เมื่อพูดคำนี้ออกไป ทุกคนภายในห้อง ต่างก็ตกตะลึงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
มู่เซิ่งเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดแบบนี้ออกมา ก็แค่จะหยอกล้อกับเจียงหว่านเท่านั้น
เพราะว่าช่วงเวลาที่ออกไปจากเกาะสองใจนั้น เขาเองก็นอนคนเดียวบนเรือสำราญมาโดยตลอด อยู่ด้านนอกมาเป็นเวลานาน ก็อดที่จะคิดถึงเจียงหว่านไม่ได้ ดังนั้นทุกคืนที่นอนไม่หลับนั้น มู่เซิ่งก็จะคิดว่า ถ้าหากเจียงหว่านนอนอยู่ข้างกายเขา ก็คงจะดีมากทีเดียว
ครั้นแล้วในครั้งนี้ เขาก็เอ่ยปากพูดมันขึ้นมาอย่างที่ไม่รู้ตัว
เจียงหว่านแก้มแดงก่ำไปหมด ไม่กล้าที่จะมองตรงไปที่ดวงตาของมู่เซิ่ง
ที่จริงแล้วในใจของเจียงหว่าน เธอเองก็หวังว่ามู่เซิ่งจะกระตือรือร้นเป็นฝ่ายรุกหน่อย แต่ตอนนี้เขาเป็นฝ่ายรุกแล้ว เจียงหว่านก็เขินอายขึ้นมา ต้องพูดเลยว่า ผู้หญิงคือสิ่งมีชีวิตที่มีความขัดแย้งในตัวเองมาก ในตอนที่มู่เซิ่งยังเมินเฉยไม่เข้าใจนั้น ตัวเองก็อยากที่จะเป็นฝ่ายรุกเข้าไปหา แต่ตอนนี้กลับไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับความต้องการในใจของตัวเองแล้ว
เจียงหว่านเม้มกัดริมฝีปากที่ชุ่มชื้น และพูดเบา ๆ ว่า: “ฉันตกลงกับคุณได้ แต่คุณต้องไปช่วยเหลือเพื่อนสนิทของฉันให้เสร็จสิ้นเสียก่อน มิเช่นนั้น คำพูดนี้ก็ถือว่าไม่มีผล”
คำพูดนี้ของเจียงหว่านได้กระตุ้นให้มู่เซิ่งมีเลือดสูบฉีดอย่างรุนแรง เดิมทีเขาคิดว่าเมื่อพูดแบบนี้ออกไปจะถูกเจียงหว่านเหยียดหยามใส่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า เธอได้ตอบตกลงแล้ว เขาจึงอยากที่จะออกเดินทางไปกับหยางฟางฟางในตอนนี้เลย เพื่อจัดการเรื่องราวของหล่อนให้เสร็จสิ้นลง
“นี่คือสิ่งที่คุณพูดเองนะ อย่าได้คืนคำล่ะ” มู่เซิ่งรีบพูดขึ้น
เมื่อเห็นท่าทางของมู่เซิ่งแล้ว เจียงหว่านก็เกิดความกลัวขึ้น หากเมื่อถึงเวลานั้น ตอนอยู่ในผ้าห่มแล้วมู่เซิ่งต้องการจะมีอะไรด้วย เธอจะตกลงดีไหม หรือว่าไม่ตกลงล่ะ?
พวกเธอแต่งงานกันมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแบบสามีภรรยาเลย แบบนี้เหมือนกับว่ามันก็เกินไป
“รอให้คุณจัดการธุระเสร็จแล้วค่อยมาว่ากัน” เจียงหว่านพูดขึ้นอย่างใจฝ่อ
แต่สำหรับมู่เซิ่งแล้ว เรื่องนี้ ถือว่าตกลงแล้ว ด้วยพลังความสามารถของเขา แม้ว่าจะมีนักเสวียนสิบคนยืนเรียงอยู่เบื้องหน้าของเขา เขาก็ยังสามารถสังหารลงได้อย่างราบคาบ
กลางคืน มู่เซิ่งก็เข้านอนอย่างตื่นเต้นดีใจ
เช้าวันต่อมา เจียงหว่านตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงาน แต่วันนี้เธอได้ขอลาหยุดงานครึ่งวัน ช่วงบ่ายจะขอเลิกงานกลับก่อน เพราะในตอนกลางคืน จะต้องไปเข้าร่วมพิธีเปิดบ้านเอื้อเฟื้อกับมู่เซิ่ง
นี่ไม่ใช่เหตุผลที่มู่เซิ่งอยากจะไปเข้าร่วม แต่เป็นเพราะบ้านเอื้อเฟื้อนี้คือความต้องการของมู่เซิ่ง ดังนั้นตระกูลกู่จึงตั้งใจจัดขึ้นอย่างสุดกำลัง ทุกบริษัทในเมืองเจียงหนานที่มีมูลค่าเกินหลักร้อยล้าน ต่างก็ได้รับเชิญจากพวกเขาทั้งหมด เพื่อไปเข้าร่วมพิธีเปิดบ้านเอื้อเฟื้อแห่งนี้
การเชื้อเชิญของตระกูลกู่ ทำให้พวกบริษัทเหล่านั้นพากันตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด จะกล้าไม่ไปเข้าร่วมงานได้อย่างไรล่ะ แน่นอนว่าแต่ละบริษัทก็ตอบรับไปเข้าร่วมงานกันทั้งหมด
สำหรับเจียงหว่านนั้น เธอได้สอบถามทางตระกูลกู่ ว่าสามารถที่จะพาสามีของตัวเองมาด้วยได้หรือไม่ กู่มู่สวีนนึกว่าเป็นความต้องการของมู่เซิ่ง จึงรีบพยักหน้าทันที และบอกว่าเชิญมู่เซิ่งให้มาร่วมงานด้วย
ดังนั้น มู่เซิ่งที่เดิมทีคิดว่าวันรุ่งขึ้นจะไปช่วยเหลือทางหยางฟางฟางนั่น แต่เป็นเพราะเรื่องนี้ จึงต้องล่าช้าอยู่ที่นี่แล้ว
ตอนเช้าที่มู่เซิ่งตื่นขึ้นมา ก็เห็นประตูห้องปิดไม่มิด ในห้องครัวมีกลิ่นหอมฟุ้งออกมาเป็นระยะ ดูเหมือนว่าเจียงหว่านได้ทำอาหารเช้าเอาไว้แล้ว
ขณะที่มู่เซิ่งเดินออกมาจากห้องนั้น ก็มีความรู้สึกที่น่าทึ่ง หลังจากที่ได้กินยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็กเข้าไปแล้ว สายตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่ร่างกายของเจียงหว่านมาโดยตลอด แต่ตอนนี้สังเกตเห็นหยางฟางฟาง จึงเกิดแรงกระตุ้นแบบใหม่ขึ้น
ลักษณะท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันนั้น ทำให้มู่เซิ่งแอบรู้สึกว่ามีอะไรที่ชอบมาพากล
มู่เซิ่งไม่ได้นั่งลงไปที่ด้านข้างของหยางฟางฟาง แต่นั่งลงบนโซฟาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม และพูดขึ้นว่า: “ถ้าเธอต้องการที่จะขอบคุณฉัน เพราะฉันช่วยเหลือเธอนั้น มันไม่จำเป็นหรอก ที่ฉันช่วยเหลือเธอก็เพราะเจียงหว่าน”
คำพูดนี้ทำให้หยางฟางฟางตะลึงไปชั่วขณะ และเม้มที่มุมปาก “ฮึ เพิ่งจะเตรียมคำพูดขอบคุณมาทั้งช่วงเช้า ตอนนี้ดูเหมือนนายจะไม่ต้องการ งั้นฉันก็ไม่พูดแล้ว”
“แล้วเธอยังมีเรื่องอื่นอะไรอีกไหม? ” มู่เซิ่งถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
ถ้าหยางฟางฟางมาหาเขาก็เพราะต้องการจะขอบคุณเท่านั้นล่ะก็ เกรงว่าคงจะไม่ต้องยุ่งยากวุ่นวายมากขนาดนี้หรอก
“เรื่องนี้ฉันยังไม่ได้พูดคุยกับเจียงหว่าน แม้ว่านายจะไม่ตกลง ก็อย่าได้ไปบอกให้เจียงหว่านรับรู้ได้ไหม? ” หยางฟางฟางพูดขึ้น
“เรื่องอะไรเหรอ? เธอพูดออกมาก่อนสิ แล้วฉันจะพิจารณาตัดสินอีกที” มู่เซิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก
ถ้าหากว่า หยางฟางฟางมีความคิดอะไรที่ไม่ดีต่อเจียงหว่านแล้ว เขาก็ไม่อนุญาตให้หยางฟางฟางอยู่ข้างกายเจียงหว่านอีกต่อไปได้ แม้ว่าทั้งสองคนจะมีสัมพันธภาพที่ลึกซึ้งมากเพียงใด
“ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีกับเจียงหว่านแน่นอน ฉันก็แค่กลัวหล่อนคิดมากเกินไป ถึงคุยกับนายไงล่ะ นายก็อย่าได้ไปบอกกับหล่อนเลย” หยางฟางฟางพูดขึ้น: “หากนายไม่ตกลง งั้นฉันก็ไม่พูดแล้ว”
ภายใต้สภาวะที่ทำอะไรไม่ถูก มู่เซิ่งทำได้แค่พยักหน้าและพูดว่า: “ตกลง ฉันสัญญากับเธอว่าจะไม่ไปบอกกับเจียงหว่าน แล้วมันคือเรื่องอะไรกัน เธอคงพูดออกมาได้แล้วสินะ? ”
ได้ยินคำตกลงจากมู่เซิ่ง หยางฟางฟางจึงพยักหน้า จากนั้น เธอก็พลันลุกยืนขึ้น ร่างกายที่อวบอิ่มได้เผยให้เห็นขึ้นภายใต้เสื้อเชิ้ตบาง ๆ อย่างเด่นชัด เธอค่อย ๆ เข้ามาใกล้มู่เซิ่ง และแนบชิดไปที่ข้างหูของมู่เซิ่งพร้อมกับถามว่า: “มู่เซิ่ง นายมาเป็นแฟนของฉันได้ไหม? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...