“ก็ใช่นะ ฉันไม่ทันคิดเอง”
มู่เซิ่งผงกหัว พูดว่า “งั้นพวกเราไปอยู่โรงแรมกันเถอะ”
เรียกรถแท็กซี่แล้ว พวกมู่เซิ่งทั้งหมดก็มุ่งตรงไปยังโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอซานเซี่ยง โรงแรมไป๋ต้า
จ้าวเหมยเหมยยืนอยู่ตรงหน้าต่างห้องรับแขก มองพวกมู่เซิ่งขึ้นรถไปด้วยสายตามาดร้าย เหมือนกำลังตรึกตรองอะไรอยู่
“คุณแม่ เรื่องในวันนี้ มีคนเดินผ่านถ่ายคลิปเอาไปลงในกลุ่มเพื่อน ดันมีเพื่อนของหนูมาถามว่าใช่หนูหรือเปล่า เพราะไอ้พวกนี้นี่แหละทำให้หนูต้องขายหน้า หนูเกลียดพวกมัน!” เปิดดูผ่านในโทรศัพท์มือถือ ถงเสว่เหมยพูดกับจ้าวเหมยเหมยอย่างฉุนเฉียว
จ้าวเหมยเหมยขมวดคิ้วย่น เธอก็สุดแสนจะเกลียดเจียงหว่าน แต่ถึงจะยังไง เธอทำได้เต็มที่ก็คือไล่เธอออกจากบ้านไป ไม่รู้จะทำอะไรอื่นได้
“ลูกสาว เธอมีวิธีอะไรหรือ?” จ้าวเหมยเหมยเอ่ยปากถาม
“คุณแม่ วันงานแซยิดของคุณปู่ปีนี้เห็นว่าจัดที่โรงแรมไป๋ต้าไม่ใช่หรือ?หนูได้ยินมาว่า เจ้านายใหญ่ของโรงแรมไป๋ต้านี้ร้ายกาจมาก กับเฉินเสวียลี่เรานั้นเป็นเพื่อนซี้กันมาก หนูว่าในตอนจัดงานเลี้ยงนั้น จะจัดให้คนบ้านจ้าวหลิน ได้สัมผัสให้ถึงของจริงในโรงแรมพาต้า!”
ได้ยินถงเสว่เหมยพูดดังนั้น จ้าวเหมยเหมยจึงได้เบนสายตามองไปที่เฉินเสวียลี่ทันที ถามว่า “เสวียลี่ ที่ลูกสาวฉันพูดเป็นเรื่องจริงหรือ?”
เธอยังกังวลใจอยู่ กลัวจะเกิดเรื่องแบบที่เกิดในห้างสรรพสินค้าศูนย์การค้าสากลป๋ายต้าอีก
“เป็นอย่างนั้นแหละครับคุณป้า” เฉินเสวียลี่ผงกหัว
เจ้านายใหญ่ของโรงแรมไป๋ต้าร้ายกาจมาก ในอำเภอซานเซี่ยง พูดได้ว่าอยู่ในระดับเดียวกับท่านหลงแห่งเจียงหนาน ตอนก่อนนั้นในหมู่บ้านห่างไกลแห่งหนึ่งในอำเภอซานเซี่ยง เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ จับพลัดจับผลูเฉินเสวียลี่เข้าไปช่วยรอดชีวิตมาได้
ที่เฉินเสวียลี่ประสบความสำเร็จมีกิจการเป็นบริษัทขึ้นมาในทุกวันนี้ ก็ล้วนได้รับการช่วยเหลือจากเจ้านายใหญ่ของโรงแรมไป๋ต้าท่านนี้ ไม่งั้น เขาก็คงเป็นอยู่ได้แค่พนักงานบริษัทธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง
“ใช้ได้ ในเมื่อเธอรู้จักเจ้านายใหญ่ของโรงแรมไป๋ต้า งั้นเรื่องนี้ก็ทำได้สบาย ๆ พอดีงานแซยิดของคุณปู่ของพวกเธอ เธอก็จัดการเหมาจองไว้ทั้งโรงแรมเลย จัดการไล่ตะเพิดไอ้ขยะนี้ออกไปต่อหน้าญาติ ๆ ทั้งหมด ทีนี้ฉันจะดูว่าจ้าวหลิน มันจะพูดอะไรได้อีก!” จ้าวเหมยเหมยมองหน้าเฉินเสวียลี่ พูดอย่างเหี้ยมเกรียม
“ไม่มีปัญหา!”
เรื่องในวันนี้ ทำให้เขาก็อับอายขายหน้ามาก ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าไม่ได้ตบหน้ามู่เซิ่งต่อหน้าสาธารณชน แล้วเขาจะได้โชว์ฟอร์มของเขาต่อหน้าเจียงหว่านยังไง?
ในใจของเขา ยังเก็บความหวังที่จะตามจีบเจียงหว่านให้ได้ แล้วค่อยสะบัดตีนเขี่ยถงเสว่เหมยทิ้งไปอยู่
พูดจบ เขาก็รีบโทรศัพท์ออกไปทันที
หลังจากคุยโทรศัพท์กันพักหนึ่ง เฉินเสวียลี่ก็ได้ตัดสายโทรศัพท์ ด้วยรอยยิ้มสไตล์พวกเลียแข้งเลียขา
“คุณป้าครับ หลายวันมานี้ มีคนสำคัญจากเมืองเยียนจิงจะมาที่นี่ ฉะนั้นไม่สามารถเหมาโรงแรมไป๋ต้าหมดไม่ได้” เฉินเสวียลี่พูด ในใจของเขาก็ให้รู้สึกตื่นใจ ทำไมหลายวันนี้ จะมีคนมาที่เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มากมายอะไรขนาดนั้น นอกจากถังเสี่ยวเยว่แล้ว แม้แต่เจ้านายใหญ่ของโรงแรมไป๋ต้า ตลอดทั้งคนมีระดับอื่น ๆ ยังต้องตามกันมา
“เห็นพวกเขาบอกว่า ดูเหมือนจะมางานวันแซยิดของผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง?”
“แต่ทว่า เจ้านายรับปากไว้เรียบร้อย ช่วยพวกเราไล่ใครสักคนออกไป ไม่มีปัญหาใด ๆ”
ได้ยินเฉินเสวียลี่รับรองมาแบบนี้ จ้าวเหมยเหมยก็วางใจสบายลง
มู่เซิ่งมันจะแน่แค่ไหน จะมาเทียบเจ้านายใหญ่ของโรงแรมไป๋ต้าท่านนี้ได้ยังไง?
ได้ยินมาว่าเจ้านายใหญ่ท่านนี้มีแบ็คอัพไม่ธรรมดา ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเป็นถึงตระกูลอันดับหนึ่ง คนตระกูลระดับสองเล็ก ๆ แน่นอนว่าไม่ได้อยู่ในสายตา
“เฮอะ ๆ จ้าวหลิน ฉันอยากจะดูนัก ในวันงาน แกยังจะมีอะไรมาปล่อยไก่ต่อหน้าฉัน!”
จ้าวเหมยเหมยหัวเราะเสียงเหยียดไม่หยุด หันกลับไป พูดยิ้ม ๆ กับเฉินเสวียลี่ว่า “เสวียลี่ ตอนนี้จ้าวหลินก็ย้ายกันออกไปแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีคนนอกใครอื่น คืนนี้ ก็ให้ลูกสาวฉันไปนอนในห้องเธอแล้วกันนะ?”
“คุณแม่------” ถงเสว่เหมยหน้าแดงขึ้นมาเรื่อ ๆ
“ในเมื่อคุณป้าพูดแบบนี้ ผมก็ต้องน้อมรับละครับ” เฉินเสวียลี่ผงกหัว หลายวันนี้เห็นเจียงหว่าน จิตใจก็วูบวาบเสียวสยิวจะทนไม่ไหวแล้ว ถงเสว่เหมยถึงแม้ไม่ได้อย่างเจียงหว่าน ถึงยังไงก็ยังพอได้ระบายใคร่ ก็ผงกหัวตอบรับด้วยความพึงพอใจ
“ตกลง ถ้างั้นพวกเธอก็ไปยุ่งงานพวกเธอเถอะ ฉันจะไปหาอะไรกินเป็นมื้อค่ำหน่อย”
จ้าวเหมยเหมยผงกหัวพูดไป
ลูกเขยคนที่อยู่ข้างหน้านี้ มีเงินทองมากมาย เป็นถึงเจ้าของบริษัท อีกทั้งรู้จักคนใหญ่คนโตในเจียงหนาน เทียบกับไอ้ขยะมู่เซิ่งนั่น ดีกว่าไม่รู้จะกี่เท่า
จ้าวหลินไม่ยอมเล่นด้วยในทันที พอย้ายเข้ามาก็ถูกไล่ออกไป วันนี้โดนเป็นครั้งที่สองแล้ว
“ต้องขออภัยอย่างสูง ท่านคุณผู้หญิง เป็นความบกพร่องของทางโรงแรมเราเอง ขอท่านได้โปรดกรุณาเถอะ” หลี่หรานก็รู้ว่าตัวเองไม่มีเหตุผลพอ ก้มหน้าโค้งคำนับไปพูดไป
“ไม่ย้าย ฉันไม่ย้ายก็คือไม่ย้าย” จ้าวหลินวางท่าแข็งกร้าว
เห็นท่าว่าไม่มีทางประนีประนอมได้ สีหน้าหลี่หรานค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้น เรื่องนี้เป็นความผิดของเขาจริงอยู่ แต่เขาก็ให้เกียรติกับจ้าวหลินเต็มที่แล้ว ฝ่ายตรงข้ามยังเชิดจมูกตอกกลับมาแบบนี้ ไม่สู้ฉีกหน้าล้มกระดานกันไปเลยดีกว่า
“หลี่หราน แกจัดการเรียบร้อยหรือยัง?พรุ่งนี้ก็ถึงงานวันจัดแซยิดแล้ว แกทำไมเป็นคนยืดยาดไม่เด็ดขาดแบบนี้” ข้างนอกแว่วเสียงเข้ามาอีกเสียงหนึ่ง ติดตามมาด้วยเจ้าของเสียง เดินอาด ๆ ก้าวเข้ามาในห้อง
“ยังไม่รีบออกไปให้พ้นอีก!” หลี่หรานลนลานขึ้นมาแล้ว พูดว่า “คุณรู้ไหมว่าคนที่คุณกำลังไปกระทบท่านอยู่เป็นใคร?คนตระกูลกู่แห่งเมืองเจียงหนาน นี่เป็นการเช่าเหมาทั้งหมดสำหรับจัดงานแซยิด!”
“กู่......บ้านตระกูลกู่?”
จ้าวหลินถึงกับชะงัก ตกใจจนหน้าซีดขาว
เธอเป็นคนอยู่เจียงหนาน ทำไมจะไม่รู้จักชื่อบ้านตระกูลกู่?
สายสาแหรกตระกูลเศรษฐีเยียนจิง ตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองเจียงหนาน!
ครั้งนั้น งานแซยิดของท่านเจียงสาม ก็ยังเล่นเอาท่านเจียงสามถึงกับลงคุกเข่าขอรับประทานอภัย แล้วเธอจะกล้าไปแข็งข้อกับตระกูลกู่ไหวหรือ?
“ขอประทานโทษ ฉันไปเดี๋ยวนี้เลยจ้ะ ย้ายออกไปเดี๋ยวนี้เลย” จ้าวหลินตามสันดานที่กลัวคนแข็งเป็นแต่รังแกคนอ่อนแอกว่าอยู่แล้ว เห็นป็นตระกูลกู่มา รีบลุกขึ้น เก็บข้าวของสัมภาระ เตรียมตัวย้ายออก
เจียงหว่านก็ขมวดคิ้วย่น แต่ก็สยบอยู่กับชื่อเสียงของตระกูลกู่ ไม่กล้ามีเสียง ก็เตรียมตัวตามจ้าวหลินย้ายออกไป
“คุณหนูกู่ ท่านจะฝืนใส่ความลำบากใจให้คนอื่นมากไปมั้ง?”
ขณะนั้นเอง เสียงเรียบ ๆ ของมู่เซิ่ง แว่วออกมาจากในห้องอย่างไม่เบาไม่หนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...