“น้องเฟนด์ ขอบคุณที่เลือกจะอยู่ต่อ ผมยังนึกว่าคุณจะเลือกไปกับตำหนักคลื่นเมฆาเสียอีก พวกเขามีพลังมากกว่าเรา แถมยังมีนักสู้ในระดับทะลวงวิญญาณมากกว่าเราเล็กน้อยอีกด้วย เจ้าตำหนักคลื่นเมฆายังอยู่ในขั้นที่สองระดับทะลวงวิญญาณอีกต่างหาก!”
หลังจากที่ฝูงชนจำนวนไม่น้อยออกจากที่เกิดเหตุ ออสตินก็มองไปที่เฟนด์และกลุ่มของเขาด้วยใบหน้าที่ซาบซึ้ง ในครั้งนี้กองทัพทั้งเก้าก็เผชิญกลับการสูญเสียครั้งใหญ่ ดังนั้นเขาจึงกลัวจริง ๆ ว่าเฟนด์และคนของเขาจะตัดสินใจไปกับตำหนักคลื่นเมฆาและกองทัพทั้งเก้าจะต้องพบกับปัญหาใหญ่ หากกองกำลังภาคีส่งลูกน้องเข้ามาหาเรื่อง
เฟนด์ยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ผมไม่คิดว่าแลนซ์ พี่ชายของผมจะยกโทษให้ผมง่ายขนาดนั้น ตอนนี้เขาเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งของตำหนักคลื่นเมฆาผมไม่มีทางไปกับพวกเขา อีกอย่าง จู่ ๆ เราก็บุกเข้ามาที่นี่และทำให้พวกคุณตกอยู่ในอันตราย และผมก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องนั้นจริง ๆ ดังนั้น ผมจึงคิดว่ามันจะดีกว่าและฉลาดกว่าที่เราจะอยู่กับพวกคุณ และผ่านเรื่องร้าย ๆ ไปด้วยกัน!”
คำพูดของเฟนด์ทำให้ออสตินรู้สึกผิดและละอายใจในตัวเองเพราะพวกเขารู้ว่าพวกเขาเทียบกับเผ่ากระหายเลือดไม่ได้ และได้แต่รออยู่เฉย ๆ ทั้งยังไม่เต็มใจที่จะช่วยเฟนด์และพรรคพวกของพวกเขาอีก ถึงอย่างนั้นท้ายที่สุดแล้วเฟนด์และกลุ่มของเขากลับตัดสินใจที่จะฝ่าฟันอุปสรรคไปกับพวกเขา ในตอนที่พวกเขาแอบออกจากป่า ขณะที่กองทัพทั้งเก้ากำลังต่อสู้กับเผ่ากระหายเลือด
“นายน้อยเฟนด์ ไม่ว่ายังไง พวกเราก็จะไม่แยกตัวออกจากกัน! เราไม่คิดจะติดตามพวกเขาไปหรอก! นับตั้งแต่ที่ผู้ที่มาจากวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ตัดสินใจเข้าร่วมตำหนักคลื่นเมฆา เราก็เกลียดการต้องหายใจร่วมโลกกับพวกเขา!”
หัวหน้าตระกูลชั้นสองกล่าวกับเฟนด์หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ใช่แล้วล่ะ นายน้อยเฟนด์! แม้ว่าตำหนักคลื่นเมฆาจะแข็งแกร่งและทรงพลังเพียงใด แต่เราก็เชื่อมั่นในตัวคุณ! เราเชื่อว่าเมื่อคุณทะลวงผ่านเข้าสู่ระดับทะลวงวิญญาณ ตำหนักคลื่นเมฆาก็ไม่มีความหมายอะไร!”
หัวหน้าตระกูลชั้นสามอีกคนหนึ่งพูดขึ้นทันทีและมองไปที่เฟนด์ด้วยรอยยิ้ม
พวกเขาทุกคนรู้ดีอยู่ในใจว่าเฟนด์เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสาม และแม้ว่าตำหนักคลื่นเมฆาอาจดูแข็งแกร่งและทรงพลังในตอนนี้ แต่ตราบใดที่เฟนด์มีเวลาบ่มเพราะโอสถและแจกจ่ายพวกมันให้กับคนอื่น ๆ พวกเขาทุกคนจะสามารถปรับระดับพลังยุทธของพวกเขาได้ในเวลาไม่นาน นอกจากนี้เฟนด์ยังเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ นี่ถือเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุดและมีแนวโน้มว่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอีกด้วย
“เอ๋? แต่เราจะบ่มเพาะตัวเองได้มากแค่ไหนในเวลาเพียงหนึ่งเดือน?”
ออสตินยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อได้ยินคำพูดของเฟนด์ “เพิ่มระดับพลังยุทธในหนึ่งเดือนงั้นหรอ? จริงอยู่ แม้ว่านักสู้ระดับกึ่งเทพบางคนจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นต้นของระดับเทพแท้จริงได้ แต่ก็ไม่มีประโยชน์สำหรับเรามากนัก สิ่งที่เราต้องการคือนักสู้ที่อยู่ในระดับเทพสูงสุดหรือระดับทะลวงวิญญาณ! เราต้องการเพียงแค่คนที่มีพลังยุทธในระดับทะลวงวิญญาณได้มากขึ้นเท่านั้น!”
“ฮ่าฮ่า! เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ผมแน่ใจว่าหลาย ๆ คนในหมู่พวกเราจะทะลวงเข้าสู่ระดับทะลวงวิญญาณได้ภายในหนึ่งเดือน!”
เฟนด์หัวเราะเบา ๆ และตอบกลับไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหาเทพ แห่ง สงคราม
รอๆ1026...
1026รอๆ...
รออ่าน 691 อยู่นะครับ ติดงอมแงมเลย อยากให้ลงทุกวันเลยครับ สนุกมาก...
มันจบแค่ตอนที่ 585 จริงดิ???? เหมือนดำเนินเรื่องได้แค่ไม่เท่าไหร่เอง...