P&P Rocasander…
เมื่อคืนหลังจากที่ออร์แลนโด้หนีขึ้นห้องไปคารอสกับเจคอปก็ย้ายมาต่อกันที่ห้องคาราโอเกะ ทั้งสองดื่มหนักจนเกือบเช้า จนหลับไปพร้อมกัน ในห้องคาราโอเกะ
คารอสและเจคอปที่เมาจนน็อกเลยหลับยาวกว่าจะตื่นก็เกือบหกโมงเย็น พอตื่นมาเจคอปก็เปิดมือถือของตนดู มีเบอร์ของเลโอนาดท์ผู้เป็นบิดาที่ไม่ได้รับอยู่หลายสาย
คารอสที่กำลังก้มดูมือถือหันมาบอกว่า โดโนเวลรายงานว่าออร์แลนโด้ไม่สบาย ตอนนี้นอนอยู่บนห้องอาการหนักพอดู ทั้งสองจึงพากันวิ่งหน้าตั้งมาที่ห้องนอนของออร์แลนโด้ อย่างเป็นห่วงและใจไม่ดี
“อลัน! / เฮีย!” สองหนุ่มเรียกหาจ้าละหวั่น จนสาวใช้ที่ทำความสะอาดอยู่ห้องข้างๆ รีบเข้ามาบอก
“เอ่อ... คุณออร์แลนโด้อยู่ที่ข้างสระว่ายน้ำค่ะ” สองหนุ่มหันมามองกันก่อนจะรีบวิ่งออกไป
“ขอบใจ!” เจคอปไม่วายหันมาตะโกนบอกขณะที่วิ่งแข่งกับคารอสลงไปข้างล่าง สาวใช้ถึงกับอมยิ้ม พลางคิดในใจว่าคิดถูกแล้วที่มาสมัครทำงานที่นี่ หล่อๆ ทั้งนั้นเลย
สระว่ายน้ำทางด้านปีกขวาของคฤหาสน์ ขณะที่ออร์แลนโด้กำลังนั่งทานส้มตำไทย ส้มตำลาว โดยมีอันโตนีโอ้ใส่ผ้ากันเปื้อนยืนย่างเนื้อที่หมักด้วยกระเทียม เม็ดผักชี และพริกไทยดำโขลกละเอียด น้ำตาลปี๊บ น้ำมันหอย ซอสหมักเนื้อและน้ำมันงา
เนื้อย่างที่กำลังสุกได้ที่ส่งกลิ่นหอมลอยฟุ้งไปทั่ว ทำเอาสองหนุ่มที่วิ่งหน้าตื่นมาแล้ว เห็นออร์แลนโด้นั่งทานส้มตำอย่างเอร็ดอร่อยด้วยหน้าตาสดชื่น ราวกับว่าไม่ได้เป็นอะไร ถึงกับหันมองหน้ากันอย่างงงๆ
“อะ...อลัน นายโอเคไหม?” คารอสที่วิ่งมาด้วยความเร็วจนแทบจะเบรกไม่ทัน เอ่ยถามเพื่อนรักอย่างเป็นห่วง
“ไหนเขาบอกว่าเฮียไม่สบายไงล่ะ” เจคอปที่วิ่งมาหอบๆ เอ่ยถามอย่างสงสัย พลางหันกลับไปมองอันโตนีโอ้ที่ยืนย่างเนื้ออยู่ใกล้ๆ กลิ่นหอมๆ ของเนื้อย่างทำเอาเจคอปรู้สึกหิวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก พอหันกลับมามองผู้เป็นพี่ชายอีกครั้ง ก็เห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งทานส้มตำอย่างอร่อย จึงอดน้ำลายสอตามไม่ได้
“เป็น! แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว!” ออร์แลนโด้บอกก่อนจะตักส้มตำทานอย่างไม่สนใจ และนั่นทำให้เจคอปกับคารอสถึงกับกลืนน้ำลายลงคอตามๆ กัน และรีบพากันเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะด้วยอย่างไม่รอช้า
“เฮ้! เดี๋ยวนะ! นี่พวกแกมานั่งด้วยทำไมวะ!” ออร์แลนโด้เอ่ยพร้อมกับทำตาขวางๆ ใส่สองหนุ่ม
“อลัน! ทำไมฉันกับเจคจะนั่งด้วยไม่ได้ฮะ?” คารอสที่เจอคำถามของออร์แลนโด้ไป ถึงกับเหวอเลยต่อว่าเพื่อนรักอย่างไม่พอใจ
“นั่งได้! แต่ห้ามกินโว้ย! เจควางช้อนลงเลยนะ!” ออร์แลนโด้บอกเสียงดัง เจคอปถือส้อมค้างกลางอากาศอย่างไปไม่ถูก
“เฮีย! ผมน้องเฮียนะ ทำไมผมจะกินไม่ได้ จำได้ไหมตอนเป็นเด็กๆ แม่บอกว่ามีอะไรต้องแบ่งปันกันทั้งของเล่นและของกิน เป็นพี่ต้องรักน้องแล้วนี่อะไรอะ?” เจคอปดราม่าใส่ผู้เป็นพี่ชาย ในขณะที่มือยังคงถือส้อมค้างไว้อยู่เช่นเดิม
“รู้! นั่นมันตอนที่แกเป็นเด็กห้าหกขวบ แต่ตอนนี้แกโตแล้วไปหากินเอง” ออร์แลนโด้ตอบพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่แคร์
“เฮีย! ผมจะฟ้องแม่คอยดู!” เจคอปเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด แต่ก็ยังไม่ยอมวางส้อมลงและถือเอาไว้แน่นไม่ปล่อย พร้อมกับส่งสายตาไปตัดพ้อพี่ชาย
อันโตนีโอ้ที่ย่างเนื้ออยู่ถึงกับกัดปากตัวเอง ไม่ให้หลุดหัวเราะออกมากับประโยคที่ว่า เฮีย! ผมจะฟ้องแม่คอยดู! เมื่อครู่ของหนุ่มเจคอป
“อลันทำไมแกถึง...” เป็นคนแบบนี้
“เอ่อ...เอางี้นะครับ คุณเจคกับคุณเพชรจะรับส้มตำอะไรดีครับ เดี๋ยวผมไปสั่งให้ครับ เอาเนื้อย่างกับข้าวเหนียวด้วยไหมครับ เดี๋ยวผมจัดลงจานให้ก่อนเลย!” อันโตนีโอ้ที่ยืนฟังมานาน เสนอทางออกให้สองหนุ่มที่ดูจะบึ้งตึงขึ้นมาราวกับเด็กๆ กำลังงอนกันไม่มีผิด จึงรีบแก้ไขสถานการณ์ก่อนจะบานปลาย เหตุเพราะเจ้านายของตนหวงของกิน!
“เอาตำถาดปูปลาร้า เครื่องเยอะๆ ขนมจีนด้วยนะ” เจคอปสั่งไปกลืนน้ำลายลงคอไป เพราะเห็นทั้งภาพและกลิ่นของส้มตำอยู่ตรงหน้า แต่ทำได้แค่ถือส้อมดูเท่านั้น
“สั่งต้มแซบเอ็นกับหมูน้ำตกมาด้วยพีเค” คารอสเอ่ยก่อนจะหันไปมองออร์แลนโด้ด้วยหางตาอย่างขุ่นเคือง
“ได้ครับ! งั้นเอาเนื้อย่างกับข้าวเหนียวร้อนๆ ไปทานก่อนนะครับ” อันโตนีโอ้ยกเนื้อย่างที่หั่นใส่จานใหญ่มาสองจานให้คารอสกับเจคอปไปจานหนึ่ง พร้อมกับข้าวเหนียวร้อนๆ ก่อนจะวางอีกจานให้ผู้เป็นนายของตนที่ทำหน้าบึ้งๆ มองเนื้อย่างอีกจานที่ตนส่งให้สองหนุ่มไปแบบไม่วางตา
อันโตนีโอ้ส่ายหน้าน้อยๆ แล้วรีบเดินไปสั่งอาหารให้สองหนุ่ม ก่อนจะเกิดสงครามแย่งอาหารกันขึ้นบนโต๊ะ
“เลิกมองแบบนั้นสักทีเถอะอลัน! แค่จานนั้นแกก็กินไม่หมดหรอก!” คารอสต่อว่าเพื่อนรักอย่างไม่เข้าใจ ‘ปกติมันก็ไม่ได้เป็นแบบนี้สักหน่อย วันนี้มันเป็นอะไรวะ’
“หมดสิ!” ออร์แลนโด้ตอบเสียงดัง
“หมดเหรอ! ถ้ากินคนเดียวหมดนั่นก็ปอบแล้วเฮีย!” เจคอปที่กำลังจะจิ้มเนื้อย่างหันไปต่อว่ากึ่งประชดผู้เป็นพี่ชาย เพราะตั้งแต่เด็กจนโตอีกฝ่ายไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน พอเห็นท่าทีแบบนี้แล้วต่อมน้อยใจของเขามันก็ทำงานขึ้นมาทันทีทันใด
“ปอบไม่หล่อขนาดนี้หรอก! แต่ถ้าป็อปปูลาร์น่ะ...ไม่เถียง!”ออร์แลนโด้เอ่ยพร้อมกับจิ้มเนื้อย่างเข้าปากอย่างอารมณ์ดี
สองหนุ่มหันมามองหน้ากันอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ เมื่อกี้ออร์แลนโด้ยังแสดงท่าทางอารมณ์เสียและหวงของกิน แต่ไหงอยู่ๆ กลับอารมณ์ดีขึ้นมาซะอย่างนั้น เจคอปที่ทั้งอึ้ง มึน งง ไม่เข้าใจ หันไปกระซิบกระซาบคารอสอย่างทนไม่ไหว
“แบบนี้ผีเข้าชัวร์เฮียเพชร!”
