ตั้งแต่ได้รับการช่วยเหลือ นีนีที่หลังจากได้สติก็ตามติดซูฉิงตลอด
ในสายตาของเธอ ซูฉิงเป็นเหมือนนางฟ้าที่แม่เคยบอก ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตเธอ แต่ยังช่วยชีวิตคนในหมู่บ้านและเพื่อนฝูงมากมายในโรงเรียน
พี่สาวคนสวยคนนี้เป็นคนดีที่สุดในโลกเลย
ดังนั้น เมื่อเธอได้ยินคำพูดของหัวหน้ากู้ภัย นีนีไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เงยหน้ามองซูฉิงอย่างน่าสงสาร ราวกับสัตว์เลี้ยงจรจัด มือเล็กๆ ของเธอจับที่ชายเสื้อของซูฉิง
เธอไม่อยากแยกกับพี่สาวแสนสวยคนนี้ เธอไม่อยากไปที่ "ที่ปลอดภัยกว่านี้" เธอแค่ต้องการอยู่กับพี่สาวแสนสวยคนนี้
ซูฉิงเห็นดวงตาที่ไม่เต็มใจและน่าสงสารของนีนีก็ยกมุมปากยิ้มน้อยๆ
เธอเองก็คิดว่านีนีน่ารักมาก ไม่ต้องพูดถึงเด็กน้อยที่เพิ่งสูญเสียแม่และประสบกับความเจ็บปวดน่าเศร้า คงเป็นธรรมดาที่ต้องพึ่งพาผู้อื่น
ซูฉิงค่อย ๆ ย่อตัวลงและยื่นมือไปลูบหลังศีรษะของนีนี ดวงตาของเธอดูอ่อนลงและเกลี้ยกล่อมเด็กหญิงตัวน้อย "นีนีเด็กดี คุณอาคนนี้ไม่ใช่คนไม่ดีหรอกนะ เขาเองก็มาช่วยพวกหนูเหมือนกัน
ฟังพี่สาวนะ ที่นี่อันตรายมากและจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกได้ตลอดเลย หนูตามคุณอาคนนี้ไปในที่ปลอดภัยกว่านี้ดีไหม?
หนูต้องดูแลแผลตัวเองให้ดี เดี๋ยวพี่สาวเสร็จงานแล้วจะไปหาหนูนะ"
ถ้าอย่างนั้น...พี่สาว พี่จะมาหาหนูจริงๆ ใช่ไหมคะ? "เด็กน้อยก้มศีรษะครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะถามอย่างขี้ขลาด
ซูฉิงพยักหน้าอย่างหนักและตอบตกลงอย่างจริงใจ "อืม แน่นอน!"
จากนั้นก็เหยียดนิ้วก้อยของมือขวาออกและยิ้มให้นีนี "ถ้าไม่เชื่อพี่ เรามาเกี่ยวก้อยสัญญากันดีไหม?"
นีนีถึงได้ยิ้มออก พร้อมกัยเหยียดมือมาเกี่ยวก้อย สองมือใหญ่เล็กเกี่ยวกันไว้ ก่อนซูฉิงจะพูดอย่างจริงจัง "คำไหนคำนั้นไม่มีวันเปลี่ยน...! เอาล่ะ! งั้นหนูรีบตามคุณอาออกไปก่อนนะ ที่นี่ไม่ปลอดภัยมากๆ เลย"
ซูฉิงจดจ่อกับการปลอบโยนนีนีจนไม่ได้สังเกตที่เมื่อกี้เกี่ยวก้อยสัญญากัน เหล่านักข่าวที่อยู่ใกล้ๆ ได้เห็นก่อนจะถ่ายเก็บไว้แล้ว
"เอาล่ะ ผมจะพานีนีออกไป ไปส่งพวกเขาที่โรงพยาบาลในเมืองที่ปลอดภัยก่อนเป็นสิ่งสำคัญ" หัวหน้าทีมกู้ภัยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ซูฉิงยืนขึ้น "ถ้าอย่างนั้นรบกวนพวกคุณหน่อยนะคะ เรายังไม่เจอคนที่เราตามหา เดี๋ยวจะคอยดูด้วยว่าแถวนี้ยังมีคนอีกไหม"
ในเวลาเดียวกัน ยวี๋น่าก็กำลังตามหาอู๋เทียนเหออย่างกระวนกระวายใจ
"เทียนเหอ! เทียนเหอนายอยู่ไหนน่ะ!" ยวี๋น่ามองไปรอบ ๆ และตะโกนชื่ออู๋เทียนเหอไปด้วยแต่ไม่เสียงตอบกลับเลย
เมื่อกี้เธอได้ช่วยห้าถึงหกคนที่ทีมกู้ภัยช่วยชีวิตมา แต่เธอก็ไม่เจอตัวคนที่เธอกำลังตามหาเลย
เมื่อเห็นว่าใกล้จะมืดแล้ว ยวี๋น่าก็เริ่มกระวนกระวายใจ
หากมืด การค้นหาเพื่อช่วยเหลือก็จะยิ่งยากมากขึ้น
และเมื่อเวลาผ่านไป อันตรายของอู๋เทียนเหอก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
เพราะยังไงยวี๋น่าก็เป็นผู้หญิง วิ่งวุ่นมาตั้งนานแล้ว ร่างกายใกล้หมดแรงเต็มที เธอจึงทำได้เพียงค้ำเข่าและหอบหายใจอย่างหนัก
"ยวี๋น่า!" ซูฉิงที่ส่งนีนีออกไปแล้ว และเห็นยวี๋น่าจากไกลๆจึงรีบวิ่งเหยาะๆ เข้าไปประคองแขนเธอและถามอย่างกังวล "ยังไม่เจอตัวเทียนเหอเหรอ?"
ยวี๋น่าส่ายหัวพร้อมกับหอบหายใจถี่ๆ และพูดอย่างขาดห้วง "ยัง...ยังเลย ฉันหาวนหมดแล้ว ช่วยคนออกมาได้ตั้งเยอะแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเทียนเหอเลย ซูฉิง ทำยังไงดี...? เขาคงจะไม่ คงจะไม่เกิดอะไรกับเขาใช่ไหม?"
เสียงของยวี๋น่าสั่นเครือเจือด้วยความกังวล
ว่าไงนะ?
หนีออกมาไม่ทัน?
หัวใจของยวี๋น่าดิ่งลงอย่างกะทันหัน
ดวงตายวี๋น่าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง มือเธอยังคงกำข้อมือซูฉิงก่อนจะออกแรงโดยไม่รู้ตัว
ซูฉิงที่ได้ยินเด็กพูดก็เกิดกังวล แต่ก็ยังพูดปลอบใจยวี๋น่า "ยวี๋น่า ใจเย็นๆ นะ เราค่อยๆ ฟังพวกเขาดีกว่า"
นักเรียนหลายคนกำลังจะอ้าปากพูด "ตอนนั้นคุณครูอู่กำลังสอน...แล้วก็เกิดแผ่นดินไหว เขาจัดกลุ่มพวกเราให้วิ่งออกจากตึกเรียน แต่แล้วตึกเรียนก็ทรุดตัวลง เราที่อยู่ข้างนอกก็ไม่เห็นคุณครูอู๋วิ่งออกมา..."
"อาคารเรียนของพวกหนูอยู่ตรงไหนเหรอ?" ซูฉิงถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ตอนนี้เธอดูสงบอย่างผิดปกติ ยวี๋น่ากระสับกระส่ายอยู่แล้ว เธอจะยิ่งกังวลใจไม่ได้
ซูฉิงขมวดคิ้วและวิเคราะห์ว่า "ในเมื่อเทียนเหอไม่ได้หนีออกมาก็ต้องถูกฝังไว้ที่ชั้นล่างของอาคารเรียน ตอนนี้...น่าจะยังทันนะ!"
"ตรงนั้นครับ" เด็กชายคนแรกที่พูดมองไปทางซ้ายและชี้นิ่วเล็กๆไป
ยวี๋น่าไม่มีเวลาคิดเยอะก่อนจะวิ่งไปทางนั้นอย่างบ้าคลั่ง
ซูฉิงสั่งผู้บอดี้การ์ด "พวกนายทุกคนไปทางนั้น พยายามตามหาอู๋เทียนเหอให้เต็มที่!"
"ครับ คุณซู!" บอดี้การ์ดหลายสิบคนตอบรับด้วยความเคารพ ก่อนจะวิ่งตามยวี๋น่าไปที่อาคารเรียนพร้อมๆ กัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น