ยิ่งคิด นางก็ยิ่งหน้าแดง
เฮ้อ น่าอายจริงๆ
นางดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวตัวเองไว้ ราวกับนกกระจอกเทศ
นอนนอน ยังมีเทพตัวน้อยนอนอยู่ข้างๆ นางกลับคิดเรื่องพวกนี้
สวีชางหลินเดินออกมาจากบ้านใหม่ เดินไปใกล้โอ่งน้ำแล้วตักน้ำขึ้นมาหนึ่งถัง ราดตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า
น้ำเย็นดับไฟในกายได้บางส่วน แต่ก็ทรมานอย่างมาก
กว่าจะสร้างบ้านใหม่เสร็จ อดทนมาตั้งนานขนาดนี้ ส่งลูกชายไปนอนคนเดียว แล้วคิดว่าจะได้นอนกับภรรยาตนเอง สุดท้ายละ?
ลูกชายวิ่งกลับมาอีกแล้ว
คิดถึงท่าทีหยาดหยิ้มของโจวกุ้ยหลานเมื่อกี้ ไฟในกายของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมา
ไม่ได้ พรุ่งนี้จะต้องพาสวีเทียนไปที่บ้านแม่ยาย เขาอายุสามขวบแล้ว ควรที่จะนอนคนเดียวได้แล้ว
ตากลมอยู่ข้างนอกกว่าครึ่งชั่วโมง รอเมื่อเสื้อผ้าแห้งแล้ว เขาค่อยกลับเข้าไปในห้อง ปิดประตูเรียบร้อยแล้ว กลับไปนอนลงบนเตียง โอบกอดเจ้าก้อนน้อยกับภรรยาแนบอก
เจ้าก้อนน้อยนอนหลับแล้ว ขาน้อยๆขยับสองที สวีชางหลินไม่หายโมโห เอื้อมมือตบก้นเขาเบาๆสองที แล้วค่อยนอนลง
ค่ำคืนนี้ โจวกุ้ยหลานฝันเห็นสวีชางหลิน ทั้งสองคนจูบกันทั้งคืน
รอเมื่อเขาตื่นขึ้นมา รู้ตัวว่าตนเองฝันไป ก็รู้สึกแย่
โถ่ๆ นี่นางฝันเปียกหรือ?
มองดูเจ้าก้อนน้อยที่ยังนอนหลับอยู่ นาง รีบลุกขึ้นมาอย่างรู้สึกผิด
รอเมื่อนางออกมา ก็ไม่เห็นสวีชางหลินแล้ว
คงจะไปล่าสัตว์อีกแล้วแหละ
โจวกุ้ยหลานวิ่งไปให้อาหารไก่ จูงแพะออกมา มองดูรังนกกระทา แล้วก็เห็นว่าออกไข่เพิ่มอีกหลายลูก
เก็บไข่ แล้วนางก็วิ่งไปทางทิศเหนือ เก็บโยนผ้าห่มขาดๆพวกนั้นทิ้งไป วางไข่นกกระทาไว้ด้านบน ไปเอาไข่ไก่และไข่นกกระทาทั้งหมดในบ้าน วางไว้บนหลุม เมื่อนับดูมีไข่ไก่ยี่สิบฟอง ไข่นกกระทายี่สิบห้าลูก
เอาฟืนมาแล้วก็เริ่มจุดเตา เมื่อก่อนไม่มีหลุม และก็ไม่ใช่ฤดูกาล นางไม่มีหนทางเริ่มแผนการเพาะเลี้ยงของนาง ตอนนี้ดีแล้ว สามารถฟักไข่ด้วยตนเอง กิจการงานเพาะเลี้ยงของนางก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
แตะอุณหภูมิ คาดว่าพอประมาณแล้วค่อยออกมา แล้วไปยังที่บ้านไม้ เอาไส้เดือนที่ตนเองเลี้ยงไว้ที่นั่นแบ่งออกเป็นอีกอ่างขนาดใหญ่ แล้วออกไปขุดดิน นางมองดูอ่างไส้เดือนขนาดใหญ่สองอ่าง อย่างพอใจมาก
ทำพวกนี้เสร็จ นางค่อยไปทานข้าว เก็บรวบรวมเสื้อผ้าทั้งสามคนใส่ไว้ในอ่างไม้ แล้วนำไปซักที่ลำธาร
ก่อนหน้านี้เพื่อล้างไส้ใหญ่ นางจึงไปซักเสื้อผ้าในลำธารอีกฟากหนึ่งของภูเขา แต่ข้างลำธารไม่มีที่ทุบเสื้อผ้า นางจึงรู้สึกว่าเสื้อผ้าซักไม่สะอาด
ครั้งนี้จึงตัดสินใจไปซักเสื้อผ้าที่ลำธาร
เวลานี้มีผู้หญิงสองคนซักผ้าอยู่ที่ลำธารแล้ว เห็นนางไป ก็หยุดพูดคุยกัน
โจวกุ้ยหลานเดินไปอย่างปกติ พร้อมพูดขึ้นว่า “อาสะใภ้ชุ่ยฮวา พี่สะใภ้ไห่เซีย”
ทั้งสองคนต่างพูดขึ้นมาอย่างเก้อเขิน เห็นโจวกุ้ยหลานคุกเข่าอยู่ข้างลำธาร แล้วก็เริ่มซักผ้า
ชุ่ยฮวาเป็นคนใจร้อน เก็บความในใจไว้ไม่ได้ จึงพูดขึ้นว่า “กุ้ยหลาน บ้านใหม่ของเจ้าสร้างเสร็จแล้วหรือ?”
โจวกุ้ยหลานก็ไม่ได้จะต้องปิดบังอะไร จึงพูดขึ้นว่า “เมื่อวานเพิ่งสร้างเสร็จเลย”
โจวกุ้ยหลานแทบจะหัวเราะออกมา คนคนนี้โง่หรือเปล่า ที่พูดออกมาเช่นนี้ นี่ไม่เป็นการทำให้นางกับผู้ชายที่บ้านของนายอับอายขายหน้าหรือ? ยังทำให้บ้านคนอื่นที่เบี้ยวนัดนางก็เสียหน้าไปด้วย
ดูพี่สะใภ้ไห่เซียฉลาดแค่ไหน จนสีหน้าเปลี่ยนไปแล้ว
“เฮ้อ ดูเรื่องที่เกิดขึ้นสิ ข้าก็ไม่รู้ว่าที่แท้พี่สะใภ้ชุ่ยฮวานคิดแบบนี้ นี่ปล่อยให้คนหมู่บ้านใกล้เคียงได้เงินไปเสีย!” พูดเสร็จ โจวกุ้ยหลานยังแสดงสีหน้าเสียดาย
ใบหน้าแสดงท่าทีแบบนี้ แต่มือเคลื่อนไหวอยู่อย่างไม่หยุด
นางอยากที่จะให้คนที่เบี้ยวนัดนางพวกนี้เสียใจ เชอะ เสียใจไปเถอะ
ในความทรงจำของนาง เมื่อหลายบ้านพวกนี้มีงาน พี่ชายของนางล้วนไปช่วยตลอด
เมื่อโจวกุ้ยหลานพูดความคิดในใจของหูไห่เสียกับหวังชุ่ยฮวาออกมา พวกนางต่างก็เสียใจ นี่ล้วนเป็นเงินของพวกนาง ถูกคนหมู่บ้านอื่นได้ไปแล้ว
“ต้องโทษคนปากเสียพวกนั้น” คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หวังชุ่ยฮวาอดไม่ได้ที่จะกัดฟันพูดขึ้นมา
หูไห่เสียที่อยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้พูดขึ้นมาว่า “ต้องโทษพวกคนปากไม่ดีพวกนั้น”
โจวกุ้ยหลานได้ยิน แล้วก็จดจำไว้ในใจ
โย้ เรื่องนี้ยังมีความในแอบแฝงด้วยหรือ
“ทำไมถึงพูดเช่นนี้?” นางถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
หูไห่เสียหุบปากอีกครั้ง แต่สีหน้ายังคงย่ำแย่อย่างมาก
หวังชุ่ยฮวากลับเป็นคนที่เก็บความลับอะไรไม่ได้เหมือนอย่างนาง พูดขึ้นทันทีว่า “วันนั้นสามีของข้าตอบตกลงต้าไห่แล้ว คิดไว้ว่าเช้าวันที่สองก็จะไปช่วยงาน ตอนกลางคืนไปนั่งคุยกันกับคนในหมู่ใต้ต้นไทรใหญ่ ใครจะไปคิดว่าทุกคนต่างพูดว่าสามีของเจ้าได้เงินสกปรกเอามาสร้างบ้าน บอกว่าสามีของเจ้าฆ่าคนปล้นเงินแล้วย้ายมาอยู่บนเขา”
“ใครเป็นคนพูด?” สายตาโจวกุ้ยหลานหรี่ลง พร้อมถามขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...