“งั้นต้องเอาข้าวสารเสกไล่ผีออกว่ะ” คารอสบอกขณะที่ขนในกายลุกซู่ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ!
“โอเค งั้นเดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว เราจัดการกันเลยนะเฮียเพชร บอกตรงๆ ผมไม่อยากให้พ่อกับแม่มาเห็นแบบนี้เลย เดี๋ยวท่านจะคิดว่าเฮียเสียใจที่โดนเมียทิ้ง แล้วหันไปเสพยาเสพติดเอา!” เจคอปกระซิบตอบ
“ใช่ๆ เดี๋ยวเราจะซวยไปด้วย” คารอสบอกก่อนจะหันไปมองเพื่อนรักที่ยิ้มไป กินไป ดูราวกับคนบ้าที่อยู่ในโลกส่วนตัวยังไงยังงั้น
สาวใช้ในครัวพากันยกส้มตำมาให้คารอสและเจคอป พร้อมกับส่งน้ำเสาวรสปั่นใส่สตรอว์เบอร์รี่สดให้ออร์แลนโด้
สองหนุ่มมองตามอย่างสนใจ และมองดูออร์แลนโด้หยิบหลอดขึ้นมาดูดแล้วทำหน้าชื่นใจ ทำเอาสองหนุ่มถึงกับเคลิ้มตามไปเลยทีเดียว
“เอาแบบนั้นแก้วหนึ่ง” คารอสสั่งสาวใช้พลางชี้ไปที่แก้วในมือเพื่อน
“เฮ้ย! ล้อเล่นหรือเปล่าเฮียเพชร!” เจคอปเอ่ยถามอย่างตกใจ
“จริง!” คารอสตอบก่อนจะลุกเดินออกไปรับสายสำคัญที่ด้านนอก
เจคอปมองตามอย่างไม่เชื่อ เพราะเขาทราบมาว่าอีกฝ่ายเพิ่งเจอกับนางแบบที่ชื่อฟ้ารดาเพียงครั้งเดียว และยังไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ คืบหน้าเลยตอนนี้“มโนไปไกลเลยนะเฮียเพชร! อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ!” เจคอปตะโกนตามหลังเคืองๆ ที่อีกฝ่ายกักสาวสวยเอาไว้
ห้าหนุ่มแยกย้ายกันไปสำรวจความเรียบร้อยของงานในวันรุ่งขึ้นทั้งโบสถ์และรถแลมโบร์กินีทั้งห้าคันที่จะใช้ในขบวนเจ้าบ่าว พอตรวจงานเสร็จ ก็พากันไปรอรับเลโอนาดท์ มะลิฉัตร โดมินิกและพราวดารา พร้อมด้วยเหล่าคนสนิทอีกมากมายที่เดินทางมาพร้อมกัน ด้วยเครื่องบินส่วนตัวลำใหญ่
P&P Rocasander… หลังจากที่ทุกคนเดินทางมาถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่สร้างไว้เป็นเรือนหอของแพททริกสันกับพิมพลอย มะลิฉัตรพูดคุยกันถึงกำหนดการต่างๆ ของวันรุ่งขึ้น จากนั้นทุกคนก็พากันแยกย้ายไปพักผ่อน
เลโอนาดท์กับมะลิฉัตรเข้าไปดูออร์แลนโด้ที่ห้องนอน หลังจากได้ข่าวว่าขึ้นมานอนที่ห้องตั้งแต่ช่วงค่ำจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ บวกกับที่ฟังจากเดือนนภาโทร. มารายงาน
ทั้งสองมองดูใบหน้าที่ซีดเซียวของบุตรชายคนรอง ที่นอนนิ่งกอดลูกหมาสีดำอยู่บนเตียง เสียงหายใจสม่ำเสมอนั้นทำให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังหลับลึกมะลิฉัตรเข้าไปกอดและหอมแก้มของลูกชายเบาๆ อย่างรักใคร่ ดูท่าทางอาการจะหนักกว่าที่เดือนนภารายงาน
“ผมว่า...คุณควรจะให้หนูมิกิกับอลันปรับความเข้าใจกันได้แล้วนะ ตอนนี้อลันก็น่าจะสำนึกแล้ว เห็นลูกเมาหัวราน้ำทุกวัน เอาแต่เสียอกเสียใจไม่เป็นผู้เป็นคนแบบนี้ ผมรู้สึกไม่ดีเลย ผมไม่ได้ห่วงว่าภาพลักษณ์ลูกชายคนรองของตระกูล จะออกมายังไงหรอกนะ แต่ผมห่วงความรู้สึกของลูก และรู้ว่า อลันรู้สึกยังไงที่หนูมิกิหายไปจากการช่วยเหลือของคุณ!” เลโอนาดท์นั่งจ้องดูภรรยาที่กอดและหอมแก้มลูกชายอยู่บนเตียงก่อนจะเอ่ยในสิ่งที่ตนรู้มาตั้งแต่แรก แต่ไม่พูดเพราะเชื่อว่าภรรยาคงมีเหตุผล จึงรอดูสถานการณ์มาได้สักพัก และตอนนี้เขาคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่ทั้งสองจะปรับความเข้าใจกันสักที
“คุณรู้” มะลิฉัตรหันไปมองผู้เป็นสามีก่อนจะเอ่ยถาม
“รู้สิ! ผมเป็นสามีของคุณนะมะลิ” เลโอนาดท์เอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้
“ฉันจะให้หนูมิกิกับอลันคุยกันหลังจากเสร็จงานแต่งแพทกับน้องพิม โอเคไหมคะ!” มะลิฉัตรบอก
“โอเคอย่างมากเลยจ้ะ” เลโอนาดท์เข้ามากอดภรรยา ก่อนจะหอมแก้มทั้งสองข้างอย่างยินดี
“อลันเหมือนคุณตอนเป็นหนุ่มๆ ไม่มีผิด ทั้งดิบเถื่อนและเย็นชา พอเห็นสิ่งที่ลูกทำวันนั้นกับมิกิ บอกตรงๆ ว่าเหมือนเห็นตัวเอง ตอนที่คุณรวบรัดกักขังฉันเอาไว้ไม่มีผิด” มะลิฉัตรเอ่ยถึงสาเหตุที่ทำให้ตนสงสารแพรณารา
“ผมขอโทษที่รัก ตอนนั้นมันเลือดร้อน ผมยังหนุ่มยังแน่น แต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้วนะจริงไหม?” เลโอนาดท์เอ่ยถึงสิ่งที่ผ่านมา สมัยที่ตนได้เจอภรรยาครั้งแรก
“ก็จริง ถ้าคุณยังดิบเถื่อนเหมือนตอนนั้น ฉันคงหอบลูกหนีไปแล้ว”
“เห็นไหมว่าผมยังเปลี่ยนได้ อลันก็เช่นกัน ผมเชื่อว่าหนูมิกิจะเปลี่ยนแปลงลูกเราให้เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบได้ เหมือนที่คุณเปลี่ยนผมไงมะลิ!” เลโอนาดท์เอ่ยก่อนจะส่งมือให้ภรรยาจับ
“ว้าว! ฉันเปลี่ยนคุณเหรอเนี่ย?” มะลิฉัตรถามยิ้มๆ ก่อนจะจับมือสามีที่ส่งมาแล้วลุกขึ้นจากเตียง
“ใช่! คุณเปลี่ยนผู้ชายที่ดิบเถื่อนคนนี้ให้เป็นพ่อและสามีที่แสนดียังไงล่ะ” เลโอนาดท์เอ่ยพลางโอบเอวภรรยาออกจากห้องไป ทิ้งให้ออร์แลนโด้นอนกับอรองต่อ มะลิฉัตรยิ้มให้สามีก่อนจะดึงประตูห้องปิดให้ลูกชายอย่างเบามือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ้อมกอดอสูรไร้ใจ