moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว นิยาย บท 74

บทที่ 74 จดจำใบหน้า

“จดจำใบหน้า ?”

ปากของจักรชัยกระตุกขึ้นแล้วพูดด้วยหน้าตาบึ้งตึง

“ดูละครลิงงั้นเหรอ ?”

สังเกตได้ว่าอารมณ์ของน้องชายเหมือนจะไม่ค่อยดี แต่ประเด็นคือไม่ดีเพราะอะไร ธีรพลก็ไม่รู้

“อ้อ การจดจำใบหน้านี้ไว้มันมีผลประโยชน์มากมายเลยนะ”

“ประโยชน์อะไร ?”

ดวงตาของจักรชัยเบิกกว้างขึ้นและตื่นเต้นอยู่บ้าง

รู้กันว่านักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ที่มาที่นี่ในวันนี้ ส่วนใหญ่แต่ละคนจะมีมูลค่าหลายร้อยล้าน

งั้นถ้าตัวเองจะได้ผลประโยชน์อะไร อาจจะไม่ต้องถึงพันล้าน อย่างน้อยๆ ได้สักล้านก็ยังดี แค่คิดก็เจ๋งมากแล้ว

“เหอะ อย่าคิดมากเกินไปเลย”

เมื่อเห็นจักรชัยทำสีหน้าเหมือนเพ้อฝัน ธีรพลก็รู้ได้ว่าเขาคิดผิดไปแล้ว

“ข้อดีก็แค่คนอื่นจะได้ไม่ต้องมาหาเรื่องคุณได้เท่านั้น”

โอ้พระเจ้า นี่มันข้อดีอะไรกันเนี่ย จักรชัยหมดคำจะพูดแล้ว

“พี่ชาย คุณแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ได้ล้อผมเล่น ?”

จักรชัยชี้นิ้วเข้าหาตนเอง แล้วทำหน้าตาเหลือเชื่อ

“ว่าไง ไม่คิดว่ามันเป็นข้อดีเหรอ ?”

จักรชัยพยักหน้า แม้แต่น้ำลายก็ประหยัดไว้แล้ว

“หึ มองการณ์ใกล้ เจ้าทึ่มเอ๊ย”

เมื่อธีรพลเผชิญกับใบหน้าที่บ้าเงินของจักรชัย เขาก็จนปัญญาเช่นกัน

ว่ากันว่าถ้าอุดมการณ์ไม่เหมือนกัน ก็อย่ามาคบกันเลย ถ้าสามารถพูดเข้ากันได้หนึ่งในสิบประโยคก็ถือว่าดีมากแล้ว

ส่ายหัวแล้วอยากจะหันหลังเดินไปทันที

แต่เมื่อเห็นน้องชายผู้โง่เง่าอยู่ตรงหน้า ธีรพลก็ต้องเตือนเขาเอาไว้

“ถ้าวันหนึ่งคุณมีปัญหากับคนพวกนี้ในบริษัท ยังไงพวกเขาก็จัดการคุณไม่ได้”

“อ้อ”

ยังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมา จักรชัยก็ตอบไปหนึ่งคำดื้อๆ

“คุณ......”

ธีรพลโกรธมากจนสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป

“ไม่ผุมันเอามาแกะสลักไม่ได้หรอก”

“ไม่ใช่ คือผม......”

ขณะที่ร่างของธีรพลค่อยๆ จากไป จักรชัยจึงค่อยๆ ตอบสนองกลับมา

“ข้อดีนี่มันก็ดีอยู่นะ......”

พูดได้เพียงครึ่งเดียวก็เงยหน้าขึ้น ไหนคนล่ะเนี่ย ? มองไปรอบๆ ตัวเองอยู่ตรงไหนกันเนี่ย

จักรชัยเดินไปเดินมาตามทาง แต่ก็หาทางออกไม่ได้

รอบๆ เงียบมาก ไม่รู้เลยว่าตรงนี้คือที่ไหน

เมื่อกี้มีคนนำทาง จักรชัยจึงไม่ได้รู้สึกว่าตระกูลหัสบดินทร์ใหญ่ขนาดนั้น แต่ตอนนี้......

