มู่เซิ่งเช็กลูกเต๋าหนึ่งรอบ ไม่ได้ยัดตะกั่วหรือปรอทเข้าไป ดังนั้นจึงเอาลูกเต๋าดันไปให้พวกนักเลงที่กำลังรอดูเรื่องสนุกอยู่ข้างๆ
“ให้เขาโยนลูกเต๋า แล้วเราทายดีกว่า” มู่เซิ่งชี้นักเลงคนนั้น
แน่นอนว่าหลิวต้าเลี่ยงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
อันที่จริงลูกเต๋าของบ่อนพนันแห่งนี้มีปัญหาสุดๆ แต่เขามั่นใจในสกิลการเล่นพนันของตัวเองมาก จึงไม่ได้สนใจ ให้บ่อนพนันเอาลูกเต๋ามาสามลูก
“ไอ้ผอมแห้ง นายเขย่าให้มันแรงๆ หน่อย ทางที่ดีเขย่าให้นานๆ ด้วย” หลิวต้าเลี่ยงเอ่ยขึ้น
“ได้เลยลูกพี่!”
นักเลงที่กำลังรอดูเรื่องสนุกอยู่ข้างๆ กำลังเบื่ออยู่เลย เขาหยิบถ้วยเขย่าลูกเต๋ามา แล้วหยิบลูกเต๋าบนโต๊ะมาสามลูก จากนั้นโยนเข้าไปในถ้วยเขย่าลูกเต๋า แม้สกิลการเล่นพนันของเขาจะแย่มาก แต่งานใช้แรงกายเขาทำได้อยู่แล้ว รีบเขย่าถ้วยเขย่าลูกเต๋าทันที
หลังเขย่าอยู่กลางอากาศเป็นเวลานาน นักเลงวางถ้วยเขย่าลงบนโต๊ะเสียงดัง “ปัง” แล้วพูดว่า “ลูกพี่ เขย่าเรียบร้อยแล้ว”
หลิวต้าเลี่ยงไม่ได้สนใจเขา หลับตาฟังเสียงลูกเต๋าอย่างละเอียด
“สูง!”
หลังวางถ้วยเขย่าลูกเต๋า ใบหูของเขาขยับเหมือนได้ยินอะไรบางอย่าง จากนั้นพูดออกมาอย่างมั่นใจ
“นายแทงสูงเหรอ”
มู่เซิ่งไม่ได้มีท่าทีจริงจังเหมือนหลิวต้าเลี่ยง เขาเอนบนเก้าอี้อย่างไม่สะทกสะท้าน เคยอยู่ในหน่วยมังกร ถึงเสียงยุงบินอยู่ไกลหลายเมตรเขาก็ได้ยินอย่างชัดเจน ตอนนี้เป็นนักเสวียนสกิลการได้ยินเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า
เขาได้ยินลูกเต๋าในถ้วยเขย่าลูกเต๋าชัดเจนมาก แบ่งเป็น 4 5 6 รวมทั้งหมด 15 แต้ม
มู่เซิ่งเอาชิปวางบนโต๊ะแล้วพูดว่า “ฉันก็แทงสูงเหมือนกัน!”
“เปิด!”
นักเลงยกถ้วยเขย่าลูกเต๋าขึ้น บอกแต้มของลูกเต๋าที่อยู่ด้านใน “4 5 6 สูง!”
“ต่อ”
หลิวต้าเลี่ยงเคาะโต๊ะเหมือนไม่สนใจ บอกให้ลูกน้องเขย่าลูกเต๋าต่อ
ในความคิดเขา มู่เซิ่งอาจโชคดีเลยทายถูก แต่เขาฟังออกจริงๆ ดังนั้นขอแค่เขย่าอีกหลายๆ ครั้ง มู่เซิ่งต้องเผยพิรุธออกมาแน่ๆ
ทว่าตอนแรกสีหน้าของหลิวต้าเลี่ยงยังดูไม่แคร์ แต่เมื่อทายหลายครั้งขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนจากไม่แคร์เป็นจริงจัง สุดท้ายยังดูสีหน้าไม่สู้ดีอีกด้วย
เพราะมู่เซิ่งเดาเหมือนเขาทุกครั้ง!
“ให้ตายเถอะ!”
หลิวต้าเลี่ยงทนไม่ไหวแล้ว ใช้มือข้างหนึ่งกดลงบนถ้วยเขย่าลูกเต๋า แล้วสบถออกมาว่า “ไอ้หนุ่ม นายไม่ได้จะทายเหมือนฉันทุกครั้งใช่ไหม ถ้านายจะใช้วิธีนี้ยื้อเวลา ฉันบอกให้ว่าอย่าแม้แต่จะคิด!”
“นายนั่นแหละที่ทายเหมือนลูกพี่ฉัน มีปัญญาก็อย่าทายเหมือนลูกพี่ฉันสิ” เหยาเผิงพูดขึ้นข้างๆ
“ไอ้เวร ฉันพูดกับมู่เซิ่ง นายจะพูดแทรกทำไม” หลิวต้าเลี่ยงมองเหยาเผิงอย่างโมโห ถ้าไม่ติดเรื่องบารมีเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกน้อง เมื่อกี้ตอนที่เหยาเผิงกล้าเถียงเขา เขาคงซัดหมัดไปแล้ว คงไม่ปล่อยให้เหยาเผิงพูดหรอก
แต่หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็เขียนตัวเลขลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว
มู่เซิ่งก็เขียนเสร็จแล้ว เขาคว่ำกระดาษลงบนโต๊ะ
“เปิดได้หรือยัง” หลิวต้าเลี่ยงถาม
“ได้แล้ว” มู่เซิ่งพยักหน้า
เมื่อพลิกกระดาษทั้งสองแผ่นขึ้นมา พวกนักเลงรีบชะโงกหน้าเข้ามาดูตัวเลขบนกระดาษ
บนกระดาษของหลิวต้าเลี่ยงเขียนตัวเลข ‘12 แต้ม’
ส่วนของมู่เซิ่งเขียนตัวเลข ‘10 แต้ม’
เมื่อเห็นว่าตัวเลขของทั้งสองคนไม่เหมือนกัน หลิวต้าเลี่ยงแสยะยิ้มชั่วร้ายตรงมุมปาก ไอ้หมอนี่ลอกตัวเองไม่ได้อีกแล้วสินะ อีกสองรอบต่อไปคงแพ้อย่างน่าเวทนา
“คิดไม่ถึงว่าทั้งสองตัวเลขใกล้เคียงกันมาก ดูเหมือนนายพอมีความสามารถอยู่บ้าง” นักเลงตัวผอมคนนั้นลูบคางแล้วพูดว่า “จากฉายาบ่อนพนันมินิมาร์ทขนาดเล็กของฉัน แต้มในถ้วยเขย่าลูกเต๋าได้ยินเหมือน 13 แต้ม ลูกพี่เราใกล้เคียงกว่า ครั้งนี้ลูกพี่เราชนะแน่นอน”
“ไอ้เวรเฮ่าจื่อ พูดบ้าบออะไรอยู่ได้ รีบเปิดเร็ว!”
นักเลงอีกคนเขกหัวเขาหนึ่งทีแล้วสบถว่า “นายไม่ได้พนันสักหน่อย นายจะทายไปทำไม อีกทั้งดวงการเล่นพนันของนาย พนันสิบแพ้เก้า ติดหนี้ฉันพันหยวนถึงตอนนี้ยังไม่คืนเลย อย่ามาทำเป็นใหญ่ที่นี่”
นักเลงตัวผอมบ่นสองสามประโยคแล้วเปิดถ้วยเขย่าลูกเต๋า
สายตาทุกคนมองไปในถ้วยเขย่าลูกเต๋า……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...