เหล่าไท่ไท่ชะงักไป คิดไม่ถึงกับเรื่องนี้
คราวนี้เสียงด่าจึงหยุดลง
คนที่แอบเรียนรู้ยังอยากเรียนต่อไป ทำได้แต่ต้องกลับไปทำงานของตัวเอง
“โอ้ยยัยเด็กนี่ทำไมไม่พูดให้เร็วกว่านี้ล่ะ ถ้าเรื่องนี้กระจายออกไป พี่ชายเจ้าจะหาคู่แต่งงานได้ยังไง!” พูดอย่างนั้นแล้วเหล่าไท่ไท่ก็ตีแขนโจวกุ้ยหลาน
โจวกุ้ยหลานรู้สึกว่านางถูกทารุณเสียยิ่งกว่านางเอกละครน้ำเน่าเสียอีก แต่เมื่อคิดถึงที่ว่าท่านแม่โกรธแทนนาง นางจึงไม่ใส่ใจ รีบชวนเหล่าไท่ไท่ให้ตามนางไปพักในบ้าน
เมื่อเข้าไปในบ้าน เหล่าไท่ไท่ไปเอาตะกร้าเย็บปักถักร้อยในห้องตัวเองมาเริ่มเย็บเสื้อผ้า
“พี่ใหญ่ของเจ้านี่ก็จริงๆ เลย เมื่อวานไปหาก็ไม่เห็นมีเรื่องนี้ กลับมาก็ไม่บอกข้า!”
พูดแล้วยังโกรธไม่หาย
โจวกุ้ยหลานรีบปกป้องพี่ชายตัวเอง “ข้าเองแหละที่ไม่ให้พี่ใหญ่บอกท่านแม่ ไม่อย่างนั้นท่านแม่ก็ต้องอารมณ์เสียไม่ใช่เหรอ ข้าอยากให้ท่านแม่รู้เรื่องวันนี้แต่ท่านแม่ด่าไปซะนานนี่นา!”
“แล้วทำไมจะไม่ด่าล่ะ ไม่งั้นคนอื่นจะคิดว่าเราอ่อนแอไร้ทางสู้น่ะสิ!”
โจวกุ้ยหลานช่วยคลายอารมณ์ให้เหล่าไท่ไท่ พูดพร้อมกับยิ้มตาหยี “ลูกสาวของท่านแม่จะไม่ให้ตัวเองต้องกล้ำกลืนยอมทน ไม่ช้าก็เร็วเราต้องแก้แค้น จริงสิ ของของพี่ใหญ่เตรียมไว้แล้วหรือยัง ต้องไปพรุ่งนี้แล้วนะ”
“เตรียมไว้แล้ว แป้งที่เจ้าเอามาเมื่อวานนั่นก็พอแล้ว” เหล่าไท่ไท่คลายอารมณ์ น้ำเสียงนั้นดีขึ้นไม่น้อย
เมื่อวานเอาแป้งมาไม่เท่าไรเอง ถ้าเอาไปหมดแล้วพวกเขาจะกินอะไร
“ท่านแม่เอาไข่ไปแล้วเก็บแป้งไว้กินเอง ท่านแม่กับพี่ใหญ่ต่างผอมเหมือนกัน จึงต้องกินดีๆ” โจวกุ้ยหลานเกลี้ยกล่อม
เหล่าไท่ไท่นำเสื้อผ้าไปเปรียบเทียบตรงหน้าโจวกุ้ยหลาน พิจารณาใกล้ๆ แล้วเย็บเสื้อผ้าต่อ
“พวกไข่เอาไว้ขายได้ เอาแป้งไปเถอะ ถ้าดูตัวได้ การแต่งงานยังต้องใช้เงินจำนวนมาก จริงสิ เจ้าบอกฉางหลินเรื่องยืมเงินหรือยัง”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เหล่าไท่ไท่จึงนึกถึงเรื่องเงินเรื่องทองขึ้นมาได้
โจวกุ้ยหลานถอดรองเท้าและนั่งไขว่ห้างบนเตียงเตา “บอกแล้ว เขาบอกว่าจะให้พี่ใหญ่ยืมสิบตำลึง”
“สิบตำลึง?!”
เหล่าไท่ไท่ร้องอุทานแล้วตามด้วยเจ็บที่มือ นางมองดู โอ๊ย เมื่อครู่เข็มแทงจนเลือดออก
นางรีบเอานิ้วเข้าปากดูดแล้วบ้วนเลือดทิ้ง
“ท่านแม่ ทำไมท่านไม่ระวังเลย มือเลือดออกหมดแล้วเนี่ย!”
โจวกุ้ยหลานปวดใจมาก ยื่นมือจะไปจับมือของเหล่าไท่ไท่
เหล่าไท่ไท่เบี่ยงมือทันทีไม่ให้นางจับ
จากนั้นรีบลุกขึ้นจากเตียงเตา วิ่งออกไปมองรอบๆ เมื่อไม่เห็นว่ามีคนก็รู้สึกโล่งใจ จึงรีบปิดประตูห้องโถงและลงกลอนประตูหลังอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบเดินเข้ามาปิดประตูห้องตัวเอง
โจวกุ้ยหลานมองดูการกระทำของนางแล้วส่ายหน้าซ้ำๆ
เหล่าไท่ไท่ขี้ระแวงจริงๆ และอีกเดี๋ยวคงมาสอบสวนนาง
เป็นอย่างที่คาด หลังจากเหล่าไท่ไท่นั่งลงบนเตียงเตาอีกครั้ง ดวงตาคู่เล็กจับจ้องโจวกุ้ยหลาน “บ้านเจ้ามีเงินสิบตำลึงเลยเหรอ”
โจวกุ้ยหลานไม่คิดปิดบังเหล่าไท่ไท่ จึงพยักหน้าตอบรับ
“ไปเอามาจากไหน ไม่ใช่ว่าฉางหลินจะ...” นางพูดแล้วยกมือทำท่าเชือดคอตัวเอง
ยังคงมีสีหน้าระแวงระวัง
โจวกุ้ยหลานเหงื่อตก
เหล่าไท่ไท่คิดถึงสิ่งนี้ได้ยังไง
แต่เมื่อคิดถึงชื่อเสียงในหมู่บ้านของสวีฉางหลิน นางก็เข้าใจได้
“โอ๊ยไม่ได้นะ เจ้ารีบกลับมาอยู่ที่นี่เลย แล้วเลิกกับสวีฉางหลินซะ กลับมาๆ แม่จะเลี้ยงเจ้าเอง!”
พูดจริงๆ นางเป็นคนที่ได้เงินนี้มา อย่างสะอาดหมดจดจริง
ใจเหล่าไท่ไท่ค่อนข้างเข้าข้างความพูดของโจวกุ้ยหลาน นางก็ไม่อยากให้ลูกเขยตัวเองเป็นฆาตกร...
“จะมีธุรกิจอะไรที่ทำเงินได้มากขนาดนี้” เหล่าไท่ไท่ถามอย่างทนไม่ไหว
โจวกุ้ยหลานยิ้มจนเห็นฟัน “ฮิฮิ...ไม่บอกท่านแม่หรอก!”
เหล่าไท่ไท่โมโหจนแทบเอารองเท้าตีนาง
“ยัยเด็กนี่ยังจะปิดบังแม่อีก! มีเรื่องดีๆ ก็ไม่แบ่งปันพี่ชายเจ้า เลี้ยงเสียข้าวสุก!”
“นั่นเป็นการทำธุรกิจกันแค่ครั้งเดียว ต่อไปจะไม่มีอีก เงินที่ได้มาข้าก็เอาไปช่วยพี่ใหญ่แต่งงานไม่ใช่เหรอ” โจวกุ้ยหลานอธิบายทันที
ถ้าพูดไม่ชัดเจน เหล่าไท่ไท่จะจำไว้ในใจ แล้วนางจะอยู่ดีไม่ได้เลยในวันหลัง
รู้ที่มาของเงินแล้วเหล่าไท่ไท่ก็โล่งใจ
ที่ลูกสาวตัวเองพูดก็ถูก นางมีเงินแล้วก็เอามาช่วยเหลือครอบครัวไม่ใช่เหรอ
“โอ้ย เงินสิบตำลึง! มันพอแล้วที่จะให้พี่ชายเจ้าแต่งงานพาสาวสวยกลับมา!” เหล่าไท่ไท่ยิ้มเมื่อนึกถึงเงินสิบตำลึง
นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดี
โจวกุ้ยหลานเองก็สุขใจ อย่างที่คิดเอาไว้เลย ความรู้สึกของการมีเงินนั้นดีจริงๆ
เหล่าไท่ไท่นั่งบนเตียงเตาอีกครั้ง ยกขาพับขึ้นแล้วเข้าใกล้โจวกุ้ยหลาน “เจ้าบอกมาซิว่าเจ้าหาเงินได้เท่าไร”
“ก็แค่นั้นแหละ!” โจวกุ้ยหลานแกล้งทำเป็นโง่
มันเป็นความลับของครอบครัวทั้งสามคนของนาง จะไม่มีทางบอกเหล่าไท่ไท่ ไม่อย่างนั้นเหล่าไท่ไท่คงตกใจจนสลบ
เหล่าไท่ไท่เลิกคิ้ว “ครอบครัวเจ้ามีเงินแค่สิบตำลึงจะเอามาให้ยืมทั้งหมดได้เหรอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...