซ่อนจุดแสงนี้
“คุณชายเย่ คุณทะลวงเปิดเสินฉางธาตุทองสำเร็จแล้ว?”
เย่เซิ่งเทียนในท่าทีที่ดูใสซื่อ เอามือเกาหัว พูดด้วยยิ้มน้อย ๆ ว่า “เพิ่งจะสำเร็จ ฉันรู้สึกว่าคงใช้เวลาอีกไม่นาน เสินฉางธาตุไฟฉันก็จะต้องทะลวงเปิดได้ ด้วยเหตุนี้ฉันจึงได้มาขอถามท่านเฟิง อยากรู้ว่าแดนฉ่องทิพย์ต้องฝึกอย่างไร”
เหล่าเฟิงแม้ในใจดูแคลนเย่เซิ่งเทียนอยู่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องทึ่งกับความอัจฉริยะในการฝึกวิชาของเขา
ความอัจฉริยะขนาดนี้ คำว่าพรสวรรค์คงไม่สามารถใช้มาเปรียบเปรยได้
มันเป็นความพิสดารแท้ ๆ
ใช้เทียบกับพวกตัวประหลาดมหัศจรรย์ระดับติดบอร์ดยอดคนวัยฉกรรจ์ของพวกตระกูลลี้ลับได้เลย!
แต่ทว่า ถึงให้เป็นขนาดตัวประหลาดมหัศจรรย์แล้วจะยังไง?
มันก็เป็นแค่เพียงหนูทดลองที่น่าสงสารเท่านั้นเอง
สุดท้ายก็กลายเป็นชุดประดับเข้าพิธีให้เจ้าบ้าน
เหล่าเฟิงผงกหัวพูดว่า “แดนลอยเมฆคือการฝึกจิตเทพอารักษ์เสินฉาง ส่วนแดนฉ่องทิพย์ ก็คือการรวมเสินฉางทั้งห้าธาตุเข้าด้วยกัน ห้าจิตวิญญาณรวมเป็นหนึ่งเดียว”
“ผสานรวมเข้ากันอีกครั้งงั้นหรือ?”
เหล่าเฟิงส่ายหน้า “ผมก็ไม่รู้เรื่อง คิดว่าท่านเจ้าบ้านคงจะรู้เรื่อง เรื่องการฝึกวิชา แต่ละคนต่างมีสภาพที่ไม่เหมือนกัน มีแต่ต้องให้คุณเข้าไปถึงในสถานะนั้น คุณก็จะเข้าใจ ผมก็รู้เพียงแค่ว่าแดนสะพานเทพก็คือฝึกวิชาสะพานเทพ แต่หลักการฝึกวิชาสะพานเทพเป็นยังไง จะไม่รู้เรื่องเลย”
เย่เซิ่งเทียนให้รู้สึกผิดหวังนิด ๆ เดิมคิดว่าไอ้แก่คนนี้จะรู้เรื่อง คิดไม่ถึงว่ามีที่ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
แต่ก็ถือว่ายังมีส่วนที่เป็นประโยชน์บ้าง
ช่างเถอะ เรื่องแดนสะพานเทพค่อยไว้ถามเซียวเทียนเฉิงทีหลังเถอะ
เย่เซิ่งเทียนจี้ถามต่อไปว่า “ท่านเฟิง งั้นถ้าฉันอยากจะเร่งรัดในการเข้าไปถึงแดนฉ่องทิพย์ ควรจะทำยังไงได้?”
แววตาเหล่าเฟิงแสดงออกถึงความหงุดหงิด แต่ทำไงได้เพราะเจ้าบ้านกำชับเขาไว้ ต้องทำให้เย่เซิ่งเทียนสมใจตามต้องการทุกอย่าง
เจ้าบ้านท่านหวังได้คุณตัวทดลองนี้มา ช่างทุ่มเทด้วยใจอย่างแสนลำบากจริง ๆ
“หลังจากเสินฉางห้าธาตุได้ดูดซับปราณทิพย์แห่งฟ้าดินจนอิ่มเอิบ คุณก็จะสัมผัสได้กับช่วงจังหวะที่ผสานรวมกันอย่างลงตัว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสัมผัสกันได้ทุกคน มีคนจำนวนไม่น้อยที่จมปลักอยู่ตรงจุดนี้ไปทั้งชาติ จนตายแล้วก็ยังไม่ได้สัมผัสถึงช่วงจังหวะที่ลงตัวได้ หวังว่าคุณคงไม่เป็นแบบนั้น ส่วนการที่คิดจะให้เสินฉางห้าธาตุอิ่มเอิบ หนึ่งคือต้องใช้พลังฝีมือในการดูดซับปราณทิพย์แห่งฟ้าดิน อีกหนึ่งก็ต้องพึ่งของวิเศษในธรรมชาติที่มีปราณทิพย์เก็บฝังอยู่ในตัวมาช่วยเสริมส่ง”
ฟังมาถึงจุดนี้ เย่เซิ่งเทียนสมองสว่างวูบ
บ้านตระกูลเซียว นี่ไม่ใช่หรือที่เป็นคลังของวิเศษของเราเอง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Mars เจ้าสงครามครองโลก
เนื้อเรื่องน่าจะต่อได้อีกนะรีบจบไปหน่อย มีหลายปมเลย ปกแรกเย่หลงตายรึยัง ปมที่2ซือซือทำไม่ถึงลืมเรื่องที่เกิดขึ้น ปมที3หวางซีเป็นสเก็ดวิญาณของใคร หายไปไหนทำไมเห้ยซูหลิงถึงหาเจอ ปมที่4หมิงหยูเลยลูกชายจะช่วยแทบตายไม่กล่าวถึงเลยคือคาฝจมากคนแต่งน่าจะแต่งต่อได้อีกพันตอน...
ฟ้าสยบทำไม่ไม่ช่วย...
ตั้งแต่โดนวางยา..จนถึงตอนเย่เซิงเทียนดูโง่ๆเลย...
เจ้าเทพอะไรดูโง่จัง..โดนจูงจมูกเหนื่อยใจกับคนแต่ง...