โจวกุ้ยหลานมองไป๋ยี่เซวียนด้วยความแปลกใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานนางก็ได้สติกลับมา
ตำบลเองก็ไม่ได้กว้างใหญ่ เส้นสายของไป๋ยี่เซวียนจะไม่รู้ได้อย่างไร แม้ว่าแต่ละปีนางจะแบ่งซื้อขายเสบียงอาหารกับร้านค้าหลายๆ ร้าน แต่นางก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเงียบๆ ดังนั้นคงไม่มีทางปิดบังจากเขาได้
เมื่อนึกถึงอุโมงค์เก็บข้าวใต้ดินของตัวเอง โจวกุ้ยหลานก็ส่ายหน้า “ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้นตอนไหน วันนี้น้ำท่วม พรุ่งนี้ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงสงคราม เงินสำคัญก็จริง แต่เมื่อถึงเวลาคับขัน สิ่งสำคัญที่สุดก็ยังเป็นอาหารการกิน”
แน่นอนว่ายังมียานานาชนิดอีก หลังจากผ่านช่วงนี้ไป นางยังต้องเรียนรู้เรื่องยาสมุนไพรอย่างจริงจัง ไม่อย่างนั้นหากพบเจอกับเรื่องแบบนี้อีก ทุกๆ คนคงจะตายกันหมด แน่นอนว่าคราวนี้โชคยังเข้าข้าง ทุกคนเพียงแค่เป็นหวัด พอไข้ลดก็หายดีแล้ว
ไป๋ยี่เซวียนขมวดคิ้วแน่น
“แต่พวกเจ้าก็กินข้าวมากขนาดนั้นไม่หมด ถ้าขายให้ข้าตอนนี้ หลังจากนี้เจ้าจะนำเงินที่ได้ไปซื้อข้าวได้มากกว่าเดิมหลายเท่าตัว”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็มาคุยเรื่องธุรกิจอีกครั้งเป็นอย่างไร” โจวกุ้ยหลานเอ่ยอย่างสงบ
ทันทีที่ได้ยินโจวกุ้ยหลานพูดว่าจะทำธุรกิจกับเขา ไป๋ยี่เซวียนก็ได้สติกลับมาทันที
“เจ้าว่ามา”
“จริงๆ แล้วยังมีวิธีปรุงอีกอย่างหนึ่งสำหรับเป็ดเหล่านี้ เราสามารถนำมันมาทำเป็นเป็ดตุ๋นได้ หากบรรจุให้ดีก็จะนำไปขายได้ทั่วแคว้นเหลียง นอกจากนี้ยังไม่ถูกจำกัดแค่อาณาบริเวณเขตโรงเตี้ยมของท่านด้วย” โจวกุ้ยหลานเอ่ยความคิดเห็นของนางขึ้นมา
ไป๋ยี่เซวียนไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งด้วยดวงตาที่เป็นประกาย ถ้าขายได้ทั่วทั้งแคว้นเหลียงจริงๆ ไม่สิ... ยังมีแคว้นน้อยใหญ่ที่อยู่รอบๆ อีก ถึงตอนนั้น...
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนฉลาด ดังนั้นเขาจึงหยุดพูดเรื่องซื้อข้าวทันที “หนึ่งหมื่นตำลึงนั่น ข้าขอเอามาซื้อสูตรของเจ้า!"
ใครจะรู้ว่าโจวกุ้ยหลานจะส่ายหน้า “ไม่ นั่นข้าไม่ขาย”
“ไม่ขาย?” สีหน้าของไป๋ยี่เซวียนชะงักไปทันที
“คราวนี้ข้าต้องการร่วมหุ้น เราจะแบ่งกันห้าสิบห้าสิบ” โจวกุ้ยหลานกล่าว
ไป๋ยี่เซวียนหลุบตาลงนิดหนึ่งเพื่อสำรวมอารมณ์ของตน หลังจากนั้นพักหนึ่งจึงเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน “กุ้ยหลาน สำหรับพวกเรา น้ำใจก็ส่วนน้ำใจ ธุรกิจก็ส่วนธุรกิจ นอกจากคนแล้ว ข้ายังต้องลงทุนทั้งการเงินทั้งสิ่งของ ไหนจะยังมีเครือข่ายของข้า เงินที่ข้าลงทุนไปก็แทบจะเรียกได้ว่าสูญเปล่า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โจวกุ้ยหลานจึงยิ้มและเอ่ยว่า “ยี่เซวียน ท่านลืมไปแล้วหรือว่าไม่มีธุรกิจใดที่ท่านทำร่วมกับข้าแล้วขาดทุนเลย? ในเมื่อข้าพูดเรื่องนี้กับท่าน นั่นหมายความว่าธุรกิจนี้เติบโตได้ง่ายกว่าธุรกิจอื่น แน่นอนว่าหาเงินง่ายกว่าด้วย ไม่อย่างนั้นเหตุใดข้าจึงได้อยากเข้าร่วมธุรกิจนี้เพียงธุรกิจเดียว”
หลายปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็นไก่ทอดหรือปีกไก่ย่าง โจวกุ้ยหลานไม่เคยขอเงินเลยสักแดงเดียว นางเพียงแค่ตกลงว่านางจะเพาะพันธุ์เพื่อจัดหาวัตถุดิบให้ไป๋ยี่เซวียน เหตุผลก็เพราะนางมีจุดแข็งอยู่ตรงนี้ ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือการทำธุรกิจไม่มีทางทำสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว ต้องทำให้คนอื่นได้เงินด้วย ตนเองจึงจะหาเงินได้เยอะขึ้น
ไป๋ยี่เซวียนเอ่ยอย่างไม่ผูกมัดใดๆ “เจ้าพูดสิ่งที่เจ้าคิดมาก่อนเถิด”
“นอกจากจะนำไปทำเป็นแกงหรือนำไปย่างแล้ว ส่วนอื่นของเป็ดยังขายแยกได้อีกด้วย อย่างเช่นคอเป็ด ตีนเป็ด หัวเป็ด ปีกเป็ด หรือเครื่องในเป็ด อีกทั้งยังรสชาติดี ในฤดูร้อนสามารถเก็บไว้ได้นานสองถึงสามวัน ฤดูหนาวสามารถเก็บได้ห้าถึงหกวัน หากคิดวิธีทำถุงบรรจุที่แน่นหนายิ่งขึ้นได้ก็จะยิ่งเก็บไว้ได้นานขึ้น แค่เปิดถุงก็กินได้เลย ไม่ว่าจะกินเป็นกับแกล้มหรือกินเป็นอาหารว่างก็ดีทั้งนั้น”
โจวกุ้ยหลานหยุดไปนิดหนึ่งและเอ่ยต่ออีกว่า “คนหนุ่มสาวอายุน้อยส่วนใหญ่ชอบกินไก่ทอด ส่วนคนมีอายุไม่ค่อยชอบ แต่คนมีอายุชอบสิ่งนี้ หากถึงเวลานั้นท่านทำได้และนำไปขายที่ร้าน ท่านย่อมทำเงินได้มากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าก่อนอื่นท่านต้องหาคนที่มีอิทธิพลมาสร้างกระแสด้วย”
ไป๋ยี่เซวียนเลิกคิ้ว “ก่อนจะพูดถึงเรื่องนี้ รสชาติของอาหารที่ว่านั้นต้องดีพอก่อน”
โจวกุ้ยหลานยิ้มเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ “วางใจได้ คนทั่วๆ ไปต้องชอบแน่นอน”
ตุ๋นพะโล้ในชาติก่อนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า คนส่วนใหญ่ชอบกันมากๆ
ไป๋ยี่เซวียนเงียบลงอีกครั้ง
โจวกุ้ยหลานยิ้มและหยิบพู่กันมาเขียนสูตร จากนั้นจึงเก็บพู่กัน เป่าหมึกให้แห้งและส่งกระดาษให้ไป๋ยี่เซวียน “นี่เป็นสูตรโดยคร่าวๆ ข้าเคยทำกินแล้ว รสชาติก็ไม่เลว แต่ท่านจะให้พ่อครัวของท่านดูหน่อยก็ได้ ว่าพวกเขาจะทำให้ดีขึ้นกว่านี้ได้หรือไม่”
ไป๋ยี่เซวียนพยักหน้าและเก็บใบจดสูตรเอาไว้
จากนั้นเขาจึงคลี่พัดอีกครั้งและถามโจวกุ้ยหลานยิ้มๆ ว่า “ในเมื่อเรามีธุรกิจใหญ่ที่ต้องทำร่วมกัน เช่นนั้นเจ้าจะขายข้าวให้ข้าบ้างได้หรือไม่ อาหารในโรงเตี้ยมก็ต้องมีข้าวด้วยมิใช่หรือ”
โจวกุ้ยหลานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าจะให้ข้าวท่านหนึ่งพันจิน แป้งอีกห้าร้อยจิน ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงิน”
นี่คือของแถม
“จะให้เจ้าขาดทุนได้อย่างไร เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ เจ้าขายข้าวหนึ่งหมื่นจินกับแป้งห้าร้อยสิบจินให้ข้า ข้าจะให้เจ้าสองพันตำลึง”
เขาพูดพลางทำไม้ทำมือ
โจวกุ้ยหลานเม้มปาก “ไม่ขายก็คือไม่ขาย ถ้าให้ข้าหนึ่งหมื่นตำลึงข้าจะไม่ขายอีก!"
ว่าแล้วจึงยัดตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึงใส่มือของไป๋ยี่เซวียน จากนั้นจึงลุกขึ้นตะโกนไปทางห้องครัวว่า “ท่านแม่ ท่านทำอาหารเย็นเสร็จหรือยังเจ้าคะ”
“เสร็จแล้วๆ! ก็เพราะพวกเจ้ายุ่งๆ อยู่มิใช่หรือ ข้าเลยไม่ได้มาเรียกพวกเจ้า” เหล่าไท่ไท่ตอบ
ไป๋ยี่เซวียนมองโจวกุ้ยหลานที่เดินออกไปและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นจึงเก็บเงินในมือเอาไว้
ช่างเป็นสตรีที่ฉลาดจริงๆ ถ้านางเป็นผู้ชาย เกรงว่าเขาเองก็คงจะสู้ไม่ได้...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...