พี่ชายเอ๊ย คุณนี่ก็ ทักทายคนอื่นดีๆ ไปสิ จะพาผมมาที่นี่ทำไม

อีกไม่นานงานเลี้ยงก็จะเริ่มขึ้นแล้ว ถ้าตัวเองตัวเองยังไม่ออกไป จะต้องเสียหน้ามากแน่ๆ เลย

หัวใจของจักรชัยร้อนรน

ขณะที่อารมณ์ของจักรชัยกำลังฉุนเฉียว ก็มีร่างหนึ่งค่อยๆ เดินเข้ามา เมื่อจักรชัยมองเห็นก็โมโหขึ้นมา

“ยังจะยืนอยู่ทำไมล่ะ งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว รีบไปกันเถอะ”

ธีรพลรู้ดีว่าทำไมจักรชัยถึงอยู่ที่นี่ จากนั้นก็มองเห็นหมัดทั้งคู่ที่กำแน่นของจักรชัย

แต่เขาจะอธิบายอะไรได้ล่ะ

เมื่อกี้ตัวเองโกรธก็เลยไป ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนี้

อีกอย่างใครจะไปรู้ว่าจะเป็นคนไม่มีเซ้นส์เรื่องทิศทางได้ถึงขนาดนี้

“ธีรพล คุณพูดอะไร ?”

กำปั้นหนึ่งส่งออกไปโดยตรง จักรชัยรู้สึกว่าเขาต้องกลายเป็นตัวตลกแล้ว จึงต้องการดึงพี่ชายลงไปด้วย

ถ้าหากคนอื่นใบหน้าแดงๆ ของธีรพล งั้นเรื่องที่ตัวหลงทางก็จะไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น

“ใครว่าฉันเป็นคนตะกละกันล่ะ ?”

จะว่านิษฐาหน้าด้านก็ไม่ผิด แต่ก็จะให้ทนคนมากมายหัวเราะขนาดนี้ไม่ได้

ในใจร้อนรนจึงทำให้คำที่พูดออกมาได้ผ่านสมองจนเสียรู้จักรชัย

“เหอะๆ ถ้าคุณน้าไม่ตะกละ ก็คงไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้วไม่ใช่เหรอ จะมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ?”

จักรชัยพูดประโยคนี้ออกมาด้วยรอยยิ้มร่าและบริสุทธิ์

“แก......”

สำหรับคนที่ไม่มีทำนองคลองธรรมแบบจักรชัย ยังไงนิษฐาก็เถียงไม่สู้

เมื่อหมดทางเลือกจึงพูดออกไปลอยๆ ว่า

“เอาล่ะหลายชาย คุณรีบขึ้นไปเถอะ ทุกคนรอนานแล้ว”

ใช่ คำพูดนี้สมเหตุสมผล จักรชัยเลยไม่ได้ต่อปากต่อคำกับเธออีก จึงเดินตรงขึ้นไปทันที

ตอนนี้พี่ชายของตนเอง ธีรพล ก็ยืนอยู่บนเวทีแล้ว

เขาเป็นคนเก่งมาก มีแนวทางในการบริหารธุรกิจเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

บริษัทที่เขาบริหารดีกว่าตอนที่พ่อเขาบริหารมาในช่วงไม่กี่ปี ดังนั้นคนที่แนะนำตัวตนของจักรชัยในวันนี้ไม่ใช่ ปู่โภควินท์ แต่เป็นธีรพลนั่นเอง

“ทุกคนเงียบก่อนนะครับ”

ธีรพลยืนอยู่บนเวทีอย่างใจเย็น แล้วใช้พลังปรบมืออย่างแรง เพื่อเตือนให้ทุกคนเงียบกันสักพักหนึ่ง

จากนั้นก็เห็นเขาพูดอย่างสุภาพ

“ท่านนี้ก็คือ......”

คำพูดของธีรพลยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“ลาๆๆ ผมคือ......”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ในใจของจักรชัยก็แอบพูดว่าซวยแล้ว

เป็นอย่างที่คิดไว้ เมื่อเขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา มันเป็นสายของพ่อแม่บุญธรรมโทรมาจริงๆ ด้วย

“ขอโทษนะครับ ขอรับสายก่อนนะครับ”

จากนั้นจักรชัยก็โค้งคำนับให้กับฝูงชน จากนั้นก็นับเดินไปด้านข้าง

พ่อแม่บุญธรรมรู้ดีว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของตน ถ้าไม่มีเรื่องด่วนจริงๆ พวกเขาจะไม่โทรหาตัวเองอย่างแน่นอน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว