ครอบครัวจ้าวเสียเวิ่นหายตัวไปแล้ว?
จากความเข้าใจที่จ้าวหลินมีต่อพวกเขาแล้ว แม้จ้าวเสียเวิ่นจะตระหนี่ถี่เหนียวอย่างไร้เทียบเทียม แต่ก็ชมชอบคุยโวเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน ถ่ายภาพรถหรูบ้านหรูของตนเองมาโอ้อวดอยู่ตลอดเวลา และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ตกปากรับคำให้จ้าวเสียเวิ่นยืมเงินไปแล้ว ผลลัพธ์ในวันที่สอง จู่ ๆ พวกเขาก็หายไปเสียแล้ว
ในตอนนั้นจ้าวหลินนึกว่าจ้าวเสียเวิ่นมีธุระเร่งด่วน จู่ ๆ ก็กลับบ้านฝ่ายแม่ไปแล้ว ทว่าพึ่งจะมาทราบเอาตอนนี้เองว่าเดิมทีครอบครัวของจ้าวเสียเวิ่นไม่ได้กลับบ้านฝ่ายแม่ แต่หายตัวไปแล้ว!
สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้น?
ไม่รู้ว่าเหตุใด จู่ ๆ เธอก็คิดเชื่อมโยมกับฉากที่มู่เซิ่งออกโรงสังหารคนในคฤหาสน์เมื่อหลายวันก่อนขึ้นมาได้ ทั่วทั้งร่างของจ้าวหลินพลันสั่นเทาทันที เหงื่อเย็น ๆ ที่แผ่นหลังไหลลงมาราวกับฝนตกเลยก็ไม่ปาน
คงจะไม่ได้ถูกมู่เซิ่ง...
จ้าวหลินไม่กล้าคิดต่อไปอีกแล้ว อีกอย่างหนึ่ง เธอรู้สึกว่าจุดนี้มันมีความเป็นไปได้เป็นอย่างมาก! เพราะจ้าวเสียเวิ่นดูแคลนมู่เซิ่งมากเสียขนาดนั้น และมู่เซิ่งยังนำบัตรธนาคารสองแสนออกมาแล้วด้วย พวกจ้าวเสียเวิ่นเขาแย่งชิงจากในมือของมู่เซิ่งไปอย่างไรเหตุผล ในเมื่อในสายตาของพวกเขานั้น มู่เซิ่งก็เป็นเพียงแค่ไอ้ขยะคนหนึ่งเท่านั้น
อึก
จ้าวหลินกลืนน้ำลายลงคอไปหนึ่งอึกแล้ว
“จ้าวหลิน ทำไมสีหน้าพี่ไม่น่าดูมากขนาดนี้ละคะ?” จ้าวเหมยเหมยเห็นดังนั้นแล้ว จึงหัวเราะพลางกล่าวอยู่ทางด้านข้าง
เธอนึกว่าจ้าวหลินเป็นเพราะว่าการพูดคุยของพวกเธอ ดังนั้นจึงรู้สึกอับอายเข้าเสียแล้ว
“ใช่ค่ะ คุณแม่คะ คุณแม่เป็นอะไรไปคะ?” เจียงหว่านเองก็เอ่ยถามเช่นเดียวกัน “หากไม่สบายแล้วละก็ ไปตรวจที่โรงพยาบาลสักหน่อยเถอะค่ะ”
“ไม่มีอะไร เมื่อคืนวานแม่ก็แค่นอนไม่ดีเท่านั้น” จ้าวหลินส่ายศีรษะไปมา ไม่กล้ากล่าวมากความ
“ป้าจ้าวครับ ช่วงนี้บริษัทของเราได้รับมอบอำนาจโครงการจากสปาหรงเหม่ยมาแล้ว ในมือยังมีเครื่องสำอางที่ช่วยเรื่องการนอนหลับอยู่ครับ ไม่อย่างนั้นแล้ววันหน้าที่มาหาเอาให้คุณป้าใช้สักหน่อย?” เฉินเสวียลี่กล่าว
จ้าวหลินส่ายหน้าไปมา เดิมทีเธอไม่ได้นอนไม่หลับ ใช้สิ่งของพรรค์นี้เข้า ทั้งก็ไม่ได้ช่วยอะไรเหมือนกัน
ใครจะไปรู้ว่า จ้าวเหมยเหมยจะเปิดปากหัวเราะพลางกล่าวขึ้นในตอนนั้นว่า “ลูกเขยจ๊ะ ฉันดู ๆ แล้วก็ช่างมันเถอะจ้ะ แม้ว่าเธอจะให้จ้าวหลิน แต่เกรงว่าเธอเองก็คงจะใช้ไม่ได้เหมือนกัน มาสก์หน้าช่วยเรื่องการนอนหลับแบบนี้ มันแผ่นละห้าพันเชียวนะ”
“ห้าพัน มันมากหรือ?”
จ้าวหลินเหยียดริมฝีปากไปมา กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ในบ้านของฉันยังมีเครื่องสำอางของสปาหรงเหม่ย crown ซีรีซ์อยู่ เธอเคยเห็นหรือเปล่า?”
“ฮ่า ๆ ๆ!”
ได้ยินคำนี้แล้ว จ้าวเหมยเหมยพลันหัวร่อออกมาทันที
“หรงเหม่ย crown ซีรีซ์? พี่ทราบไหมคะว่าตอนนี้ราคาหรงเหม่ย crown ซีรีซ์มันเท่าไหร่? จ้าวหลิน คุยโม้ที่นี่ให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะค่ะ” จ้าวเหมยเหมยขำกลิ้ง
หรงเหม่ย crown ซีรีซ์หนึ่งขวด อย่างน้อยก็เริ่มที่ราคาหลักล้าน ไม่ต้องพูดถึงพวกเขา แม้จะเป็นตระกูลร่ำรวยชั้นหนึ่งเองก็ซื้อได้เพียงแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้นเหมือนกัน จ้าวหลินเธอมีหรือ? เป็นคนบ้าเพ้อฝันจริง ๆ!
“พี่จ้าวคะ พี่พูดแบบนี้ก็ไม่สนุกแล้วน่ะสิคะ หรงเหม่ย crown ซีรีซ์น่ะ แม้ว่าทั้งบริษัทของเราเองก็มีจำนวนจำกัดเพียงแค่สิบชุดเท่านั้นเหมือนกัน เหตุใดพี่ถึงซื้อได้กันละคะ” เฉินเสวียลี่ยกยิ้มพลางส่ายศีรษะไปมา เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าไม่เชื่อเช่นกัน
จ้าวหลินทราบว่าการที่เธอกล่าวเช่นนี้ ไอ้กลุ่มคนตาต่ำพวกนี้จะต้องไม่เชื่อแน่ แต่ก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน ขอเพียงแค่รอมู่เซิ่งกลับมาแล้วเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ก็จะสามารถพิสูจน์ได้แล้ว
“เจียงหว่าน พวกเรากลับห้องไปจัดห้องนอนกันก่อนเถอะ” จ้าวหลินลุกขึ้นพลางกล่าว
การเปรียบเทียบสิ่งที่สูงส่งกว่ากันเหล่านี้เจียงหว่านเองก็ได้ฟังจนรำคาญแล้วเช่นเดียวกัน เธอจึงพยักหน้าขึ้นลงไปมา
“จริงสิครับคุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากได้ crown ซีรีซ์จากสปาหรงเหม่ยชุดหนึ่งจริง ๆ แล้วละก็ ใช้สถานะของผมไปก็สามารถช่วยคุณได้มาสักชุดได้นะครับ” เป็นในตอนนั้นเองที่ เฉินเสวียลี่ลุกยืนพลางกล่าว
คำนี้ในหูของถงเสว่เหมย ได้ยินก็รู้สึกรสชาติเปลี่ยนไปแล้ว เธอลุกยืนส่งเสียงแหลมว่า “เฉินเสวียลี่ คุณหมายความว่าอย่างไรคะ? ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้บอกเอาไว้หรอกหรือคะว่าไม่มีเครื่องสำอางชุดนี้?”
“ก่อนหน้านี้มันไม่มีจริง ๆ ครับ แต่ว่านี่ไม่ใช่ว่าญาติของคุณมาแล้วหรอกหรือ ดังนั้นผมก็แค่เตรียมไว้ด้วยความเกรงใจสักหน่อยเองนะ” เฉินเสวียลี่กล่าวอย่างไม่สนใจเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ เขาครุ่นคิดมาตลอดว่าสรุปแล้วมู่เซิ่งอยู่ในฐานะอะไรกันแน่ ทว่าตอนนี้ เห็นประธานสวีกับท่านหลงทั้งสองคนต่างก็ต้อนรับมู่เซิ่งกันอย่างนอบน้อมแล้ว เขาถึงได้ทราบแล้วว่าสถานะที่แท้จริงของมู่เซิ่งนั้น มันมีการยอมรับอย่างราง ๆ แล้ว
นั่นคือเขาไม่สามารถล่วงเกินด้วยได้อย่างเด็ดขาด!
“คุณชายมู่ เจียงมู่หลงเซ็นชื่อในสัญญาข้อตกลงถ่ายโอนบริษัทแล้วครับ ในลำดับต่อมา จำเป็นที่จะต้องให้บริษัทโยกย้ายมาในนามของคุณไหมครับ?” สวีเจ๋อปิงกล่าว
“โยกย้ายไปในนามของเจียงหว่านเถอะครับ” มู่เซิ่งเปิดปากกล่าวอย่างราบเรียบ
บริษัทของเจียงมู่หลง? ราคาตลาดก็แค่ไม่กี่ล้านเหมือนกันเท่านั้น บริษัทเล็ก ๆ พรรค์นี้ วางในมือของมู่เซิ่งก็ล้วนรู้สึกมากเกินไป มีอย่างที่ไหนที่จะมีอารมณ์ไปสนใจได้กัน
สวีเจ๋อปิงพยักหน้าขึ้นลง ก่อนจะเซ็นสัญญาข้อตกลงโอนถ่ายให้กับเจียงหว่านทันที
ในเมื่อบริษัทเป็นเขาที่กว้านซื้อมา จะโยกย้ายให้ใครนั้น ล้วนเป็นประโยคประกาศิตทั้งสิ้น
“เรื่องกว้านซื้อบริษัทตระกูลเจียงและเรื่องที่ว่าเจียงหว่านเป็นเถ้าแก่คนใหม่เรื่องนี้ ผมหวังว่าคุณจะรักษาเป็นความลับเอาไว้ชั่วคราวนะครับ ไม่ต้องให้ใครอื่นทราบ” มู่เซิ่งกล่าว
“ไม่มีปัญหาครับ เรื่องนี้นอกจากผมแล้ว จะไม่พูดกับใครเด็ดขาด” สวีเจ๋อปิงกล่าวรับประกันทันที
“จริงสิครับ จางเสวียนหลง ก่อนหน้านี้ที่ให้คุณหาคู่สัญญาที่ขึ้นราคาเหล่านั้นมา คุณหาเจอแล้วหรือยังครับ?” เป็นในตอนนั้นเองที่มู่เซิ่งหันศีรษะไปเอ่ยถาม
จางเสวียนหลงพยักหน้าขึ้นลง “หาเจอแล้วครับ ถูกผมพาคนไปทิ้งเอาไว้ในห้องทำงานของชั้นห้าแล้ว”
มุมปากของมู่เซิ่งยกสูงเป็นรอยยิ้มราบเรียบขึ้นมาสายหนึ่ง เปิดปากกล่าวว่า “ไปครับ ผมกลับอยากที่จะดูเสียหน่อย ว่าไอ้สองสามคนนี้มันมีเงินทุนอะไรที่จะมางัดข้อกับผม”
“ครับ...”
จางเสวียนหลงเช็ดเหงื่อไปหนึ่งหน ในใจเขาทราบดีว่าคู่สัญญาเหล่านี้นั้น อย่างมากก็ต้องออกไปจากตึกนี้โดยไม่มีชีวิตแล้วเป็นแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...