นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา นิยาย บท 152

ชายผู้นั้นไม่สนใจอะไรมากนักและกดทับลงบนตัวนางอีกครั้ง “ยาหยี จะสนอะไรพวกนั้นมากมายทำไม แค่เรามีความสุขก็ดีแล้ว!”

จางเสี่ยวจุ๋ยผลักหน้าอกของเขาและเอ่ยอย่างกระเง้ากระงอดว่า “ข้าจะหิวตายอยู่แล้ว เจ้ายังคิดจะหาความสุขอีกหรือ”

“ไม่เป็นไรน่า ข้ายังมีอีกสิบอีแปะ ไว้ข้าจะให้เจ้า ตอนนี้อยู่เป็นเพื่อนข้าก่อนนะ!”

ชั่วขณะนั้น ภายในเรือนก็อบอวลไปด้วยห้วงแห่งความรัก...

เช้าวันต่อมา เหล่าไท่ไท่ส่งแป้งขาวหนึ่งจินและข้าวโพดสามจินไปที่บ้านของชุ่ยฮวา ให้ชุ่ยฮวาช่วยทำอาหารให้หลิวเซียงกิน

สายตาที่ชุ่ยฮวามองแป้งขาวครึ่งกิโลกับสายตาที่มองเหล่าไท่ไท่นั้นแตกต่างกัน

เหล่าไท่ไท่รู้สึกว่ามันผิดปกติเกินไป ดังนั้นจึงรีบนำแป้งกลับมาจากบ้านของลูกสาวคนรองทันที

ชุ่ยฮวาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

หลังจากนั้นเหล่าไท่ไท่ก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยถูกต้องและก้าวกลับไปที่บ้านด้วยน่องเล็กๆ ลากโจวกุ้ยหลานไปที่ห้องของตนเองแล้วสมคบคิดกัน

ขณะที่กำลังพูดคุยกัน ลูกสามคนของเอ้อร์เฉียงรวมถึงหวังอวี้ชุนก็มาถึงบ้าน

ทันทีที่หวังอวี้ชุนเข้ามา นางก็มาชวนเหล่าไท่ไท่กับโจวกุ้ยหลานคุยนั่นคุยนี่ แม้ว่าเหล่าไท่ไท่จะไปทำงาน นางก็ไม่ไปไหน ยังยืนมองเหล่าไท่ไท่ทำงานอยู่ข้างๆ

พวกเด็กทะโมนเหล่านั้นพอเข้ามาถึงก็รื้อค้นของไปทั่ว

โจวกุ้ยหลานเห็นดังนั้นจึงมองด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก

“นี่ กุ้ยหลาน เจ้าไม่ดีใจหรือที่เรามาที่นี่ ข้างนอกเขาว่ากันว่าที่บ้านของเจ้ากินอยู่อย่างอิ่มหนำสำราญ เจ้าไม่สงสารหลานชายของเจ้าเลยหรือยังไง มีอะไรอร่อยๆ ก็เอามาแบ่งพวกเขาบ้างซี่”

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของโจวกุ้ยหลานไม่ค่อยดีนัก หวังอวี้ชุนจึงเอ่ยออกมาอย่างประชดประชัน

“พี่สะใภ้หยู่ชุน พี่ไปได้ยินมาจากไหนว่าครอบครัวของข้ากินอยู่อย่างอิ่มหนำสำราญ” โจวกุ้ยหลานถามอย่างเย็นชา

หวังอวี้ชุนเองก็เป็นพวกที่มักจะสร้างความยุ่งยากให้ผู้อื่น และนางก็โวยวายออกมาทันที “ทุกคนในหมู่บ้านเขารู้กันทั้งนั้นว่าครอบครัวของเจ้าได้เงินจากการขายถ่าน ทำไมจะต้องปิดบังพวกข้าด้วย ยังไงข้าก็ได้ชื่อว่าเป็นพี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าไม่ควรปิดบังไว้แบบนี้มิใช่หรือ”

“ข้าอยากกินของอร่อยๆ!”

“ข้าก็อยากกินเหมือนกัน!”

“อยากกินๆ!”

เด็กทั้งสามคนตะโกนอยู่ข้างๆ และจ้องมองโจวกุ้ยหลานตาปริบๆ

เหล่าไท่ไท่เทอาหารหมูลงไปในคอกหมูแล้วเดินออกมา พอได้ยินเสียงพวกเขา นางจึงขมวดคิ้ว “หยู่ชุน เจ้าพูดเรื่องอะไรน่ะ”

“อาสะใภ้รอง ข้าได้ยินมาหมดแล้วว่าต้าไห่กับสวีฉางหลินเผาถ่านอยู่ในป่าทั้งวัน คนอื่นเขาเห็นกันนานแล้ว เพิ่งรู้เมื่อไม่กี่วันนี้เองว่าพวกท่านหาเงินได้มากมายจากตรงนี้!” ดวงตาทรงสามเหลี่ยมหางตกของหวังหยู่ชุนเป็นประกายขณะที่พูด

วันนี้นางมาเพื่อดูลาดเลาว่าที่นี่เป็นอย่างไร ถ้ามันเป็นเรื่องจริง นางก็จะให้พวกเขาพาเอ้อร์เฉียงไปด้วย!

“เช่นนั้นคนที่เผาถ่านก็ไม่ได้มีครอบครัวของพวกข้าแค่ครอบครัวเดียว พวกเจ้าจะไปลองเผาถ่านดูเองก็ได้ ดูสิว่ามันทำเงินได้เยอะจริงหรือไม่” โจวกุ้ยหลานตอบกลับพลางขมวดคิ้ว

พวกนางไม่ได้บอกเรื่องเผาถ่านให้ใครรู้ แม้จะมีคนมาเห็น อย่างมากก็คงคิดว่าพวกนางแค่หาทางประทังชีวิตไปวันๆ ใครจะมารู้ว่าตอนนี้ครอบครัวของพวกนางหาเงินได้จากสิ่งนี้?

ช่วงนี้คนในครอบครัวของนางไม่มีใครออกไปไหน แม้แต่เหล่าไท่ไท่ก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กับชาวบ้านคนอื่นๆ ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ครอบครัวของนางไม่น่าจะมีหัวข้ออะไรให้คนอื่นเอาไปพูดคุยกันได้เลย

“กุ้ยหลานนี่นะ เจ้านั่นแหละที่ผิด หาเงินได้แล้วยังจะปิดบังพี่สะใภ้อีก! คนอื่นไม่ได้เงินจากการเผาถ่าน แต่พวกเจ้าได้! ทำไมเจ้าไม่พาเอ้อร์เฉียงไปด้วยล่ะ จะได้ไปช่วยกันเผาถ่าน”

สีหน้าของโจวกุ้ยหลานยิ่งแย่ลงไปอีก นางเพิ่งจะขายถ่านไปแค่ครั้งเดียว ต่อไปยังไม่รู้เลยว่าจะขายได้มากเท่าไหร่ ถ้าเพิ่มคนเข้ามาอีกแล้วต่อไปขายไม่ออก นางจะไม่ยิ่งย่อยยับหรอกหรือ

ตอนที่ไปถึงห้องของหลี่ซิ่วยิง หลี่ซิ่วยิงยังคงนอนอยู่บนยกพื้นเรียบๆ และภายในห้องก็ยังมีกลิ่นเหม็นคลุ้ง

เมื่อเห็นนางเข้ามา หลี่ซิ่วยิงจึงฉีกยิ้มและกล่าวว่า “มาแล้วหรือกุ้ยหลาน มานั่งสักเดี๋ยวสิ”

โจวกุ้ยหลานไม่พูดอะไรมากและเดินไปนั่งตรงจุดที่นางชี้นิ้วบอก จากนั้นจึงถามหลี่ซิ่วยิงว่า “เอวของป้าใหญ่ดีขึ้นบ้างหรือยังเจ้าคะ”

“ไม่หรอก ยังลุกขึ้นไม่ได้เลย” หลี่ซิ่วยิงบอก จากนั้นจึงเปลี่ยนเรื่องไปถามนางว่า “กุ้ยหลาน ได้ยินว่าครอบครัวของเจ้าทำงานหาเงินได้หรือ”

มุมปากของโจวกุ้ยหลานกระตุก “ป้าใหญ่ยังนอนอยู่บนเตียงลุกไปไหนไม่ได้แบบนี้ ป้าใหญ่ไปรู้เรื่องนี้มาได้อย่างไรหรือ”

หลี่ซิ่วยิงใจฝ่อเล็กน้อยเมื่อถูกถามแบบนี้

ไปรู้มาได้อย่างไร? ก็เพราะเสี่ยวจุ๋ยแวะมาเยี่ยมเยียนที่นี่มิใช่หรือ เรื่องนี้นางย่อมรู้ดีอยู่แล้ว

“ข้าขยับตัวไม่ได้ แต่บางครั้งพวกสาวๆ ในหมู่บ้านก็แวะมาเยี่ยมเยียน เลยได้ยินว่าครอบครัวของเจ้าหาเงินได้เยอะ ว่ากันว่ามีทั้งข้าวขาวกับเนื้อชิ้นใหญ่กินด้วยหรือ”

โจวกุ้ยหลานยังคงยิ้ม “ถึงแม้จะรวย แต่ข้าก็ยังไม่ได้ไปคุยโวที่ไหนว่าข้าร่ำรวย แบบนี้พวกท่านก็จะขอเงินข้าไม่ได้ ถูกหรือไม่เจ้าคะ”

ทันทีที่คำเหล่านี้เอ่ยออกมา หลี่ซิ่วยิงก็จำต้องระงับคำพูดที่ว่าอยากจะขอยืมเงินเอาไว้

แม่ตัวดีนี่ช่างวาจาคมกริบ!

เห็นๆ กันอยู่ว่าสามพี่น้องบอกว่าครอบครัวของพวกนางร่ำรวย แต่ที่นางส่งมาให้ครอบครัวของนางล้วนเป็นแป้งสาลี บางครั้งก็เป็นอาหารเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ได้ดีแล้วคิดจะถีบหัวส่งงั้นหรือ

ฝันไปเถอะ!

หลี่ซิ่วยิงครุ่นคิดอยู่ในใจ จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ข้าเป็นป้าใหญ่ของเจ้า เรื่องนี้เจ้าคิดจะหลอกลวงข้าหรือ บอกมาเถิดว่าเจ้ามีเงินอยู่ในมือเท่าไหร่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา