“อย่าพูดแบบนั้นกับฉันสิ ฉันมีเหตุผลที่ต้องพูดกับนายแบบนั้น ทักษะศิลปยุทธหรือทักษะยุทธที่อยู่ในธาตุวิญญาณถือเป็นการฝึกที่ยากกว่าทักษะในธาตุอื่น ถ้านายฝึกทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธจากทักษะทางธาตุทั้งห้า ฉันคงไม่ถามอะไรแบบนี้กับนายหรอก คิดซะว่าฉันอยากจะเปลี่ยนใจนายก็แล้วกัน แม้แต่อัจฉริยะในตำหนักก็ยังไม่อ่านฝึกฝนทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธทางธาตุวิญญาณได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงศิษย์ภายนอกที่ได้รับคัดเลือกใหม่อย่างนาย”
โนเอลไม่ได้พูดเกินจริง ในบรรดาทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธทั้งหมด ทักษะทางธาตุทั้งห้านั้นเป็นทักษะที่ฝึกฝนได้ง่ายที่สุด
แม้ว่าพลังที่ปลดปล่อยออกมาหลังจากที่พวกเขาบรรลุถึงระดับสำเร็จจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธของสายอื่น ๆ แต่การฝึกฝนทักษะทางธาตุเหล่านั้นย่อมง่ายกว่า และความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จก็สูงกว่ามากเช่นกัน
โนเอลขยี้ตาแดง ๆ ของเขาเล็กน้อยแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ ก่อนจะพูดต่อด้วยท่าทีสบาย ๆ “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้ที่สามารถฝึกฝนทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธด้วยธาตุวิญญาณสำเร็จมีเพียงเหล่าศิษย์ภายในที่มีความสามารถสูงอย่างยิ่งเท่านั้น แม้แต่ศิษย์ที่ถูกเลือกก็ไม่คิดที่จะลองฝึกทักษะยุทธจากธาตุวิญญาณ เว้นแต่จิตวิญญาณของนายจะพิเศษมากโดยไม่ก็เพราะนายมีความสามารถที่พิเศษมาก ฉันไม่คิดว่านายจะเป็นอย่างพวกเขาหรอก ทำไมนายไม่เข้าร่วมการประเมินศิษย์ภายนอกตามหนทางปกติและเข้าร่วมตำหนักด้วยวิธีที่ดีกว่านี้ล่ะ?”
สำหรับศิษย์อย่างโนเอล การประเมินสำหรับศิษย์ภายนอกที่จัดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่อาจนับได้ว่าเป็นวิธีปกติในการรับสมัครศิษย์ได้ พวกเขารู้สึกว่านี่เป็นวิธีรับสมัครที่ผิดปกติในสถานการณ์ที่ไม่ปกติอย่างยิ่ง
เฟนด์ไม่อยากเสวนากับโนเอลในเรื่องนี้ต่อไป ดังนั้นเขาจึงพูดแทรกขึ้นอย่างใจเย็นว่า “ผมก็แค่ฉวยโอกาสนี้มาได้ คุณไม่ต้องมาสอนเรื่องพวกนี้กับผมหรอก ศิษย์พี่โนเอลผมมาที่หอเจตสิกเพื่อเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะทักษะยุทธ และผมได้ทำการตัดสินใจเรื่องนี้ไปแล้ว คำพูดของคุณจะไม่กระทบอะไรกับการตัดสินใจของผมในแม้แต่น้อย”
โนเอลเลิกคิ้วและหัวเราะอย่างดูแคลน เขาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเฟนด์แต่เขาแค่ต้องการเตือนอีกฝ่ายด้วยความปรารถนาดี เขาจะไม่เสียเวลาพูดให้ปากเปียกปากแฉะเฟนด์เพราะเฟนด์ไม่เห็นคุณค่าของมัน
ดูเหมือนว่าโนเอลจะรับรู้ถึงความประหลาดใจเล็กน้อยบนใบหน้าของเฟนด์ เขาแสดงความคิดเห็นด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาว่า “คะแนนสะสมของตำหนักสิบคะแนนต่อวันนั้นไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยนที่สูงอะไรเลย นายลองคิดดู หอเจตสิกต้องมีพลังในการช่วยนายขณะฝึกฝน และสิ่งนี้ต้องใช้ผลึกวิญญาณจำนวนมาก ในการแลกเปลี่ยนกับการใช้พลังงานนี้ นายเพียงต้องจ่ายคะแนนสะสมเพียงสิบคะแนนต่อวันเท่านั้น ให้นั่งคิดเลยว่านี่เป็นค่าใช้จ่ายที่น้อยเกินไป”
ก่อนที่เขาจะมาถึงเฟนด์เคยได้ยินมาว่าหอเจตสิกเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ และหน้าที่ของมันคือการเพิ่มความเร็วของผู้ที่ฝึกฝนทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธในธาตุวิญญาณ เนื่องจากเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ จึงต้องการพลังในการขับเคลื่อน และนั่นหมายความว่าต้องใช้ผลึกวิญญาณจำนวนมาก เมื่อพิจารณาถึงสิ่งนี้แล้ว คะแนนสะสมเพียงสิบคะแนนต่อวันนั้นย่อมไม่ถือว่าเป็นจำนวนที่มากเกินไป
โนเอลเงยหน้าขึ้นและพูดต่อ “ฉันต้องบอกอะไรให้นายรู้ไว้ก่อน ฉันไม่สนหรอกว่านายจะอยู่ในนั้นได้เป็นเวลาหนึ่งก้านธูปหรืออยู่ได้เพียงไม่กี่อึดใจกินข้าวอะไรนักหนาเนี่ย แต่นายต้องจ่ายคะแนนสะสมให้ฉันสิบคะแนน คะแนนสะสมจำนวนสิบคะแนนจะไม่ใช่จำนวนที่มาก นับว่าโชคดีพอแล้วสำหรับลูกศิษย์ภายนอกอย่างนาย ขอเตือนอีกครั้งเลยว่า คนที่ไร้ความสามารถอย่างนายไม่ควรเสียเวลาให้กับทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธทางธาตุวิญญาณ วิญญาณเป็นสิ่งลวงตาและทำความเข้าใจได้ยาก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหาเทพ แห่ง สงคราม
รอๆ1026...
1026รอๆ...
รออ่าน 691 อยู่นะครับ ติดงอมแงมเลย อยากให้ลงทุกวันเลยครับ สนุกมาก...
มันจบแค่ตอนที่ 585 จริงดิ???? เหมือนดำเนินเรื่องได้แค่ไม่เท่าไหร่เอง...