บทที่41แน่นหนา
“อธิบายเรื่องบ้านหลังนั้นให้ผมฟังอีกหน่อยสิ!”
จักรชัยชี้ไปที่บ้านที่ตั้งอยู่บนยอดเขาหลังนั้น เซลล์สาวคนนั้นตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ปรับท่าทีกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
อายุการทำงานของเธอที่นี่ไม่นับว่ายาวนานนัก แต่เธอก็ดูออกว่าจักรชัยไม่ใช่คนที่จะมีกำลังซื้อคฤหาสน์หลังนั้นได้ หากแต่เธอไม่สนใจ
ขอแค่คนที่มาที่นี่ ทุกคนล้วนอยากจะซื้อคฤหาสน์เป็นของตนเองทั้งนั้น วันนี้อาจจะไม่ได้ แต่เรื่องของวันพรุ่งนี้ใครจะไปรู้ได้เล่า อีกอย่างเธอก็คิดแค่ว่าเป็นการฝึกฝนการขายก็เท่านั้น
เธอนำทางจักรชัยไป แล้วไปหยุดยืนข้างเสื้อเชิ้ตลายตัวนั้น
“กัลยาณี คงจะมีแต่เธอเท่านั้นแหละที่จะยอมเสียเวลากับคนพรรคนี้ ขอแค่คนที่ตาไม่บอดดูก็รู้แล้วว่าเขาไม่มีปัญญาซื้อหรอก ฉันก็ไม่รู้ว่าจะว่าเธอยังไงดี!”
ก่อนหน้านี้เซลล์หญิงคนนั้นอบรมสั่งสอนกัลยาณีในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสกว่า แต่กัลยาณีก็คงได้
แค่ยิ้มหวานให้
น้ำเสียงของกัลยาณีใสก้องกังวาน อาจจะไม่ได้อ่อนโยนเหมือนน้ำเสียงของน้ำทิพย์ และอาจจะไม่ได้ใสอย่างเพลงพิณ
น้ำเสียงใหญ่น้อยของเธอควบคุมได้พอเหมาะพอเจาะ ทำให้ผู้ที่ได้ฟังรู้สึกสบายใจ แล้วก็ฟังเพลินไปโดยไม่รู้ตัว
จะไม่พูดก็ไม่ได้ กัลยาณีเองก็ทำการบ้านได้ค่อนข้างแน่นหนาทีเดียว เธอวาดผังและอธิบายห้องแต่ละห้องได้อย่างละเอียด
เพราะว่าคฤหาสน์แบบนี้เหลือเพียงหลังเดียว คนที่ออกแบบก็ได้ใส่ความชอบส่วนตัวลงไปด้วย ดังนั้นจึงได้รับการตกแต่งอย่างดีก่อนที่จะขายออกอยู่แล้ว
แต่ว่าก็ตรงกับใจของจักรชัยพอดี เขาเองก็รู้สึกโดนใจจากการออกแบบของคฤหาสน์หลังนี้เหมือนกัน
การออกแบบทั้งสามชั้นของตึกรวมไปถึงสวนดอกไม้หลังบ้านเป็นไปคนละรูปแบบ หากแต่กลับผสมผสานกันอย่างลงตัว บ้านหลัวนี้สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกหลากหลาย ขอแค่ยืนอยู่ในมุมสูงคนละมุม
สุดท้ายราคาตกอยู่ที่สามสิบสองล้านหกแสนหกหมื่นจักรชัยหยิบบัตรยศพลออกมาวางลงในมือ
ของกัลยาณี
“เชิญกดรหัสผ่านค่ะ……”
เสียง“ติ๊ด”จากระบบดังขึ้น การซื้อขายเสร็จสมบูรณ์
ในห้องโถงนี้เซ็งแซ่ไปด้วยข่าวคราวการซื้อคฤหาสน์หลังนี้ของจักรชัย ฉับพลันผู้คนนิ่งงันไปทั่ว
ห้อง
คนที่มาซื้อบ้านที่นี่ ใครๆก็ต้องรู้จักชั้นสูงที่สุดของคฤหาสน์นี้ดี ทุกคนรู้ถึงราคาของคฤหาสน์หลังนี้อยู่แล้ว
บางคนต่อให้อยากซื้อ แต่ว่าข้างในตัวบ้านตกแต่งมาให้เรียบร้อยแล้ว ถ้าคิดจะตกแต่งใหม่ ราคาก็พอๆกับซื้อคฤหาสน์หลังใหม่เลยทีเดียว ดังนั้นทุกคนจึงไม่กล้าซื้อบ้านที่โจษจันกันว่าเป็น
เผือกร้อนลวกมือหลังนี้
แต่ว่าความจริงล้วนปรากฏตรงหน้า พวกเธอจะไม่เชื่อก็ไม่ได้
ทั้งสามคนที่โดนละเลยไปตั้งแต่ต้นต่างก็พูดไม่ออกนานแล้ว เมื่อครู่พวกเขาพูดอะไรหรือทำอะไรในใจรู้ดีที่สุด ซึ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการตบหน้าพวกเขาฉาดใหญ่
“จริงสิ บ้านหลังนี้เข้าไปอยู่ได้เลยใช่ไหม”
จักรชัยยัดใบเสร็จเข้าในกระเป๋าตามความเคลื่อนไหวของมือ คนรอบตัวเห็นต่างก็รู้สึกใจสั่น นั่นเป็นใบเสร็จเงินสามสิบล้านเชียวนะ ยัดลงกระเป๋าง่ายๆแบบนี้เลยหรือ
“ใช่ค่ะ คุณสามารถเข้าไปได้ตอนนี้เลยค่ะ ฉันจะพาคุณไปทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมนะคะ”
จักรชัยโบกมือ กัลยาณียิ้มให้แล้วโบกมือกลับ เขาเดินไปที่แปลนบ้านอีกครั้ง แล้วชี้ไปที่คฤหาสน์อีกสองหลังในสามหลังนั้น
“ผมเตรียมจะซื้อคฤหาสน์อีกหลังหนึ่ง คุณมาอธิบายให้ผมฟังดีกว่า ผมจะได้นำไปประกอบการพิจารณา!”
เมื่อสิ้นเสียงพูด คนในห้องโถงต่างก็สูดหายใจลึกๆเข้าอีกรอบ
“เมื่อครู่ลืมแนะนะ นี่คือเพื่อนชายของฉัน นภนต์!”
หญิงสาวคนนั้นรีบร้อนที่จะตามจักรชัยออกไป จึงไม่ได้ใส่ใจว่าโชษิตาพูดอะไร จึงตกปากรับคำไปอย่างนั้น พอเห็นทั้งคู่ไม่พูดอะไร ผู้หญิงคนนั้นจึงรีบรุดหน้าขึ้นไป
“จักรชัย!”
เสียงตะโกนเรียกไม่ได้ทำให้จักรชัยหยุดฝีเท้าลง หญิงสาวคนนั้นจึงถอดรองเท้าส้นสูงออก แล้ววิ่งตามไป เธอเห็นว่าจักรชัยกำลังจะหายลับไปกับตา
จึงได้แต่แผดเสียงตะโกนออกไป จักรชัยจึงได้รู้สึกตัวมองตามเสียงไปรอบๆ จึงได้เห็นคนที่ห่อตัว
อยู่ในเสื้อผ้าชุดนั้น
เมื่อเห็นว่าจักรชัยได้เห็นเธอแล้วในท้ายที่สุด หญิงสาวจึงคิดวิ่งเข้าไปหาอย่างตื่นเต้น รถเก๋งคันน้อยจู่ๆก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
ทั้งคู่ล้มลงบนพื้นพร้อมเพรียงกัน ดีที่จักรชัยอยู่ด้านล่าง หญิงสาวผู้นั้นจึงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
“คุณชาย คุณชายจักรชัย ฉันไม่ได้เจตนานะคะ ฉันไม่เห็นรถคันนั้นจริงๆ!”
หญิงสาวคนนั้นยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งเบาแผ่ว แววตาของจักรชัยในตอนนี้ ถ้าหากว่าฆ่าคนได้ สองคนนั้นคงจะไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้วล่ะ
จักรชัยคลานขึ้นมาจากพื้น มือยังดีอยู่ แต่ว่าขาอาจจะดูน่ากลัวไปหน่อย
หญิงสาวคนนั้นขมวดคิ้วอยู่เป็นนานไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ เธอมักจะรู้สึกเหมือนว่าเธอก่อเรื่องใหญ่
ขึ้นมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
หมกมุ่นอยู่เป็นนาน จึงลุกขึ้นมา เดินไปอยู่ข้างจักรชัย
“คุณชาย ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ ให้ฉันส่งไปทำแผลที่โรงพยาบาลก่อนไหมคะ ถ้าเป็นแบบนี้แผลจะต้องอักเสบแน่เลยค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว