คราวนี้ด้านหลังรถม้าพวกเขายังมีคนของที่ว่าการอำเภอตามมาไม่น้อย เมื่อไปถึงอำเภอถัดไป โจวกุ้ยหลานกับไป๋ยี่เซวียน ก็ซื้อเมล็ดข้าวพันธุ์ส่วนใหญ่ในอำเภอ แล้วให้คนส่งกลับไปก่อน จากนั้นรีบไปอำเภอถัดไป
โจวกุ้ยหลานก็หยิบตั๋วหนึ่งหมื่นตำลึงเงินออกมา ซื้อข้าวโพดไปไม่น้อย ให้คนของที่ว่าการอำเภอส่งกลับไป
สุดท้ายเมื่อทุกคนกลับไปแล้ว ไป๋ยี่เซวียนกับโจวกุ้ยหลานสองคนซื้อเมล็ดข้าวพันธุ์เกือบหมดในหลายอำเภอใกล้เคียง และยังซื้อวัตถุดิบยาทั่วไป แล้วให้พวกคนลากกลับไป ถึงได้เดินทางต่อ
ตลอดการเดินทางที่เหลือไม่ได้เห็นผู้ลี้ภัยแล้ว หลายคนก็เริ่มผ่อนคลาย พักผ่อนเมื่อถึงเวลาพัก และกินข้าวเมื่อถึงกินข้าว
ตอนเดินทางก็พบปัญหาเล็กน้อยบ้างเป็นครั้งคราว แล้วถูกไป๋ยี่เซวียนการแก้จนหมด
เมื่อพวกเขามาถึงประตูเมืองหลวง โจวกุ้ยหลานก็ทอดถอนใจว่าคราวนี้โชคดีที่มาที่นี่พร้อมกับไป๋ยี่เซวียนไม่อย่างนั้นตอนเดินทางก็ไม่อาจบอกได้ว่าจะมีเรื่องยุ่งยากมากน้อยเพียงใด
“เมื่อเข้าเมืองแล้ว พวกเจ้าต้องการตามไปพักบ้านพวกข้าสักหน่อยไหม”
“ไม่รบกวนเจ้าแล้ว พวกข้าหาโรงเตี๊ยมสักที่พักก่อนดีกว่า” โจวกุ้ยหลานปฏิเสธ
ไป๋ยี่เซวียนพยักหน้า “ก็จริง ตามข้ากลับไปอยู่ด้วยยังไม่สบายเท่าอยู่โรงเตี๊ยม”
เมื่อรู้ว่ามีนัยในคำพูดของเขา โจวกุ้ยหลานก็ไม่ได้สาวถึงแก่นแท้ พูดคุยกับเขาอีกสองสามคำ หลังจากคนได้เข้ามาในเมืองแล้ว ไป๋ยี่เซวียนช่วยโจวกุ้ยหลานไปโรงเตี๊ยมหรูอี้ในเมืองก่อนเพื่อหาห้องเข้าพัก จากนั้นเขาก็จากไปพร้อมกับทหารองครักษ์
หลังจากเข้าพักในโรงเตี๊ยมแล้ว เริ่มแรกโจวกุ้ยหลานก็ให้คนรับใช้เตรียมน้ำอาบ นางช่วยเด็กสองคนขัดผิวจนสะอาด จากนั้นสั่งอาหารสามจานและน้ำแกงหนึ่งชาม ทั้งสามคนนั่งที่โต๊ะเพื่อทานอาหาร
“ท่านแม่ พวกเราจะได้เจอท่านพ่อเมื่อไรหรือ” รุ่ยหนิงถือตะเกียบ ขณะในปากกินอย่างมูมมาม ก็ถามขึ้น
โจวกุ้ยหลานก็คีบอาหารลงในชามของตัวเอง “พวกเราพักผ่อนกันก่อน แล้วค่อยสอบถามผู้อื่นว่าพ่อเจ้าได้มาถึงเมืองหลวงหรือยัง”
“ท่านพ่อยังไม่มาหรือ” รุ่ยอานไม่สบายใจเล็กน้อย
โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า “แม่ก็ไม่รู้เช่นกัน พรุ่งนี้พวกเราไปสอบถามกันเถอะ”
รุ่ยหนิงปรบมืออย่างยินดี “หนิงหนิงจะได้เจอท่านพ่อแล้ว!”
“ใช่ๆ ดังนั้นก่อนเจอพ่อ เจ้าต้องกินให้อิ่ม ให้โตขึ้นหน่อย แบบนี้พ่อถึงจะชอบเจ้า”
พอหลอกล่อแล้ว เด็กทั้งสองก็กินเข้าไปไม่น้อย
หลังจากนั่งบนเตียงได้สักพัก เด็กทั้งสองก็ผล็อยหลับไป
หลังจากตะลอนเดินทางนานกว่าสองเดือน พวกเขาเหนื่อยมากจริง ๆ
รอจนพวกเขาผล็อยหลับไป โจวกุ้ยหลานก็ส่งคนไปเอาน้ำมา อาบน้ำจนสบายตัว ก็นอนลงบนเตียงหลับสบายตลอดคืน
ร่างกายที่ใช้งานหนักมาสองเดือน ก็เหนื่อยล้าไปหมด ไม่นาน นางก็ผล็อยหลับไปด้วยความง่วงงุน
อีกด้านหนึ่งในเมืองหลวง
เงาร่างเดียวดายยืนอยู่กลางลาน เงยหน้าขึ้นมองจันทร์ที่สว่างไสวบนท้องฟ้า หยุดนิ่งเป็นเวลานาน
ไม่นาน เงาร่างสตรีชุดดำก็ปรากฏตัวขึ้นกลางลาน คุกเข่าข้างหนึ่งหันให้เขา
“อาจิ่วเข้าพบนายพล!”
ท่ามกลางแสงจันทร์ สวีฉางหลินหันกายมา มองสตรีที่คุกเขาอยู่ตรงพื้น ขมวดคิ้วแน่น “นางมาเมืองหลวงแล้ว?”
“ฮูหยินท่านนายพลพานายน้อยสองคนมาตามหาท่านเจ้าค่ะ”
อาจิ่วก้มหน้าต่ำ แล้วรายงานตามจริง
สวีฉางหลินผินหน้ามา แสงจันทร์ฉายส่องประกายแสงสีทองบนใบหน้าข้างหนึ่งของเขา ส่วนอีกด้าน กลับซ่อนอยู่ในความมืดมิด
คิ้วงามขมวดมุ่น ร้อนใจเล็กน้อย “เจ้าควรขัดขวางนางไว้”
อาจิ่วชะงัก แล้วพูดว่า “คุณชาย ท่านให้ข้าปกป้องคุณฮูหยินอย่างลับ ๆ หากข้ายื่นมือออกไป นางต้องรู้ถึงการมีตัวตนของข้าแน่”
“ช่างเถอะ เจ้ายืนมือไปก็ขวางนางไว้ไม่อยู่”
สวีฉางหลินยกมือขึ้น สะบัดมือ
อาจิ่ว “...”
ทำไมถึงรู้สึกเหมือนตัวเองโดนดูถูกเลย?
แล้วสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่า คือนางยังรู้สึกว่าคุณชายพูดถูกต้อง...
“ปกป้องนางให้ดี และอย่าให้นางเข้าใกล้ข้าได้”
อาจิ่วดันทุรังต่อว่า “แต่ข้าหยุดรั้งคุณฮูหยินไม่ได้”
“โรงเตี๊ยมก็เป็นเขาช่วยคุณฮูหยินหาอีกด้วย ก่อนคุณฮูหยินเข้าเมือง รู้สึกขอบคุณเขาอยู่ตลอด และคิดว่าล้วนเพราะความช่วยเหลือของเขาที่ทำให้มาถึงเมืองหลวงได้อย่างราบรื่น”
สวีฉางหลินกัดฟัน “อาจิ่วระวังท่าทีเจ้าด้วย!”
“เจ้าค่ะ!ข้าน้อยขอลา”
อาจิ่วกลับมาตอบอย่างเย็นชาตามปกติของนาง หยัดกายแล้วถอยกลับเข้าไปในความมืดมิดอีกครั้ง
สวีฉางหลินไม่อาจทำตัวสูงส่งเหมือนก่อนหน้าได้อีก เดินวนไปวนมาในลาน ความงุ่นง่านในใจทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
เขาว่าแล้ว !ไป๋ยี่เซวียนมองหาโอกาสที่จะเอาอกเอาใจกับภรรยาของเขา ตอนนี้ก็กลับมาที่เมืองหลวงพร้อมกับภรรยาเขา!
ความทะเยอทะยานที่โฉดชั่ว ประจักษ์ชัดแจ้งแล้ว!
สำคัญที่สุด คือภรรยาตัวน้อยไม่มีความระแวดระวังเลยสักนิด!
แย่แล้ว เขาต้องไปพบภรรยาตัวน้อย ต้องไปให้ภรรยาตัวน้อยอยู่ข้างกาย ต้องรีบแย่งภรรยาตัวน้อยกลับคืนมา!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ก็สาวเท้าไปที่ประตู วินาทีต่อมา เขาสัมผัสถึงอันตรายจากข้างหลัง เบี่ยงกายหลบไปด้านข้าง ไม่นาน ก็มีลูกธนูปักที่ประตู
ต่อมา ก็มีเสียง “พึ่บพั่บ” ดังขึ้น ลูกธนูหางสั้นหลายดอกพุ่งหาเขา เขาเบี่ยงกายหลบทีละอัน
แล้วเงยหน้าขึ้นไป ทั้งในลาน และบนหลังคา มีชายชุดดำยืนเต็มไปหมด...
ตอนโจวกุ้ยหลานตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ฟ้าด้านนอกก็สว่างโพลงแล้ว
หลังจากไม่ได้นอนขี้เกียจมานานนางก็ถูไถกับที่นอนอยู่พักหนึ่ง แล้วลุกขึ้นหาว
หลังแต่งตัวเสร็จแล้ว เด็กทั้งสองคนยังไม่ตื่นนอน คงเพราะว่าช่วงนี้เหนื่อยกันเกินไป
โจวกุ้ยหลานก็ไม่ได้เรียกพวกเขา ตัวเองไปหาคนรับใช้เพื่อขอน้ำล้างหน้าล้างตา แล้วสั่งอาหารเช้ามื้อหนึ่ง มานั่งกินในห้อง
อาหารเช้าที่มาส่งคือปิ่งงาอย่างหนึ่ง นางไม่เคยกินมาก่อน แต่ว่ารสชาตินั้นไม่เลวเลย
กินเสร็จ นางก็บิดขี้เกียจอีกครั้ง ปิดหน้าต่างแล้วมองลงไป
ห้องพักนางอยู่ชั้นสอง ซึ่งหันหน้าไปทางถนน ตอนที่มองไปข้างนอก ผู้คนผ่านไปผ่านมา มีแผงลอยออกมาตั้งไม่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...