ขณะนั้นรถยนต์คันหนึ่งหยุดลงตรงหน้าทั้งสองคน จากนั้นประตูรถเปิดออก ผู้หญิงสวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่ สวมหมวกกันแดดเดินออกมาจากรถยนต์
การปรากฏตัวของเธอ ดึงดูดสายตาแทบทุกคนในที่นี้ รูปร่างของผู้หญิงคนนี้ได้สัดส่วนมาก สีผิวที่เกือบจะเป็นผิวสีน้ำผึ้งให้ความรู้สึกเหมือนเป็นลูกครึ่ง เธอหยิบขนมออกมาจากรถหนึ่งห่อ แล้วก็เริ่มกินอย่างไม่สนใจใคร
มู่เซิ่งมองเพียงแวบเดียวก็ไม่มองอีก ผู้หญิงคนนี้น่าจะไปทางเดียวกันกับพวกเขา คงขึ้นเรือสำราญลำนี้เหมือนกัน ไม่ได้มีเรื่องอื่น
ที่ตามอยู่ด้านหลังตลอดเป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น
“ผู้หญิงคนนี้สวยมาก”
“ใช่ อีกทั้งยังยืนอยู่ข้างหลังมู่เซิ่งด้วย พวกนายว่าเป็นผู้หญิงของเขาหรือเปล่า”
“ชู่ว เบาหน่อย ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเหรอ”
เสียงพูดคุยเบาๆ ของคนในที่นี้หยุดลงทันที ช่วงนี้ทั้งเกาะสองใจแทบจะรู้จักชื่อของมู่เซิ่งกันหมดแล้ว ดังนั้นหลังจากพวกเขารู้จักมู่เซิ่ง ก็พากันเว้นระยะห่างโดยไม่รู้ตัว
“สวยมาก” เหยาเผิงก็ลูบคางแล้วพูดเสียงเบาว่า “แต่เทียบกับพี่สะใภ้แล้ว ยังห่างชั้นอีกเยอะ”
ระหว่างพูด เขายังแอบยื่นหน้าไปข้างหูมู่เซิ่งแล้วพูดพึมพำว่า “ลูกพี่มู่ ก่อนเราออกจากบ้าน เจียงหว่านกำชับให้ผมดูแลคุณดีๆ แล้วยังเน้นเป็นพิเศษว่าอย่าให้คุณทำตัวเจ้าชู้ข้างนอก ดังนั้นเราปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปเถอะลูกพี่”
“แน่นอนว่า……ถ้าพี่สนใจจริงๆ ผมช่วยพี่ปิดบังพี่สะใภ้ให้ก็ได้”
“.…..”
มู่เซิ่งกลอกตามองบน ไม่ได้พูดอะไร ในสายตาของเขาไม่มีผู้หญิงคนไหนเทียบกับเจียงหว่านได้ ดังนั้นแม้มีคนสวยกว่าเจียงหว่าน เขาก็ไม่มีทางหวั่นไหวสักนิด
“พอแล้ว นายไม่ต้องมากังวลเรื่องฉันหรอก” มู่เซิ่งโบกมือไปมา เขาคิดไม่ถึงว่าเจียงหว่านจะพูดกำชับเหยาเผิงแบบนี้
เขาไม่รู้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ยิ่งเจียงหว่านกับมู่เซิ่งอยู่ด้วยกันนาน เธอยิ่งรู้สึกถึงแรงดึงดูดจากตัวมู่เซิ่ง แรงดึงดูดแบบนี้สำหรับผู้หญิงเรียกได้ว่าถึงแก่ชีวิตได้เลย แม้เจียงหว่านไม่กังวลว่ามู่เซิ่งจะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่น แต่เธอกังวลว่าผู้หญิงคนอื่นจะเป็นฝ่ายมาชอบมู่เซิ่ง
รอประมาณ 15 นาที ในที่สุดก็มีเรือสำราญขนาดใหญ่ค่อยๆ แล่นมาที่ท่าเรือ เรือสำราญลำนี้ตกแต่งหรูหรามาก ด้านบนยังหลอดไฟต่างๆ อยู่ด้วย จินตนาการได้เลยว่าในท้องทะเลยามค่ำคืน เรือสำราญที่ประดับประดาอย่างดงามลำนี้จะสะดุดตาขนาดไหน
ด้านล่างเรือสำราญมีคนยืนต่อแถวยาวเหยียด อีกไม่นานจะได้ขึ้นเรือแล้ว
“ลูกพี่ไปก่อนเลย” เหยาเผิงถอยมาด้านหลัง
เพราะสภาพอากาศทำให้วันนี้เรือสำราญมาที่ท่าเรือเพียงลำเดียว แต่เรือสำราญลำนี้ใหญ่มาก สามารถรองรับแถวยาวเหยียดได้หมด ที่บังเอิญคือสาวสวยที่สวมแว่นดำยืนอยู่หลังมู่เซิ่งขึ้นเรือสำราญลำนี้ด้วย
“ลูกพี่ เรือสำราญลำนี้มีชื่อว่าจางหมายเลข 7 เป็นเรือของจางฉี่”
หลังจากขึ้นมาบนเรือ เหยาเผิงเริ่มเล่าให้มู่เซิ่งฟังอย่างละเอียด
“เดิมทีจางฉี่เป็นโจรสลัด แต่ต่อมาเขากลับตัวเป็นคนดี แม้ไม่ทำเรื่องปล้นขโมย แต่ยังไงคนเราก็ต้องทำมาหากิน ดังนั้นบนเรือจึงมีกิจกรรมเดิมพันประมูล เพื่อหาเงินลำไพ่พิเศษ อีกทั้งราคาของบนเรือยังสูงจนไร้เหตุผล”
เหยาเผิงเดินนำทางอยู่ด้านหน้า เรื่องพวกนี้เขาคุ้นเคยเส้นทางเป็นอย่างมาก เขาพามู่เซิ่งเดินผ่านสองสามชั้นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นมาถึงหน้าประตู หลังแสดงป้ายคำสั่งก็เข้ามาได้อย่างง่ายดาย
มู่เซิ่งอดมองไม่ได้
“ลูกพี่ ผมเป็นลูกค้าเก่าของที่นี่ ก่อนหน้านี้ที่เจอแผนที่ที่มียาสมุนไพรซ่อนไว้ก็ได้มาจากที่นี่” เหยาเผิงพูดอธิบาย
หลังเดินเข้ามามู่เซิ่งตาเป็นประกาย จู่ๆ เขาเห็นคนคุ้นเคย ซึ่งก็คือสาวสวยสวมแว่นดำที่เจอข้างล่างเรือก่อนหน้านี้ คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอที่นี่อีก
แต่เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้เจอเรื่องที่ทำให้ไม่สบอารมณ์ เธออยู่หน้าโต๊ะพนันด้วยสีหน้าหดหู่ มีชิปวางอยู่ฝั่งเธอกองใหญ่
“ลูกพี่ ลองดูหน่อยไหม” เหยาเผิงถามขึ้น
“ไม่ล่ะ” มู่เซิ่งส่ายหน้า
พูดเรื่องการพนัน ถึงเป็นเซียนพนันบนโลกนี้ก็สู้เขาไม่ได้ แต่มู่เซิ่งไม่ชอบเกมที่ทำให้คนสิ้นเนื้อประดาตัวเท่านั้นเอง
เหยาเผิงเข้าใจจึงไม่ได้อยู่ในบ่อนพนันนาน พามู่เซิ่งเดินเข้ามาในเขตประมูลที่มีของล้ำค่าต่างๆ นานา เมื่อมาถึงหน้าประตู ทั้งสองคนจ่ายเงินค่ามัดจำสามหมื่น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องที่ทำให้ของมีค่าเสียหาย หลังจ่ายเงินค่ามัดจำ ทุกคนก็เดินเข้ามาในประตู
เมื่อประตูเปิดออก แสงสีต่างๆ ส่องลงมาบนหน้ามู่เซิ่งทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...