บทที่ 72 เข้าใจในทันที
“นี่คุณปู่ คนเราควรจะเสียดายสิ่งที่อยู่ในปัจจุบัน อย่าไปคิดถึงสิ่งที่มันได้เสียไปแล้ว”
คำพูดนี้พูดราวกับว่าถ้าตนไม่ให้อภัยเขาจะถือว่าทำผิดอย่างร้ายแรง
ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์หมดคำจะพูด อดไม่ได้ที่จะใช้มือลูบหน้าผากจะยิ้มก็ไม่ใช่ร้องไห้ก็ไม่เชิงอยู่บ้าง
“คุณนี่มันลิ้นลมคมคาย แต่ก็ต่างกับคนของตระกูลหัสบดินทร์ทุกคนเลยล่ะ.....”
มีความกล้าหาญในการโต้เถียงขนาดนี้ มันดีกว่าคนที่เหมือนท่อนไม้ที่เคารพตัวเองเพียงอย่างเดียว
คำพูดต่อไปท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ไม่ได้พูด เพียงแต่โบกมือเท่านั้น
“เอาล่ะ คุณก็พูดมาซะขนาดนี้แล้ว วันนี้ฉันก็จะให้อภัยคุณสักครั้งก็แล้วกัน”
“เก็บดอกไม้ขึ้นมาเถอะ วันหลังก็พาหลานสะใภ้มาให้ดูหน่อยนะ”
“ผม......”
นึกไม่ถึงเลยว่า แม้ว่าท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์จะชรามากแล้ว แต่หูก็ยังดีอยู่มาก
ตัวเองก็แค่พึมพำไปเท่านั้น ทำไมเขาถึงยังได้ยินชัดเจนขนาดนี้
“ผมอะไรกัน ? ไม่อยากให้เจอหลานสะใภ้งั้นเหรอ ?”
“ไม่ใช่ครับ......”
มือของจักรชัยลูบไปที่หน้าผาก มีความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้แล้ว
“ถ้าไม่ใช่ งั้นตอนว่างก็รีบพามาหน่อย โอเค คุณกลับไปได้แล้ว”
“เอ่อ......”
“พ่อบ้าน ส่งแขก”
เอาล่ะ สุดท้ายจักรชัยก็หมดคำจะพูด
มาก็เร่ง ไปก็เร่ง ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ ทำไมคุณไม่ไปอยู่บนฟ้าซะเลยล่ะ
“คุณชายน้อย อย่าสับสนไปเลยครับ”
รีบไปเถอะๆ
จักรชัยพบว่าแม้แต่สายตาของพ่อบ้านก็เร่งเร้าให้เขาไป
นี่คือจินตนาการของตัวเองหรือว่า......
“คุณชายน้อยไม่ต้องเหม่อลอยแล้ว รีบไปเถอะครับ”
เมื่อคำพูดของพ่อบ้านจบไป จักรชัยจึงตอบสนองกลับมาในทันที
เอาเถอะ ความจริงแล้วคนอื่นเขากำลังไล่ตัวเองจริงๆ
โอเค หากที่นี่ไม่ยอมรับเรา ต้องมีสักที่ที่ยอมรับเรา
“พ่อบ้านครับ คุณเชิญก่อนเลย”
เมื่อผายมือออกไปแล้ว จักรชัยก็เดินตามไปดุ๊กดิ๊กๆ
โอเค ในสายตาของคนอื่นมองตัวเองแบบนี้ แต่ในสายตาของจักรชัยแล้ว ตัวเองในตอนนี้เป็นคนผยององอาจต่างหาก
“โห คุณชายน้อยของผม เมื่อกี้คุณทำให้ผมตกใจมากเลยนะครับ”
เมื่อทั้งสองคนออกมาจากสวนดอกไม้ เพิ่งจะห่างจากสายตาของท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ พ่อบ้านจึงพูดประโยคนี้ออกมาในทันที
สิ่งนี้ทำให้จักรชัยงุนงงมาก นี่มันคืออะไรกันแน่ ?
ท่าทางงงงวยของจักรชัยนี้ ถูกพ่อบ้านมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“โห คุณชายน้อยของผม คุณรู้ไหมว่าเมื่อกี้มันเสี่ยงมากแค่ไหน ?”
“เสี่ยง ?”
จักรชัยยังคงทำสีหน้าสงสัยไม่เข้าใจเช่นเดิม
“ล้อเล่นหรือเปล่าครับเนี่ย คุณชายน้อย ดอกไม้เมื่อกี้นั้นมัน......”
“ดอกไม้เป็นอะไร ?”
ยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น จักรชัยเองก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย
“ก็แค่สวยไปหน่อย จะเป็นอะไรไป ?”
“โอโห คุณชายน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะคุณเข้ากันได้ง่ายนะ ผมขี้เกียจที่จะเตือนคุณแล้ว”
จากนั้นระหว่างทางพ่อบ้านก็ได้พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับสวนดอกไม้ตั้งมากมาย
ส่วนมากคำพูดเหล่านี้ก็ยังคงวนเวียนอยู่กับชะตากรรมของผู้ที่เคยได้สัมผัสกับสวนดอกไม้ของคุณท่าน
ตัวอย่างเช่น ในตระกูลหัสบดินทร์ในตอนที่พ่อบ้านคนนี้ยังไม่ได้มาจัดการ ยังเป็นอีกคนเมื่อก่อน
ครั้งหนึ่งพ่อบ้านคนนั้นได้ทำให้ดอกไม้ของท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์เสียหายโดยไม่ได้ตั้งใจ วันรุ่งขึ้นก็หายไป แล้วแทนที่ด้วยพ่อบเนคนปัจจุบัน
เอาล่ะ มันค่อนข้างชัดเจนว่านั่นหมายถึงว่าตัวเองโชคดีมาก
“พ่อบ้านนี่ก็ นั่นเป็นคุณปู่ของผม ผมเองก็เป็นหลายของเขา......”
จักรชัยเบะปาก พร้อมที่จะแซวพี่ชายใหญ่ของตระกูลหัสบดินทร์
“คุณ......”
สะบัดแขนเสื้อ แล้วสีหน้าของธีรพลจะเปลี่ยนไป แต่เพื่อให้เป้าหมายบรรลุผล เขาจึงต้องเกลี้ยกล่อมจักรชัยให้ดีๆ
“แหม น้องชายที่แสนดีของฉัน มันห่างกันนานแล้วตั้งแต่ตอนพี่ไป เลยไม่รู้สวนดอกไม้ของคุณปู่มีพันธุ์อะไรใหม่ๆ อีกไหม ?”
“พันธุ์ใหม่ ?”
ยิ่งสนุกขึ้นมากแล้วสิ เห็นดวงตาที่เป็นประกายอย่างชัดเจนของพี่ใหญ่ธีรพล นี่มันเป็นแฟนพันธุ์แท้ของดอกไม้ชัดๆ
ถ้าเป็นเช่นนั้น ตัวเองก็ควรแกล้งเขาสักหน่อยดีกว่า
พี่ใหญ่ธีรพลผู้น่าสงสาร รู้จักจักรชัยน้อยไปซะแล้ว
ไม่เช่นนั้นถ้ามองเห็นรอยยิ้มกว้างของจักรชัย เขาก็น่าจะอยู่ห่างๆ มากกว่าจะรู้สึกว่าน้องชายของตัวเองเป็นคนดี
“พี่ชาย ผมไม่ใช่คุณสักหน่อย จะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าคุณเคยเห็นดอกไม้แบบไหนและไม่เคยเห็นดอกไม้แบบไหน”
“ฉัน......”
มาคิดดูอีกทีมันก็ใช่
“งั้น น้องชายที่แสนดี คุณก็เลือกพูดมาสักหน่อยตามสบายสิ”
ธีรพลจ้องมองจักรชัยพร้อมทั้งใช้มือจับ
ถ้าไม่ได้อะไรจากปากของจักรชัย ธีรพลไม่ยอมแน่ๆ
“อ้อ แบบนี้นี่เอง”
จากนั้นก็ทำท่าทีเข้าใจในทันที แล้วหยิบดอกไม้ที่ตัวเองเด็ดออกมาจากกระเป๋าโดยตรง แล้วแสร้งทำเป็นพูดอย่างมีความสุข
“พี่ชาย คุณดูหน่อยสิว่าคุณเคยเห็นดอกไม้แบบนี้ไหม ?”
“คุณ......”
ธีรพลจ้องมองตาโต พูดอะไรไม่ออกสักอย่าง ไม่นานนักก็เห็นเขากลืนน้ำลายแล้วพูดขึ้น
“น้องชาย แม้แต่ดอกไม้ของคุณปู่ คุณก็ยังกล้าไปเด็ด ?”
“อืม ใช่แล้วล่ะ”
จักรชัยตอบไปหนึ่งประโยคอย่างเฉยเมย จากนั้นก็นำดอกไม้ดอกนั้นใส่ลงไปในกระเป๋าอีกครั้ง
ท่าทางที่รุนแรงนั้น ทำให้ธีรพลรู้สึกว่าดอกไม้นั้นคงเละไปแล้วแน่ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว