อู๋ชิงหร่านตอบตกลงทันที "ในเมื่อเป็นแบบนี้ เรื่องนี้ก็ให้ฉันดำเนินการแล้วกันนะ"
เพราะซูซานรู้แบบร่างของซูฉิงแล้ว ความสงสัยในตอนแรกของเธอที่มีต่ออู๋ชิงหร่านจึงกลายเป็นความไว้วางใจ "ฉันจะรอข่าวดีจากคุณอู๋นะคะ แต่—เรื่องนี้ยิ่งเร็วยิ่งดีนะคะ"
ถ้าถึงตอนนั้นลีโอสตูดิโอรายงานเรื่องพวกเขาจริง ก็จะไม่มีโอกาสที่จะชนะ แล้วซูฉิงจะได้ชื่อว่ายังเป็น ’ตำนาน’ อยู่หรือเปล่าล่ะ? ชื่อเสียงคงถูกทำลายจนย่อยยับหมดแล้วมั้ง
และเธออยากเห็นภาพนั้นมานานมากแล้ว...
ซูซานจิบกาแฟพร้อมรอยยิ้มในแววตา ดูเหมือนว่าเธอจะมองเห็นภาพที่ซูฉิงถูกเธอเหยียบย่ำไว้ล่วงหน้า
"เอาล่ะ คุณอู๋กลับก่อนเถอะค่ะ หากมีอะไรเราค่อยติดต่อกัน"
ในโรงพยาบาล ณ เมือง A
เพียงชั่วพริบตา หลิวเสี่ยวหนิงก็อยู่ในโรงพยาบาลมาสามถึงห้าวันแล้ว เธอยังคงกังวลเรื่องการถ่ายทำมาก แต่เธอต้องใช้เวลาอีกนาน กระดูกหักคงไม่หายง่ายๆ
แต่ตั้งแต่ที่เข้าโรงพยาบาลวันแรก หลังจากหลิวเสี่ยวหนิงสารภาพรักกับเฉินจุนเหยียนไป เขาก็ไม่มาเยี่ยมเธอเลย เวลาผ่านไปเธอก็รู้สึกผิดหวัง และอดเกลียดตัวเองไม่ได้
แต่วันนี้เธอกลับแปลกใจ
"เสี่ยวหนิง" เสียงเคาะจากประตู และหลังจากเคาะสองครั้ง คนที่เปิดเข้ามาคือเฉินจุนเหยียน แถมยังถือช่อพุดซ้อน "ช่วงนี้รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?"
ทันทีที่หลิวเสี่ยวหนิงได้ยินก็ได้สติทันที พอเห็นเฉินจุนเหยียนมาก็ยิ้มโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะยืดตัวขึ้น และหันไปหาอีกคนเล็กน้อย
"ก็ดีขึ้น ตอนนี้ไม่เจ็บมากแล้ว...แต่หมดบอกว่ายังต้องดูแลตัวเองให้ดี ผู้อาวุโสเฉินวันนี้มาทำไมเหรอคะ? ทางกองถ่ายเสร็จแล้วเหรอคะ?"
หลิวเสี่ยวหนิงที่เห็นอีกคนก็ยังรู้สึกประหม่า เธอไม่รู้ว่าหลังจากที่สารภาพรักไปก็ไม่รู้ว่าอีกคนคิดยังไงกับเธอ หรือไม่ก็พวกเราอาจไม่ได้แม้เป็นเพื่อนกัน
ที่จริงแล้วเฉินจุนเหยียนก็อลหม่าน ถึงกับคิดว่าจะไปเยี่ยมหลิวเสี่ยวหนิงดีไหม แต่ความรู้สึกนี้คาอยู่ในใจเขามาสามวันแล้ว เขาไม่ได้คิดอะไรกับหลิวเสี่ยวหนิงเป็นพิเศษเลย และยิ่งจะปล่อยความเข้าใจผิดนี้ไปไม่ได้ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวหนิงก็เป็นเด็กดี
"เช้านี้ฉันถ่ายไปฉากสองฉากเอง แล้วคิดว่าไม่ได้มาสักพักแล้วก็เลยซื้อช่อดอกไม้มาให้ กันว่าวางดอกไม้ไว้ข้างเตียงจะทำให้คนป่วยรู้สึกดีแล้วก็ฟื้นตัวได้ดี"
เฉินจุนเหยียนยิ้มอย่างอ่อนโยนและนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง
หลิวเสี่ยวหนิงหลุบตาลงมองปลายนิ้ว และเงียบอยู่นานก่อนจะเอ่ยขึ้น "ขอบคุณนะคะ ผู้อาวุโสเฉิน...ฉันคิดว่าจะไม่มาเยี่ยมฉันแล้ว เรื่องก่อนหน้านี้ ฉัน—"
"ฉันรู้" เฉินจุนเหยียนพูดเสียงเบา หลิวเสี่ยวหนิงมองเขาก่อนจะขยับริมฝีปากเล็กน้อย แต่ก็กลืนคำพูดลงไป
แต่เธอก็รู้ว่าเฉินจุนเหยียนนั้นได้ปฏิเสธเธออย่างชัดเจนแล้ว แม้ว่าเธออยากจะหึงหวงหรือโกรธก็ตาม ก็ไม่มีสิทธิ์ และไม่สมควรอย่างยิ่ง
"งั้นฉันก็สบายใจ การแข่งขันทางฝั่งฝรั่งเศสกำลังจะเริ่มแล้ว หลังจากฉันแข่งเสร็จก็กลับแล้วล่ะ ถึงตอนนั้นก็จะขอดูผลลัพธ์ของพวกนายแล้วนะ"
"ได้เลย ถ้าอย่างนั้นมีอะไรก็ติดต่อฉันนะ ฉันยังมีธุระอีกหน่อย ไว้ค่อยคุยกัน" เฉินจุนเหยียนเงยหน้ามองหลิวเสี่ยวหนิง ก่อนจะหาข้อแก้ตัวและวางสายไป ไม่อย่างนั้นเขาคงทำตัวไม่ถูก
"เสี่ยวหนิง เสี่ยวหนิง ฉันมาเยี่ยมแล้ว!"
เฉินจุนเหยียนที่มองหลิวเสี่ยวหนิงและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งตรงทางเดิน และเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ไม่นานก็มีชายหน้าตาดีสวมเสื้อลายดอกเข้ามาในห้องพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า เขาถือกุหลาบช่อใหญ่ รวมทั้งคนที่เดินเข้ามาตามหลังก็ถือตะกร้าผลไม้ใบใหญ่ด้วย
อย่างกับลูกท่านหลานเธอเสด็จ
ทันทีที่เฉินจุนเหยียนเห็นชายคนนั้น เขาก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวและเม้มริมฝีปาก หลิวเสี่ยวหนิงที่นั่งอยู่บนเตียงก็ยังรู้สึกประหลาดใจที่เห็นคนนั้นเดินเข้ามา "คุณฉิน คุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ?"
เมื่อชายคนนั้นเห็นหลิวเสี่ยวหนิงพูดกับเขา ก็รีบเดินไปที่เตียงและพูดด้วยท่าทางกังวล "ฉันได้ยินว่าคุณได้รับบาดเจ็บในฉากถ่ายภาพยนตร์จนต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล ถ้าไม่ได้เป็นห่วงแล้วจะซื้อดอกไว้กับผลไม้มาเยี่ยมได้ยังไงล่ะครับ?"
"เสี่ยวหนิง คุณต้องพักผ่อนเยอะๆ นะ ไม่งั้นผมจะปวดใจ" ชายคนนั้นขมวดคิ้วและมองอย่างรักใคร่ จนทำให้เฉินจุนเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกอึดอัด ชายคนนั้นพูดไปก็จับมือหลิวเสี่ยวหนิงไปด้วย เธอที่รู้สึกไม่สบายใจก็รีบชักมือกลับอย่างไว
ชายคนนั้นที่เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็ไม่โกรธ ทั้งยังยิ้มแล้วหยิบกล่องเครื่องประดับจากกระเป๋า "เสี่ยวหนิง ฉันรู้ว่าคุณอยู่โรงพยาบาลคงอารมณ์ ดูสิ นี่คือของขวัญที่ฉันซื้อมาให้ เป็นสร้อยคอเพชรทำมือเลยนะ คุณชอบไหม?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น