moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว นิยาย บท 76

บทที่ 76 มีตาหามีแววไม่

แต่ก่อนหน้านี้จักรชัยก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเมื่อกลับมาบอกกล่าวกับบรรพบุรุษก็ต้องมีเรื่องนี้อยู่แล้วแน่ๆ

นั่นเป็นเพราะเมื่อก่อนเตรียมตัวไว้แล้วก็เลยไม่ได้รู้สึกตกใจมากขนาดนั้น

“เอาล่ะทุกท่าน วันนี้น้องชายของผมมีเรื่องด่วนต้องลาไปก่อน ในฐานะที่เป็นพี่ชายผมก็จะดูแลพวกคุณแทนเขาเป็นอย่างดี”

เมื่อคำพูดนี้จบไป ธีรพลก็ตบไหล่ของจักรชัยเพื่อบ่งบอกว่าเขาสามารถไปได้แล้ว

ในความเป็นจริงแล้ว จักรชัยไม่เข้าใจจารีตประเพณีของตระกูลหัสบดินทร์

ในความคิดของตัวเอง ตั้งแต่ตัวเองพูดจบไปในตอนนั้นก็สามารถไปได้แล้ว

แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำไมธีรพลจะต้องทำเกินความจำเป็นขนาดนี้

เอาเถอะ ยังไงซะเขาก็อยู่ที่นี่มานานแล้ว ฟังเขาพูดมันก็ไม่ผิดหรอก

“ขอให้ทุกท่านเพลิดเพลินกันตามสบายนะครับ ผมต้องไปก่อนแล้วนะครับ”

จากนั้นจักรชัยก็ขอโทษต่อสาธารณชนอีกครั้ง แล้วหันหลังเดินไปอย่างไม่ลังเล

แต่เมื่อเขาไปถึงประตูก็ต้องตกตะลึงในทันที

เขามาที่นี่พร้อมกับพวกธีรพล ตอนนี้ก็จะไปแล้ว ส่วนพวกเขาก็ยังเข้าร่วมงานเลี้ยงอยู่ แต่ตัวเอง......

จักรชัยคำนวณอย่างรอบคอบว่าระยะทางระหว่างตระกูลหัสบดินทร์มายังคฤหาสน์ห่างกันหลายสิบกิโล

ถ้าปล่อยให้ตัวเองเดินไป แล้วเมื่อไหร่จะเดินไปถึงล่ะเนี่ย ?

ถ้าตอนนี้จะโทรหาให้จิตรกัญญามาก็คงไม่ทันแล้ว จึงได้แต่ส่ายหัวอย่างจนปัญญา

เมื่อในใจนึกเช่นนี้ จักรชัยก็หันหลังและพร้อมที่จะไปรบกวนธีรพลอีก

นึกไม่ถึงเลยว่าในตอนนี้จะมีร่างหนึ่งเดินออกมาอย่างช้าๆ

เมื่อจักรชัยตั้งใจมองดีๆ ก็เห็นว่าเป็นพ่อบ้านของท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์

พระเจ้าช่วย นี่ไม่ใช่จะมีเรื่องอะไรมาหาฉันแล้วเหรอเนี่ย ?

เมื่อจักรชัยเห็นพ่อบ้านแล้ว ในใจก็ทนไม่ได้ที่อยากจะถอยหนี

เพราะว่าถ้าท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์เป็นคนสั่งพ่อบ้านมาหาตนเองจริงๆ แล้วล่ะก็ ตัวเองจะปฏิเสธได้เหรอ ?

ปฏิเสธไม่ได้ แต่ตนเองก็ต้องไปหาคุณพ่อคุณแม่

จักรชัยทำอะไรไม่ถูก ตอนแรกเขาอยากจะซ่อนตัว

แต่เมื่อมองเห็นสายตาของพ่อบ้านมองมาที่ตัวเอง แน่นอนว่าต้องมาหาตัวเองอยู่แล้ว

ซ่อน ? แน่นอนว่าซ่อนไม่ได้

“ฮั่นแน่ คุณชายน้อย สุดท้ายผมก็ตามคุณทันแล้ว”

หือ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มาหาเรื่องนะ หรือว่า......

ไม่รู้ว่าพ่อบ้านคลำไปตรงไหนแล้วได้ยื่นกุญแจมาให้หนึ่งดอก

“นี่......”

ตอนแรกจักรชัยกำลังจะพูดว่าตนเองขับรถไม่เป็น แต่พูดได้เพียงครึ่งเดียวก็ถูกพ่อบ้านขัดจังหวะไป

“คุณชายน้อย ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดที่สุภาพก็ได้ นี่คือสิ่งที่คุณท่านตั้งใจให้ผมเอาให้คุณ เขาบอกว่าคุณ......”

พูดเซ้าซี้ไปมากมาย แต่ในความเป็นจริงคือต้องการสื่อว่าตัวเองมาพร้อมกับพวกธีรพลก็เลยไม่มีรถ

มุมปากของจักรชัยกระตุกขึ้น จากนั้นก็มองไปยังนาฬิกาของพ่อบ้านที่ติ๊กต๊อกๆ ผ่านไปพร้อมกับคำพูดที่ไร้ประโยชน์ เลยทำให้รู้สึกรีบร้อนขึ้นมา

รู้ไหมว่าขืนอยู่ที่อีกหนึ่งนาที พ่อแม่ของตัวเองก็จะถูกกระทำเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งนาที

ในสมองก็จินตนาการถึงภาพนั้นขึ้นมา จักรชัยรู้ดีว่าตนไม่สามารถรอต่อไปได้อีกแล้ว

“พ่อบ้านครับ คุณขับรถเป็นไหม ?”

ขณะที่พ่อบ้านกำลังพูดอย่างเมามันก็ถูกจักรชัยขัดจังหวะขึ้นมา ทันใดนั้นก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ

แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายตรงข้ามเป็นคุณชายน้อย ตัวเองก็ไม่อาจกำเริบเสิบสานได้

เมื่อจนปัญญาจึงได้พยักหน้าต่อจักรชัย

ขับรถเป็น ? ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว

นึกไม่ถึงเลยว่าตาแก่คนนี้จะทันสมัยขนาดนี้ มาอยู่ข้างท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ได้ก็ต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดา

จักรชัยจึงแอบชื่นชมอยู่ในใจ จากนั้นจักรชัยก็เลยพูดออกไปว่า

“พ่อบ้านครับ ผมขับรถไม่เป็น รบกวนคุณ......”

“อ้อ เรื่องที่คุณขับรถไม่เป็นท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ก็บอกไว้แล้วว่าถ้าชนคนจนเสียชีวิตเขาก็จะเอาเงินชดใช้ให้ แต่คุณต้องขับรถด้วยตัวเองนะ”

แหม รู้อยู่แล้วแหละว่ามันไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอก

“ขับรถไม่เป็นก็อย่าขับสิวะ เสียดายรถดีๆ ขนาดนี้”

อืม สำหรับเรื่องนี้จักรชัยก็จนปัญญา

จักรชัยกระแทกนู่นกระแทกนี่ตลอดทางจนมาถึงหน้าป้อมยามของคฤหาสน์

เมื่อจอดรถลงมา จักรชัยก็มองเห็นพวกพ่อใหญ่สองคนยืนอยู่หน้าป้อมยาม

ในตอนแรกทั้งสองคนเพียงแค่ต้องการเดินเล่นสักพักแล้วจะกลับไป ดังนั้นจึงไม่ได้สวมใส่อะไรมากมาย

อยู่ท่ามกลางลมหนาวที่พัดมา ในช่วงเวลานั้นก็สั่นสะท้านโดยธรรมชาติ

ทุกอย่างเป็นเพราะภัยพิบัติจากความจน

ในตอนนี้จักรชัยเกลียดตัวเองมากจริงๆ ทำไมถึงไม่ได้บอกคนที่เปลี่ยนกะนั้นเตือนไอ้ยามโง่นี่

ดี ไอ้โง่นี่ยืนมองอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาที่เย็นชา แม้แต่น้ำร้อนสักแก้วก็ไม่ยอมเอาให้

แค่มองดูพ่อแม่ของฉันหนาวจนสั่น ดีมาก ดีมาก

มุมปากยกขึ้นเยาะเย้ย จักรชัยโกรธแล้ว

เขาไปที่ป้อมด้วยความโกรธและดุดัน โยนกุญแจ “พ้ะ” เพื่อพิสูจน์ตัวตน

นอกจากจะพิสูจน์ตัวตนแล้ว จักรชัยยังได้ยื่นบัตรสีดำออกไป

“ไอ้เชี้ย มึงทำอะไรของมึง หา......”

ยามกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ จ้องมองพวกพ่อใหญ่สองคนที่สั่นสะท้านอยู่ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกคนขัดจังหวะขึ้นมาแบบนี้ ทันใดนั้นก็โมโหขึ้นมา

แต่เมื่อสายตาของเขาสัมผัสไปถึงบัตรที่อยู่บนโต๊ะแล้วก็ต้องตกตะลึง

“อยากจะพูดอะไรพูดมาเลย”

จักรชัยเข้าใจดีว่ายามตกใจกับตัวตนของเขา

ในตอนนั้นจักรชัยไม่ได้เกรงใจ ใช้มือจับหัวยามแล้วบีบบังคับถามขึ้น

“ผม......”

ใบหน้าของยามเต็มไปด้วยรอยยิ้มและพูดอย่างรู้สึกผิด

“นี่ ท่านคนนี้ครับ ผมมีตาหามีแววไม่......”

“ใช่ แกมันมีตาหามีแววไม่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว