เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่ทันได้ตั้งตัว
เขาได้ยินผิดหรือเปล่า?
“อาจารย์ ศิษย์พี่เสี้ยง แพ้แล้วจริง ๆ”
ลูกศิษย์กล่าวเสริมหนึ่งประโยค
โอวหยางฟู่เช่อมองขึ้นไปบนเวทีประลองด้วยสีหน้าหมองหม่น เสี้ยงอานวี่คุกเข่าอยู่บนพื้น เอามือกุมท้องตนเอง ด้วยสีหน้าที่แย่มาก
แพ้แล้ว?
โอวหยางฟู่เช่อรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกทุบ และหายใจติดขัด นึกไม่ถึงว่าเขาจะแพ้จริง ๆ?
เพิ่งขึ้นไปเวทีประลองได้ไม่นาน?
ถ้าบอกว่ามู่เซิ่งเป็นฝ่ายแพ้ เขาสามารถยอมรับได้ เพราะเสี้ยงอานวี่เป็นศิษย์ที่เขาบ่มเพาะความสามารถด้วยความตั้งใจ แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้ามกับที่เขาคาดไว้ เขาเพิ่งขึ้นไปบนเวทีประลองได้ไม่นาน ก็แพ้แล้ว?
“อาจารย์ ขอโทษด้วย ที่ผมทำให้ท่านผิดหวัง”
เสี้ยงอานวี่เดินลงมาจากเวทีประลอง และกล่าวด้วยสีหน้าเจ็บปวด “เป็นเพราะผมประมาทเกินไป และประเมินศัตรูต่ำเกินไป”
เขานึกไม่ถึงว่าผู้ชายที่ไร้ชื่อเสียง จะแข็งแกร่งขนาดนี้ ตั้งแต่วินาทีที่ขึ้นไปบนเวทีประลอง เขาก็รู้สึกกดดันอยู่ตลอดเวลา อีกฝ่ายปล่อยหมัดออกมาหมัดแล้วหมัดเล่า ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาทำได้เพียงถูกต่อยเท่านั้น
แต่เสี้ยงอานวี่ไม่ยอมรับว่าตนเองสู้มู่เซิ่งไม่ได้ เพราะถ้าเขายอมรับ เท่ากับยอมรับว่าอาจารย์ของตนเองสอนเก่งสู้ซ่งเหยียนหมิงไม่ได้?
“อาจารย์บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าประเมินศัตรูต่ำเกินไป แต่คุณกลับทำเป็นหูทวนลมใช่ไหม?” โอวหยางฟู่เช่อกล่าวด้วยความเย็นชา
“อาจารย์ โปรดลงโทษด้วยเถอะ” เสี้ยงอานวี่คุกเข่าทันที
“โอวหยางฟู่เช่อ ตอนนี้คุณสามารถขึ้นมาบนเวทีได้หรือยัง?” จู่ ๆ มู่เซิ่งที่ยืนอยู่บนเวที ก็กล่าวออกมา
หลังจากได้ยินประโยคนี้ เกิดความโกลาหลไปทั่ว
แม้แต่ซ่งเหยียนหมิงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ตอนแรกเขาคิดว่ามู่เซิ่งชนะเสี้ยงอานวี่แล้ว เขาจะรู้จักขอบเขตและให้เรื่องนี้จบลง แต่นึกไม่ถึงว่าตอนนี้ เขาคิดจะท้าทายโอวหยางฟู่เช่อ?
หรือเขามีความมั่นใจที่จะเอาชนะโอวหยางฟู่เช่อได้?
“เด็กหนุ่มคนนี้ จองหองมากเกินไปแล้ว?”
“คิดว่าตนเองเอาชนะเสี้ยงอานวี่ได้ ก็สามารถท้าทายผู้อาวุโสโอวหยางฟู่เช่อได้เหรอ? เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของผู้อาวุโสโอวหยางฟู่เช่อได้อย่างไร? ผมคิดว่าการต่อสู้รอบต่อไป จุดจบต้องอนาถอย่างแน่นอน”
“ถูกต้อง นี่มันเป็นการรนหาความตาย”
ลูกศิษย์ของโรงบู๊ต่างมองมู่เซิ่งด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ สำหรับพวกเขาแล้ว เจ้าหมอนี้บังเอิญโชคดีเลยชนะเสี้ยงอานวี่ เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะท้าทายผู้อาวุโสโอวหยางฟู่เช่อ
สีหน้าของซูขุยเสี่ยขาวซีดเช่นกัน เขารู้ว่ามู่เซิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโอวหยางฟู่เช่อ ดังนั้นเขาจึงกระซิบอยู่ด้านข้างว่า “มู่เซิ่ง รีบลงมาเร็ว!”
มู่เซิ่งมองโอวหยางฟู่เช่อด้วยสายตาบีบบังคับ และไม่ไหวติงแม้แต่น้อย
เขาต่อสู้อยู่ในสนามรบมาหลายปี
เขาเคยบีบคอศัตรูตายไปมากมาย อยู่กับอาวุธและเลือดมาโดยตลอด
ตอนนี้เขาหยุดสามปีแล้ว แม้แต่ตัวเขาเองก็อยากจะสัมผัสกับความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้สู้ตายอีกครั้ง
ใต้เวที มีเพียงกู่ชิงเสวียนเท่านั้นที่มองมู่เซิ่งด้วยความชื่นชม นี่ถึงจะเป็นมู่เซิ่งที่เธอชอบ! ถ้าไม่มีความกล้าหาญ แล้วจะเย้ยฟ้าท้าดินได้อย่างไร? ลูกผู้ชาย ก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ!
“ผู้อาวุโสโอวหยางฟู่เช่อ คุณกลัวเหรอ?” กู่ชิงเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คำพูดประโยคนี้ของเธอ เหมือนเติมเชื้อเพลิงบนกองไฟ
สีหน้าของโอวหยางฟู่เช่อกลายเป็นเย็นชา แล้วเขาก็กระโดดขึ้นไปบนเวทีประลอง
ลูกศิษย์ของเขาเพิ่งเสียหน้า ถ้าเขาถอยอีก วันนี้เขาจะต้องอับอายขายหน้าอย่างแน่นอน!
“ลูกศิษย์ของผมไม่ทันระวังตัว เลยพ่ายแพ้ให้แก่คุณ คุณก็คิดว่าตนเองเป็นยอดฝีมือจริง ๆ เหรอ? โอเค ถ้าเช่นนั้นผมจะสั่งสอนเด็กหนุ่มที่จองหองอย่างคุณเอง!”
สีหน้าของโอวหยางฟู่เช่อเย็นชามาก เขายื่นมือไปทางมู่เซิ่ง “สิบกระบวนท่า ผมใช้แค่สิบกระบวนท่าเท่านั้น!”
“ถ้าคุณสามารถรับสิบกระบวนท่าได้ ผมก็จะยอมรับความพ่ายแพ้!”
มู่เซิ่งประสานมือทั้งสองเป็นการคำนับ และเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
โอวหยางฟู่เช่อกำหมัดทั้งสอง จนเกิดเป็นเสียง วินาทีต่อมา เขาปล่อยหมัดออกไปเร็วเหมือนสายฟ้า ตรงไปที่หน้าของมู่เซิ่ง
ร่างกายของมู่เซิ่งสั่นเล็กน้อย แล้วปล่อยหมัดออกไปด้านข้างเช่นกัน
ปัง!
หมัดทั้งสองปะทะกัน ทำให้เวทีประลองสั่นสะเทือน ผู้ชมที่อยู่ทั่วทิศอดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจ จนถึงตอนนี้ พวกเขาถึงได้รู้ว่ามู่เซิ่งไม่ได้อ่อนแอ แต่กลับแข็งแกร่งอย่างน่าตกใจ!
กระทั่งกล่าวได้ว่าการประลองคราวนี้ น่าตื่นเต้นที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเห็น!
“ฮึ่ม!”
โอวหยางฟู่เช่อพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา “คอยดูต่อไปเถอะ!”
หลังจากนั้น โอวหยางฟู่เช่อก็พาเสี้ยงอานวี่และคนอื่น ๆ เดินออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของทุกคน
สีหน้าเหล่าลูกศิษย์ของโรงบู๊เต็มไปด้วยความอึ้ง
ก่อนหน้านั้นการที่เขาเอาชนะเสี้ยงอานวี่ได้ ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาตกใจแล้ว แต่ตอนนี้ โอวหยางฟู่เช่อยอมรับความพ่ายแพ้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้กันเพียงแค่สิบกระบวนท่า แต่มันก็เหลือเชื่อแล้ว?
“คุณปู่ เขาหล่อมาก” ขณะนี้ กู่ชิงเสวียนกล่าวอยู่ข้างหูกู่มู่สวีน
กู่มู่สวีนพยักหน้า เพราะฝีมือที่มู่เซิ่งแสดงออกมา คู่ควรกับคำว่าโดดเด่นเหนือคน
มู่เซิ่งมองกลุ่มลูกศิษย์ของโรงบู๊ที่เดินเข้ามา เพื่อจะมาสนทนากับเขา ดังนั้นเขาจึงรีบกล่าวว่า “คุณปู่ซ่ง ผมยังมีธุระ ผมขอตัวก่อน”
หลังจากพูดจบ มู่เซิ่งก็รีบทาน้ำมันมวยที่ฝ่าเท้า แล้วเดินออกไปจากโรงบู๊ทันที
กู่ชิงเสวียนเดินตามหลังเขา และวิ่งเหยาะ ๆ จนตามมู่เซิ่งทัน
“คุณตามผมมาทำไม?”
มู่เซิ่งรู้สึกจำใจ เพราะตั้งแต่กู่ชิงเสวียนออกมาจากโรงบู๊ เธอก็เดินตามหลังเขามาตลอด โดยไม่พูดอะไรสักคำ เพียงแค่มองเขาด้วยรอยยิ้มเท่านั้น ราวกับว่าขอเพียงแค่เขาไม่เอ่ยปากพูด เธอก็จะตามเขากลับบ้าน
วันนี้ จ้าวหลินไม่ได้ออกไปเล่นไพ่ ถ้าเขากลับถึงบ้าน เมื่อจ้าวหลินเห็นภาพนี้ เกรงว่ามันจะกลายเป็นเรื่องที่ไม่จบไม่สิ้น แม้กระทั่งเจียงหว่านก็จะรู้เรื่องนี้
กู่ชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า “ฉันอยากจะเดินตามคุณ ไม่ได้เหรอ?”
“ได้! คุณเป็นคุณหนูของตระกูลกู่ คุณอยากทำอะไร ก็ไม่มีใครมีสิทธิ์ขัดขวางคุณ” มู่เซิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
“จริงสิ มู่เซิ่ง คุณจะหย่ากับเจียงหว่านเมื่อไหร่?” กู่ชิงเสวียนถามอย่างกะทันหัน
“อะไรน่ะ?”
มู่เซิ่งขมวดคิ้ว ทำไมอยู่ดี ๆ ก็พูดถึงเจียงหว่าน?
“ไม่มีอะไร”
กู่ชิงเสวียนส่ายศีรษะ แล้วเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “อาจารย์ วันนี้คุณว่างไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...