นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา นิยาย บท 268

นางถอนหายใจออกมาแล้วผลักประตูเข้าไปในลานบ้าน หลังจากเข้าไปแล้วนางก็ได้ลงกลอน ทันทีที่เดินไปถึงปากประตู นางก็ได้ยินเสียงอ่านหนังสือดังออกมาจากในห้อง

ยังคงเป็นเสียงอ่านดังเดิม ให้ความรู้สึกคิดถึงบ้านอย่างแท้จริง

โจวกุ้ยหลานปลอบใจตนเอง แล้วอดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา

นางแต่งงานกับสวีฉางหลินแล้ว อีกอย่างสวีฉางหลินลีกับนางจะตายไป เหตุใดนางจึงมิเชื่อใจเขาเล่า เมื่อคิดได้ดังนั้นนางก็มิได้ไปสนใจเรื่องใดอีก แล้วเดินตรงเข้าไปในเรือน

ทันทีที่เข้าไปด้านใน โจวคายจือก็ได้ลากนางเข้าไปด้วยความตื่นตระหนก แล้วเดินไปด้านข้างอย่างรวดเร็วเอ่ยถามว่า “กุ้ยหลาน สตรีนางนั้น สตรีนางนั้นเป็นใครกัน?”

ใคร นางเองก็มิรู้......

แต่ว่า......

“ผู้คุ้มกันของบ้านเรา” โจวกุ้ยหลานกล่าวออกมาสองสามคำ

เมื่อโจวคายจือได้ยินว่าเป็นผู้คุ้มกันเรือนก็ขมวดคิ้วเข้าหากันกล่าวว่า “ผู้คุ้มกันนั้นมีแต่บ้านเรือนของผู้มั่งคั่งจึงจะต้องการ เรือนของเรามีอะไรให้คุ้มกันเล่า กุ้ยหลาน ข้ามองดูแม่นางผู้นั้นหน้าตาสะสวยยิ่ง หากน้องเขย......น้องเขยชอบนางขึ้นมาล่ะก็จะทำเยี่ยงไร?”

“ชอบหรือ? เช่นนั้นสตรีคนนั้นคงจะมีเสน่ห์ไม่น้อย” โจวกุ้ยหลานตอบ

โจวคายจือยังอยากจะกล่าวบางอย่างออกมาอีกเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นโจวกุ้ยหลานไม่พูดอะไร นางเองก็ไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดเช่นกัน จึงจะเหมาะสม ได้แต่ส่ายหน้าแล้วเอ่ยเตือนโจวกุ้ยหลานอีกประโยคว่า “เจ้าจงจับตาดูน้องเขยให้ดีเถิด เขาไม่เลวเลยทีเดียว หากถูกสตรีนางใดแย่งไปแล้วเจ้าจะไม่ร้องไห้ร้องห่มหรือ?”

“ข้าเข้าใจแล้ว” โจวกุ้ยหลานยิ้มรับแล้วสนทนาไปเรื่อยเปื่อยอีกสองสามประโยค ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องที่พวกเขา เข้าไป พบว่าประตูปิดอยู่

นางกระสับกระส่ายใจทันที ยกมือขึ้นหวังจะเคาะประตู แต่ท้ายที่สุดแล้วก็วางมันลง

นางเดินออกมาที่ลานบ้านด้านนอกแล้วไปหาจับไส้เดือนออกมาตักน้ำล้างให้สะอาดสะอ้าน ก่อนจะใส่ลงไปในหม้อต้ม

นางทำการสับไส้เดือนแล้วผสมคลุกเคล้าไปกับหญ้าและข้าว คลุกเคล้าใส่ในกะละมังเพื่อเอาไปเลี้ยงเป็ด

หลังจากทำงานเหล่านี้เรียบร้อยแล้วนางก็กลับไปในห้องครัวเพื่อทำอาหาร

ระหว่างที่เดินผ่านประตูบานนั้น พบว่ามันยังคงปิดสนิทดังเดิม

นางจ้องไปตาเขม็ง แล้วกลับไปยังห้องครัวทำอาหารมาสองสามอย่าง นำมาวางไว้บนโต๊ะ ตะโกนเรียกหลิวเกามากินข้าวด้วยกัน จึงทำให้นางมีเหตุผลเดินตรงไปที่ประตู เคาะมันอยู่สองสามหน สวีฉางหลินเปิดประตูออกมา นางพบว่าเสื้อผ้าของเขาเป็นระเบียบเรียบร้อยดี ไม่รู้เพราะเหตุใดโจวกุ้ยหลานจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก กล่าวกับสวีฉางหลินว่า “ออกมากินข้าวกินปลาเถิด”

สวีฉางหลินตอบรับ เสี่ยวจิ่วที่อยู่ข้างกายก็เดินตามมาด้วยเช่นกัน

เมื่อพวกเขานั่งล้อมวงกินข้าวกัน หลิวเกามองไปทางเสี่ยวจิ่ว แล้วยกมือขึ้นคารวะ

“ท่านผู้นี้คือ?”

ตามปกติแล้วโจวกุ้ยหลานรู้ว่าสวีฉางหลินไม่ค่อยชอบพูด นางมักจะเอ่ยตอบคำถามด้วยตนเอง แต่ในวันนี้โจวกุ้ยหลานได้แต่ก้มหน้าก้มตากินอาหารของตนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

สวีฉางหลินรออยู่สักพักเมื่อเห็นว่าโจวกุ้ยหลานไม่ได้เอ่ยปากตอบ เขาจึงตอบเองว่า “ผู้คุ้มกันเรือน”

เสี่ยวจิ่วพยักหน้าให้แก่หลิวเกาเล็กน้อย เป็นความหมายว่านางทักทายเขา ก่อนจะยกชามและตะเกียบของตนขึ้นกินอาหาร

โจวคายจือเหลือบมองสวีฉางหลิน และเหลือบไปมองโจวกุ้ยหลาน ในใจรู้สึกประกังวลยิ่งนัก

ตามปกติและเวลากินอาหาร น้องสาวและน้องเขยมักจะคีบอาหารให้กันเป็นประจำ เหมือนเกรงว่ากลัวผู้อื่นจะไม่รู้ว่าทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน เหตุใดวันนี้จึงดูเงียบเหงานัก

เจ้าก้อนน้อยเห็นท่าทางของทั้งสองคน คิดว่าบิดาท่านแม่ตนทะเลาะกันจึงได้ดึงชายเสื้อของท่านแม่เบา ๆ

โจวกุ้ยหลานก้มหน้าลงเห็นแววตาอันเป็นกังวลของเจ้าก้อนน้อย จึงเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเขา คีบอาหารให้เขาเพื่อให้เขากินข้าวเองต่อ

จากนั้นก็คีบอาหารที่สวีฉางหลินชอบให้แก่เขา

สวีฉางหลินก้มหน้าก้มตากิน แต่ไม่ได้คีบอาหารกลับให้โจวกุ้ยหลานเหมือนเช่นทุกที

หัวใจของโจวกุ้ยหลานจมดิ่งลงอีกครั้ง

นางจึงทำได้เพียงก้มหน้ากินอาหารในชามของตนต่อ

โจวกุ้ยหลานเผยอยิ้มขึ้น “ดึกเพียงนี้แล้วเหตุใดเจ้ายังมิกลับไปพักผ่อน?”

สวีฉางหลินเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ตระหนักว่าบัดนี้ท้องฟ้ามืดลงแล้ว เขาจึงหันกลับไปบอกกับเสี่ยวจิ่วให้รีบพักผ่อนแล้วเดินตามโจวกุ้ยหลานกลับมา

เมื่อเห็นว่าเขาเดินตามออกมาด้วย โจวกุ้ยหลานก็มิได้จ้องมองเขาอีกแล้วกลับไปที่ห้องของตนนอนอยู่ที่บนเตียง

สวีฉางหลินออกไปอาบน้ำ เมื่อกลับมาอีกครั้งเขาก็พบว่าโจวกุ้ยหลานยังนอนอยู่ที่เดิม

เขายังคงทำเช่นเคยนอนลงบนเตียงแล้วเอื้อมมือมากอดภรรยาของตนไว้ในอ้อมแขน

โจวกุ้ยหลานพลิกตัวหันกลับมามองเขาแล้วเอ่ยถามว่า “เจ้าเคยรู้จักกับเสี่ยวจิ่วงั้นหรือ?”

“นอนเถิด” สวีฉางหลินกดศีรษะของนางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของตนแล้วหลับตา เขามิตอบคำถามนั้นของนาง

โจวกุ้ยหลานจะมิเข้าใจการปกปิดโดยเจตนานี้ได้อย่างไร

แม้ในใจของนางจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ในเวลานี้นางมิเคยมิควรเอ่ยถามสิ่งใดเพิ่ม เพราะตั้งแต่พวกเขาแต่งงานกันมา นี่เพิ่งเป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องเช่นนี้ ต่อให้นางจะอึดอัดใจเพียงใด ก็คิดว่าจะให้มันเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้า ๆ

นางหลับตาลงแล้วพลิกตัวกลับไปหันหลังให้สวีฉางหลิน จึงรู้สึกนอนได้สบายขึ้น

ท่ามกลางความงัวเงีย นางก็มิรู้ว่าตนหลับไปเมื่อไร

กระทั่งเช้าวันต่อมา นางพบว่าสวีฉางหลินมิอยู่บนเตียงแล้ว

โจวกุ้ยหลานลุกขึ้นล้างหน้าหวีผมแล้วเดินไปที่ห้อง พบว่าเสี่ยวจิ่วก็มิอยู่ด้วย

นางจึงรีบไปที่ห้องของเจ้าก้อนน้อย พบว่าเขายังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง โจวกุ้ยหลานจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ก็เพียงแค่สหายเก่าเดินทางมาหาเขามิใช่หรือ คงจะมีเรื่องราวมากมายทีเดียวอยากจะสนทนากัน จะคิดมากและน้อยเนื้อต่ำใจไปทำไม” โจวกุ้ยหลานทำกับข้าวตอนเช้าพลางพึมพำกับตนเอง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา