ปัง!
หนึ่งในชายฉกรรจ์ออกหมัดอย่างแรง อัดลงใส่ท้องซียวผิงอย่างหนักหน่วง
เซียวผิงสะท้านไปทั้งตัว ความเจ็บปวดชนิดเสียดแทงใจแผ่ไปทั้งตัว หมัดนี้แรงหนักมหาศาล ทำเอาเขาคิดว่าซี่โครงเขาต้องหักไปหลายซี่แล้วเป็นแน่
พวกนักมวยใต้ดินเหล่านี้ พวกเขาทุกคนต่างอยู่กันบนเส้นขอบของความเป็นความตาย ตลอดเวลานั้นอยู่กับการต่อสู้ ไม่ว่ากับใครแม้เป็นคนธรรมดา ก็ไม่มีการออมมือ ใครจะไปรู้ว่าเอ็งจะมีไม้ตายอะไรหรือเปล่า โดยเฉพาะ พี่เฮยเจียวที่ยืนอยู่ข้างบน ยังเจาะจงให้ว่าต้องเอาใจใส่ผู้ชายคนนี้ให้ดี ๆ
พวกเขาจึงได้ใช้ไม้เด็ดเท่าที่มีในทันที ถล่มใส่ให้กับเซียวผิงทั้งหมด
“เสือดำควักหัวใจ!”
ชายฉกรรจ์อีกคนคำรามเสียงลั่น กำปั้นเหมือนดั่งพายุ อัดลงไปอย่างแรง
เซียวผิงที่เพิ่งคลานลุกยืนขึ้นได้ กระอักเลือดสด ๆ ออกมา ล้มลงไปกับพื้น หมัดนี้มีน้ำหนักมากขึ้นไปอีก เจ็บปวดจนหน้าตาบูดเบี้ยวไปอย่างน่าเกลียดน่ากลัว ม้วนตัวขดอยู่กับพื้น ตัวสั่นชักกระตุกไม่ได้หยุด
“เอามันให้ตาย!”
“เอามันให้ตาย!”
“เอามันให้ตาย!”
พวกคนดูอยู่เห็นภาพนี้เข้า ต่างก็ตื่นใจกันสุด ๆ ขึ้นมาทันที
พวกเขามากันที่นี่ ก็เพื่อมาหาความเร้าใจ ภาพที่เห็นข้างหน้า จึงสร้างความสะใจกับพวกเขาอย่างถึงที่สุด
“พี่เฮยเจียว ช่วยผมด้วย ผมไม่อยากตายอยู่ที่นี่”
เซียวผิงคุกเข่าอยู่กับพื้น ร้องไห้ฟูมฟาย
เขารู้ตัว ถ้ายังไม่ออกมา เขาก็จะต้องตายอยู่ตรงนี้แน่ ๆ!
มู่เซิ่งก้มหน้าลง มองจากที่สูงดูเหตุการณ์ที่สังเวียนข้างล่าง แววตาเรียบเฉย นิ่งเหมือนน้ำในบ่อเก่า
ในใจเขาเข้าใจแจ่มชัด ถ้าตัวเขาเองไม่มีอะไรหนุนหลัง น่ากลัวว่าที่ถูกโยนลงไปที่สังเวียนนั่น โดนรุมสกรับจนตายคนนั้นคงต้องเป็นตัวเขาเอง เขาไม่เชื่อเป็นแน่ว่า เซียวผิงจะให้พวกนักมวยออมมือให้
มู่เซิ่งมีความเชื่ออันหนึ่งตลอดมาว่า การให้ความเมตตากับศัตรูนั้น นั่นก็คือการใช้ความทารุณโหดร้ายใส่ตัวเอง
“เหลือลมหายใจไว้ก็แล้วกัน” มู่เซิ่งทิ้งประโยคชืด ๆ นี้ไว้ หันหลังจากไป
“นับว่าแกยังโชคดี พี่มู่ถึงยังไม่อยากเอาชีวิตหมา ๆ ของแก!” เฮยเจียวพูดอยู่ข้าง ๆ “แต่ว่า นี่ก็แค่เพียงโอกาสสุดท้ายของแกเท่านั้นนะ ถ้าแกขืนไปกระทบกระทั่งพี่มู่อีกละก้อ ตระกูลเซียวทั้งตระกูล ก็จะต้องเป็นเครื่องสังเวยพร้อมไปกับศพแก!”
ในจังหวะนั้น เขาก็ได้พูดกับนักมวยข้างล่างสองคนนั้นว่า “สิบนาที ให้พวกแกสิบนาที แล้วค่อยโยนออกไป”
เซียวผิงได้ยินกับที่พูด ปิดตาลงอย่างหมดหวัง
ถึงแม้ว่าเขา ไม่ต้องถึงตายอยู่ที่นี่ แต่เวลาสิบนาทีต่อไปนี้ เป็นการให้เขาต้องอยู่ในนรก น่ากลัวทั้งชาติของเขาต่อไปนี้ นี่เป็นเวลาที่ไม่มีวันลืมได้
แต่ทว่า จนถูกอัดถึงเกือบสลบหมดสติแล้ว เซียวผิงก็ยังคิดไม่ตก ทำไมเฮยเจียวถึงได้ออกอาการเคารพนอบน้อมต่อไอ้ขยะคนนั้น ถึงขนาดยังพูดยังกับเรื่องตลกว่าตระกูลเซียวทั้งหมดจะต้องไปเป็นเครื่องสังเวยพร้อมกับศพเขา
“เกิดอะไรขึ้นกับเตาจั๋ว?”
เข้ามาในห้องพิเศษแล้ว มู่เซิ่งถือวิสาสะนั่งลง เอ่ยปากถาม
“คุณชายมู่ ในระยะหลัง ๆ นี้มาผมก็ทำตามคำสั่งท่านให้ฝึกฝนเตาจั๋ว โดยให้เขาแวะไปตามสนามมวยใต้ดินต่าง ๆ เพื่อฝึกพลังฝีมือตัวเอง แต่ทั่วทั้งเจียงหนานนั้น นอกจากสนามมวยของผมแล้ว ยังมีสนามมวยไป๋เมี่ยนเซียว” จางเสวียนหลงเอ่ยปากพูดขึ้น
ทั่วทั้งเจียงหนาน มีลูกพี่ระดับหัวมังกรอยู่สองคน นอกจากจางเสวียนหลงแล้ว อีกคนหนึ่ง ก็คือที่มีฉายาว่าไป๋เมี่ยนเซียวโจวเซียว
“เริ่มแรกมา เตาจั๋วก็ไล่ซ้อมมืออยู่กับนักมวยพื้นที่ในสังกัดของเรา เมื่อไล่ประลองฝีมือกับนักมวยในสังกัดของเราหมดแล้ว ก็จึงได้ไปท้าประลองที่สนามมวยใต้ดินของไป๋เมี่ยนเซียว นักมวยแต่ละคนของสนามมวย ก็ไม่มีใครรับมือเขาได้แม้แค่เพียงหมัดเดียว จนมาถึงในรายการสุดท้าย เขากลับต้องแพ้ อีกทั้งยังต้องรับบาดเจ็บมาอย่างสาหัส” จางเสวียนหลงนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ค่อย ๆ เล่าออกมา
“อื๋อ แพ้?”
สีหน้าราบเรียบของมู่เซิ่ง ออกอาการประหลาดใจเล็กน้อย
ไม่เคยคิดเลยว่าในเมืองเจียงหนานที่ไม่ได้ใหญ่มากนี้ ยังจะมีคนที่ทำให้เตาจั๋วยอมรับความพ่ายแพ้ได้
“ฝีมือเขาเป็นยังไง?” มู่เซิ่งถาม
“ฝีมือฝ่ายตรงข้าก็จัดว่าเก่งอยู่ แต่ยังไงก็สู้เตาจั๋วไม่ได้” จางเสวียนหลงส่ายหน้า พูดว่า “คุณมู่ เรื่องรายละเอียดในการประลองฝีมือ คุณไปคุยกับเตาจั๋วด้วยตัวเองเลยดีกว่า”
มู่เซิ่งยิ้มเรียบ ๆ พูดว่า “ได้ คุณพาผมไปเดี๋ยวนี้เลย”
จางเสวียนหลงก็สั่งให้คนเตรียมรถทันที แล้วพากันตรงไปที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดของเจียงหนาน
ภายในห้องคนไข้ที่ชั้นห้า เมื่อเห็นสภาพเตาจั๋วที่นอนอยู่บนเตียงคนป่วย แววตาของเขาฉายแววเครียดที่หนาวเยือก
เพราะทั้งตัวของเตาจั๋ว ถูกห่อมัดด้วยผ้าก๊อซ ลักษณะกระดูกแขนขาแตกหักหมด ยิ่งกว่านั้นคือ ถูกทำลายไปหมดทั้งตัว!
“พี่มู่ พี่มาแล้ว?” เตาจั๋วที่นอนอยู่บนเตียง ยิ้มออกมาอย่างใสซื่อ
“คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” ถามไป
“พี่มู่ ผมอยากขอไปดูด้วย!” เตาจั๋วนอนบนเตียงคนไข้พูดยิ้ม ๆ
มู่เซิ่งขมึงตาใส่อย่างอดไม่ได้ พูดว่า “สภาพแกเป็นถึงขนาดนี้ จะไปดูได้ยังไงกัน?”
เตาจั๋วใช้มือที่พอจะเหลือขยับได้อยู่ข้างเดียวนั้นเคาะที่หัว พูดว่า “ผมนั่งรถเข็นได้ ให้พี่หลงช่วยเข็นนะ ผมอยากได้เห็นพี่มู่แสดงฝีมือ”
ครั้งนั้นที่คฤหาสน์ซีไห่ หลังจากมู่เซิ่งถล่มมือปืนคุ้มกันที่เจียงเทาฉินพามา เตาจั๋วก็รู้แล้วว่า พลังฝีมือของมู่เซิ่ง จะต้องเหนือเขา
แต่ทว่า กับพลังฝีมือมู่เซิ่งจะสูงสักแค่ไหนนั้น เตาจั๋วก็อยากรู้อยู่เหมือนกัน
“จางเสวียนหลง คุณว่าหละ?” มู่เซิ่งหัวเราะ มองจางเสวียนหลงที่ยืนข้าง ๆ
“พี่มู่ สำหรับผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” จางเสวียนหลงพูด
หลายวันที่อยู่ใกล้ชิดกัน ความประทับใจกับเตาจั๋วนั้น เห็นได้ว่าเขาเป็นคนใสซื่อ จริงใจ แม้นว่าต่อสู้กันชนิดเอาเป็นเอาตายกันบนสังเวียน หากว่าฝ่ายตรงข้ามยอมแพ้ หรือกำลังมีอันตราย เขาก็ยังจะออมมือ หรือถึงขนาดยื่นมือช่วยดึงประคองให้
เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ครั้งนี้ เตาจั๋วโดนอัดถึงขนาดนี้ จางเสวียนหลงก็โกรธแค้นเป็นอย่างมาก
หากแต่ว่า กำลังจริงของไอ้ไป๋เมี่ยนเซียวนั่นไม่ได้ด้อยไปกว่าท่านหลง เผลอ ๆ ยังจะเหนือกว่าเขาอีก ฉะนั้นถึงแม้จะโกรธแค้นมาก จางเสวียนหลงก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
“วันนี้ต้องบอกกับพี่น้องเราสักหน่อยนะ คืนนี้อาจจะต้องมีงานยุ่งหน่อย” ก่อนจะออกไป มู่เซิ่งเอ่ยปากพูดเสียงเรียบ ๆ
“คุณชายมู่ นี่ท่าน.....”
จางเสวียนหลงถามอย่างสงสัย
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั่วทั้งเจียงหนาน จะมีกลุ่มอิทธิพลอยู่เพียงกลุ่มเดียว คุณคิดว่าจะไม่เรียกคนเพิ่มอีกหน่อย แล้วจะเคลียร์กิจการของไป๋เมี่ยนเซียวได้เรียบร้อยหมดจดหรือ?” มู่เซิ่งทิ้งท้ายคำพูดไว้ ผลักประตูเดินจากไป
ส่วนท่านหลงในขณะนั้น กลับเหมือนถูกไฟฟ้าช๊อต ทั้งตัวเป็นเหมือนตะแกรงร่อนแกลบ สั่นไปไม่ได้หยุด
ทั่วทั้งเจียงหนาน จะไม่มีไป๋เมี่ยนเซียวอีก?
ตั้งแต่เขาติดตามมู่เซิ่งมา รอคำ ๆ นี้ รอมานานเท่าไหร่แล้ว?
สำหรับการรับปากของมู่เซิ่ง เขาไม่มีความสงสัยเลยแม้แต่น้อย!เพราะในสายตาของเขา พลังฝีมือของมู่เซิ่ง ล้มล้างไป๋เมี่ยนเซียวทิ้งได้อย่างแน่นอน
“ขอบคุณคุณชายมู่ ขอบคุณคุณชายมู่!”
จางเสวียนหลงมองไปตามเส้นทางที่มู่เซิ่งเดินออกไป คุกเข่าลงอย่างหนักหน่วง แหงนหน้าขึ้นในพลัน กู่ก้องลั่นฟ้า ดีใจอย่างลืมตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...