นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา นิยาย บท 320

“ข้าเป็นภรรยาของสวีฉางหลินจริง ๆ ทั้งสองนี่ก็เป็นลูกชายของสวีฉางหลิน!ข้างกายเขามีสตรีนางหนึ่งชื่ออาจิ่ว เจ้าช่วยข้าตามนางที นางยืนยันว่าข้าเป็นภรรยาของสวีฉางหลินได้!”

จู่ ๆ โจวกุ้ยหลานก็นึกถึงอาจิ่วในชุดดำ และพูดอย่างเร่งรีบ

ณ เวลานี้สวีฉางหลินยังไม่ได้สติ มีเพียงการตามหาอาจิ่วซึ่งเป็นคนเดียวที่รู้จักฐานะของนาง ถึงจะพิสูจน์ตัวตนของนางได้

แต่วินาทีต่อมา คำพูดของยามคุ้มกันก็ทำให้นางสิ้นหวังมากขึ้น

“จวนหู้กั๋วกงไม่มีคนผู้นี้ หากเจ้ายังไม่ไป พวกข้าจะส่งเจ้าไปหาเจ้าหน้าที่จริง ๆ แล้ว!”

หนึ่งในยามคุ้มกันพูดขู่

ไม่มีคนผู้นี้...ไม่มีคนผู้นี้...

โจวกุ้ยหลานสิ้นหวัง นางก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักอาจิ่ว

ขณะกำลังคิด ก็เห็นสาวใช้คนหนึ่งหอบเทียนขาวหลายเล่มเข้าประตูเล็ก

ในหัวโจวกุ้ยหลานส่งเสียง “หึ่ง ๆ ” ตลอดเวลา สวีฉางหลิน...สวีฉางหลินกำลังจะตายจริง ๆ หรือ

เสี่ยวเทียน จริงสิ ยังมีเสี่ยวเทียน!

“สวีฉางหลินมีเด็กคนหนึ่ง ชื่อสวีเสี่ยวเทียน เจ้าไปถามเขา ข้าเป็นแม่ที่เลี้ยงดูเขามา เขาต้องจำข้าได้แน่!”

โจวกุ้ยหลานราวกับคว้าความหวังสุดท้ายเอาไว้ พูดกับยามคุ้มกันทั้งสองอย่างกระวนกระวายใจ

ยามคุ้มกันทั้งสองขมวดคิ้วอีกครั้ง “ไม่มีเด็กชื่อเสี่ยวเทียนในจวนหู้กั๋วกงของพวกข้า เจ้ารีบไปซะ!”

ขณะพูด ก็ผลักโจวกุ้ยหลานอย่างดุดัน

ทั้งร่างโจวกุ้ยหลานทรงตัวไม่ได้ก็ถอยหลังครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วล้มตัวลงกับพื้น ใช้เพียงมือข้างหนึ่งค้ำร่าง ถึงจะได้ไม่กดทับเด็กทั้งสอง

ความเจ็บปวดแผ่กระจายบนมือ แต่กลับไม่อาจต้านความเจ็บปวดในหัวใจได้เลย

ทำไมถึงไม่มี ทำไมถึงไม่มีเสี่ยวเทียน สวีฉางหลินเอ็นดูเสี่ยวเทียนขนาดนั้น ย่อมต้องให้เขาอยู่ข้างกายแน่...

“ท่านแม่!” รุ่ยอานปีนขึ้นมา แขนเล็ก ๆ โอบรอบคอของโจวกุ้ยหลาน เรียกอย่างเป็นห่วง

เสี่ยวรุ่ยหนิงก็ลงมาจากหลังของโจวกุ้ยหลาน สัมผัสหยาดน้ำตาบนใบหน้าของโจวกุ้ยหลาน “ท่านแม่ไม่ร้องนะ หนิงหนิงจะเป่าหู่วหู่วให้ท่าน”

ขณะพูด ก็เป่าเข้าไปที่ดวงตาของโจวกุ้ยหลาน

โจวกุ้ยหลานแสบจมูก มองรุ่ยอาน แล้วหันหน้าไปมองรุ่ยหนิง ก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีก กอดทั้งสองคน ซบศีรษะลงที่บ่าของทั้งสอง ปล่อยโฮออกมาเสียงดัง

สวีฉางหลินตายแล้ว บุรุษที่ชอบหึงหวงไม่มีเหตุผลตลอดเวลาตายแล้ว พ่อของเด็ก ๆ ไม่มีอีกแล้ว...

เขาบอกชัดเจนว่าจะกลับมาหา!

บอกชัดเจนแล้ว!

ทำไมเขาถึงตายได้เล่า

ร้องไห้จนดวงตาพร่าเลือน นางเห็นรอยเท้าชายคู่หนึ่งเข้ามา นางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นทั้งร่างไป๋ยี่เซวียนในชุดสีขาวยืนอยู่ตรงหน้านาง

“ไป๋ยี่เซวียนสวีฉางหลิน...สวีฉางหลินอาจจะตาย...ตายแล้ว...” โจวกุ้ยหลานสะอึกหลายครั้ง รู้สึกคลื่นไส้ในใจ นางดึงเด็กทั้งสองออกไป ก้มหน้าลง และอาเจียนลงกับพื้น

ต่อมา ของในกระเพาะของนางล้วนอาเจียดออกหมด แล้วยังขย้อนอีกครั้ง

เด็กทั้งสองก็ไม่รู้ว่าท่านแม่ของตัวเองเป็นอะไรไป จึงยกมือช่วยนางลูบหลัง โจวกุ้ยหลานราวกับไม่รับรู้ถึงเด็กทั้งสอง ยังคงขย้อนต่อ

ไป๋ยี่เซวียนถอนหายใจ ย่อกายลง ช่วยนางตบสองสามครั้ง จากนั้นก็อุ้มนางขึ้นมาทั้งตัว หันกาย เดินไปที่รถม้าของตัวเอง

เด็กทั้งสองเดินตามแม่ของพวกเขาไปติด ๆ เท้าน้อย ๆ วิ่งไปข้างหน้าอย่างมุ่งมานะ พยายามจะตามให้ทัน

พยายามจะกลืนลงไป ที่ลำคอก็เจ็บปวดขึ้นมา

“ข้าไปสอบถามมาแล้ว สวีฉางหลินเพียงอาการแย่ลง ครอบครัวของพวกเขาจึงเตรียมสิ่งเหล่านั้นไว้ก่อน ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวล” ไป๋ยี่เซวียนยังคงอดกลั้นไม่ได้ ที่จะบอกข่าวคราวที่ตัวเองทราบให้สตรีตรงหน้า

โจวกุ้ยหลานเงยหน้าขึ้น สายตามึนงงก็มีเสี้ยวความร้อนใจพาดผ่าน

ใจของไป๋ยี่เซวียนสั่นสะท้าน จากนั้นก็ระงับอารมณ์ และพูดต่อ “แต่เจ้าต้องเตรียมใจให้พร้อม ได้ยินว่าหมอหลวงก็ไร้หนทางช่วย”

“เจ้าพาข้ากับลูกทั้งสองไปพบเขาได้หรือไม่ เพียงแค่เจอหน้า!” โจวกุ้ยหลานอดไม่ได้ที่จะคว้าแขนเสื้อของเขา ถามอย่างประหม่า

ไป๋ยี่เซวียนก้มหน้าลงมองไปที่มือที่กำเสื้อผ้าของเขาแน่น ผ่านชั้นเนื้อผ้าที่กั้นไว้ เขาสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิของนางอย่างชัดเจน

เขาเปิดปาก เพราะในที่สุดก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “จวนหู้กั๋วกงปิดประตูไม่ต้อนรับแขกเสมอ แม้แต่ข้าราชบริพารทุกขั้นก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป...”

แววตาโจวกุ้ยหลานหม่นหมอง แล้วค่อย ๆ คลายมือออก

ใช่แล้ว ช่วงนี้ที่จวนหู้กั๋วกงนอกจากองค์หญิงอานผิง ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าไป นางก็น่าจะรู้แก่ใจอยู่แล้ว

“กุ้ยหลาน เจ้าดูแลร่างกายให้ดีก่อนเถอะ พอถึงตอนนั้นข้าจะลองพยามยามอีกครั้ง ว่าจะหาทางเข้าไปได้หรือไม่”

ไป๋ยี่เซวียนทนไม่ได้ที่จะเห็นนางในสภาพนี้ จึงได้แต่กัดฟันปลอบโยนนาง

โจวกุ้ยหลานพยักหน้า บังคับตัวเองให้กินโจ๊กสองสามคำก่อนที่จะกลืนไม่ลงอีก ไป๋ยี่เซวียนก็ไม่ได้บังคับนาง รับชุดชามและตะเกียบนั้นมา แล้ววางลงบนโต๊ะ

หลังจากกลับมานั่งลง เขาให้โจวกุ้ยหลานนอนพักสักหน่อย โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า บอกว่าตัวเองนอนไม่หลับแล้ว แค่อยากนั่งพักสักครู่

เขาก็เป็นคนที่โน้มน้าวใจคนไม่เก่ง จึงทำได้เพียงถือถาดออกไป

โจวกุ้ยหลานลูบหัวเด็กทั้งสอง มองไปที่ปลายเตียงอย่างนิ่งเงียบและเหม่อลอย

นับตั้งแต่ที่คนของจวนหู้กั๋วกงซื้อพวกของไว้ทุกข์ไปไม่น้อย ทั้งเมืองหลวงก็ตกอยู่ในความโกลาหลอีกครั้ง มีข่าวลือแผ่ไปทั่วว่านายพลสวีกำลังจะเสียชีวิต หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวจากชายแดนก็มาอีกครั้ง แคว้นศัตรูที่เดิมถูกนายพลสวีตีกลับไปจนล่าถอยกลับมาลอบโจมตีเมืองแถบชายแดนอีกครั้ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา