โจวกุ้ยหลานมองจางเสี่ยวจุ๋ยอย่างประหลาดใจ “อาสะใภ้สาม ช่วงนี้ท่านไม่ใช่ว่าไม่ได้ออกไปไหนหรือ แล้วรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร”
“วันนี้วันปีใหม่ข้าได้ยินตอนไปอวยพรปีใหม่บ้านลุงใหญ่เจ้า ข้าก็อะไรไม่ได้มาก ไม่งั้นนะ ข้าจะด่าชิวเซียงสักรอบ” จางเสี่ยวจุ๋ยตอบกลับอย่างสงบนิ่ง
“ที่แท้เป็นเช่นนี้…” โจวกุ้ยหลานก็เข้าใจ
หลังจากคุยเรื่องสัพเพเหระกับจางเสี่ยวจุ๋ยไปสองสามประโยค ก็ถามจางเสี่ยวจุ๋ยว่าต้องการกลับบ้านกับนางไปกินข้าวด้วยกันไหม จางเสี่ยวจุ๋ยปฏิเสธไม่ไป โจวกุ้ยหลานก็ไม่อยากนั่งอยู่นาน กล่าวลาแล้วก็รีบจากไป
รอนางจากไป จางเสี่ยวจุ๋ยรีบกลับเข้าบ้านตนเอง หยิบตลับชาดทาปากวางเข้าไปในตู้
โจวกุ้ยหลานถือตะกร้ากลับบ้านเหล่าไท่ไท่ กินข้าวเที่ยงกับครอบครัว
หลังจากนางนั่งลง เห็นสวีฉางหลินอุ้มเจ้าก้อนน้อยมานั่งข้างนาง นางยื่นมือไปอุ้มเจ้าก้อนน้อยมา มองไปรอบ ๆ ก็ยังไม่เห็นซุนโก่วต้าน
“พี่สาวใหญ่ ทำไมไม่เห็นพี่เขยใหญ่”
สีหน้าโจวคายจือไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย ใบหน้าฝืนยิ้ม ตอบว่า “เขากลับไปเองแล้ว”
กลับไปเองแล้ว? ภรรยากับลูกยังอยู่ที่นี่อยู่เลยนะ
“คงจะรีบกลับไปปรนนิบัติพ่อแม่เขานั่นแหละ!” เหล่าไท่ไท่ตอบกลับมาอย่างไม่พอใจ
“ท่านแม่ ท่านกินเนื้อให้เยอะหน่อย” โจวต้าไห่รีบคีบเนื้อชิ้นหนึ่งให้เหล่าไท่ไท่ กลัวว่าเหล่าไท่ไท่จะพูดให้โจวคายจือทุกข์ใจอีก
หมายความว่าพี่สาวใหญ่เลยไม่คิดจะกลับไปแล้วหรือ?
“เฮ้อ พี่เขยใหญ่ไม่ใช่รู้กตัญญูรึไง เลยไม่ให้ความสำคัญกับลูกและภรรยาตัวเอง ข้าว่านะ พี่สาวใหญ่ต้องจัดการเขาสักรอบ ให้เขาเชื่อฟัง ถ้าตอนนี้เขากับเจ้าเป็นเพียงครอบครัวเล็ก ไหนเลยจะต้องอยู่ไม่ไกลกับพ่อแม่เขากัน” ขณะโจวซ่านเย่พูด ก็คีบเท้าหมูชิ้นหนึ่งให้ตัวเอง
ที่บ้านท่านแม่นี่ดีจริง ๆ ! อยู่บ้านไม่กี่วัน วัน ๆ ไม่เป็นเนื้อก็เป็นไข่ ภายหลังต้องพาลูกกับเหล่าหู กลับมาเยี่ยมท่านแม่บ่อย ๆ แล้ว!
โจวคายจือถูกกล่าวว่าจนอึดอัดไปทั้งตัว แต่ไม่กี่วันมานี้ ในใจก็รู้สึกว่าช่วงที่อยู่บ้านท่านแม่นี่แหละคือการใช้ชีวิตของคนเรา วัน ๆ พวกเด็ก ๆ ได้กินอิ่ม ยังได้กินเนื้ออีกด้วย ไม่ได้อึดอัดเหมือนอยู่ที่บ้านสามี นางคงทั้งมีความสุขทั้งปวดใจ
“พอแล้ว ก็ให้พี่สาวใหญ่ของเจ้าพาลูกมาพักอยู่บ้าน พวกเจ้าก็ไม่ต้องพูดมากแล้ว!” เหล่าไท่ไท่กล่าวสรุปด้วยเสียงหนักแน่น ก็คีบเท้าหมู ให้เสียวหู่ที่นั่งอยู่ด้านข้างนาง
โจวกุ้ยหลานก้มหน้าก้มตากินข้าวของตนเอง เรื่องเหล่านี้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาง
สวีฉางหลินที่อยู่ด้านข้างมองดูข้าวในถ้วยของนางแห้งฝืด ตักน้ำแกงถ้วยหนึ่งแล้ววางไว้ด้านหน้านาง จากนั้นก็อุ้มเจ้าก้อนน้อยมาไว้ในอ้อมแขน ให้เขาคีบอาหาร กินด้วยตัวเอง
พวกเขากินข้าวเสร็จ โจวกุ้ยหลานพาสวีฉางหลินกับเจ้าก้อนน้อยกลับบ้านอีกครั้ง โจวซ่านเย่จะฉวยโอกาสนี้ กลับไปพร้อมกับพวกเขา
โจวกุ้ยหลานไม่รั้งรอ พาสวีฉางหลินและพวกเขาไป
พอถึงบ้านพวกเขา โจวซ่านเย่ก็นั่งในบ้านหาเรื่องคุยเล่นกับโจวกุ้ยหลาน
โจวกุ้ยหลานนั่งลงผิงไฟ ต่อบทสนทนาไปตามอารมณ์
ผ่านไปครู่หนึ่ง โจวซ่านเย่ก็ดึงหัวข้อมาที่ความเปลี่ยนไปของที่บ้าน
“กลับคราวนี้ข้าถึงพบว่า ทุกวันนี้บ้านแม่พวกเราใช้ชีวิตกันอย่างดีเชียว เมื่อก่อนพวกเรากลับบ้านมื้อหนึ่งมีแต่ไข่ตุ๋น แต่วันนี้ แต่ละมื้อมีทั้งเนื้อทั้งข้าวขาว! ท่านแม่บอกว่า ล้วนเป็นเพราะกุ้ยหลานช่วยเหลือถึงเป็นอย่างทุกวันนี้”
โจวกุ้ยหลานส่ายหัวยิ้ม ๆ บุ้ยปากไปทางสวีฉางหลินทันที “นู่น เป็นเพราะความดีของเขา เขาเผาถ่านเป็น ถึงช่วยให้ที่บ้านได้กินข้าวอิ่ม ถ้าบอกว่าทุกวันนี้มั่งคั่ง คงยังไม่ใช่อยู่ดี”
“พี่สาวรอง อีกไม่กี่วันท่านก็คงกลับใช่ไหม บ้านข้ายังมีผ้าเหลือสองสามผืน ท่านเอากลับทำเสื้อผ้าให้หลานชายข้าเถอะ ท่านรอครู่หนึ่ง ข้าจะไปหาสักเดี๋ยว”
ขณะพูด นางก็ลุกขึ้นทันที แล้วเข้าในบ้านตัวเองอย่างไว
ในใจโจวซ่านเย่ก็ยินดี “เจ้ายังจะเกรงใจกันอีก มีผ้าก็ทำเสื้อผ้าให้น้องเขยเถอะ”
“พวกเราที่นี่ไม่ได้ขาดแคลนเสื้อผ้า ให้พวกท่านไปก็จะได้ใช้งานด้วย” ขณะพูด โจวกุ้ยหลานรีบเดินเข้าไปในบ้านตัวเอง ดึงผ้าพับหนึ่งออกมาจากตู้ เดินออกมา แล้วส่งให้โจวซ่านเย่
ผืนผ้านั้นสีดูเก่า ผ้าสีดำเทา แต่เมื่อสัมผัสเนื้อผ้าแล้วโจวซ่านเย่ก็รู้ว่าคือผ้าบาติส ในใจก็เริ่มครุ่นคิด
เนื้อผ้าดี ถ้านางนำไปตัดเสื้อคลุมนอกให้เหล่าหู เย็บฝีเข็มให้ดี ก็ไม่กลายเป็นเสื้อผ้าดี ๆ แล้วรึ
เพียงคิด ใบหน้าก็ซ่อนรอยยิ้มไม่อยู่ อยู่คุยกับโจวกุ้ยหลานอีกสองสามประโยค ถึงจะกลับไป
รอส่งนางกลับไปแล้ว โจวกุ้ยหลานก็ถอนหายใจด้วยความสบายใจ
กลับเข้ามานั่งในห้อง ในใจก็เริ่มครุ่นคิด “ข้าต้องคุยกับท่านแม่สักหน่อยว่า รีบให้พี่สาวรองกลับไป ไม่งั้นนางก็จะมาบ้านพวกเราอีก”
“พวกเจ้าไม่ใช่ว่าสายสัมพันธ์พี่น้องลึกซึ้งหรอกรึ” หายากที่สวีฉางหลินจะหยอกล้อภรรยาตัวน้อยของตัวเอง
“พี่สาวรองข้าเป็นพวกที่ถ้าไม่มีเป้าหมายก็จะไม่ลงมือ เมื่อก่อนไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กัน อยู่ ๆ มาทำตัวสนิทสนม ไม่อึดอัดรึไร” โจวกุ้ยหลานเบะปาก พูดความคิดเห็นใจจริงออกมา
“ไม่ใช่ว่าเจ้าคิดถึงหลานชายเจ้าหรอกหรือ” สวีฉางหลินพูดตามอารมณ์ คุยเรื่อยเปื่อยกับภรรยาตัวน้อยของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...