เมื่อคิดอย่างนั้น ผู้จัดการก็หันไปมองหลิวเสี่ยวหนิงด้วยสายตาตำหนิ
หลิวเสี่ยวหนิงก้มหน้าเงียบๆ ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
คิดว่าหลังจากกลับบ้านได้ตายแน่
ซูฉิงมีหลักฐานแน่นหนา ดังนั้นสุดท้ายฉินซั่งจึงถูกควบคุมตัว
แต่ว่าเหมือนบ้านตระกูลฉินจะแอบใช้เส้นสาย ฉินซั่งจึงถูกคุมตัวเพียงชั่วคราว
อีกทั้งหลังจากตรวจสอบภูมิหลังของฉินซั่งแล้ว ซูฉิงก็ได้จัดการประชาสัมพันธ์เพื่อระงับเรื่องนี้ไม่ให้ข่าวลือรั่วไหล
หลิวเสี่ยวหนิงที่นั่งอยู่ในรถ มองซูฉิงที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะพูดออกมาช้าๆ "ขอบคุณนะคะพี่ซูฉิง"
"ต่อไปต้องจำให้ขึ้นใจเลยนะว่าไปไหนต้องบอกผ็จัดการหน่อย เข้าใจไหม?" ซูฉิงกล่าวเบาๆ
เรื่องพวกนี้ไม่ได้ซับซ้อนสำหรับซูฉิง ดังนั้นจึงไม่ต้องใช้ความพยายามในการจัดการกับสิ่งเหล่านี้ แต่สิ่งที่ทำให้เธอกังวลก็คือหลิวเสี่ยวหนิงที่มีความระมัดระวังต่ำแบบนี้
"ฉันรู้ว่าฉันผิดค่ะ..." หลิวเสี่ยวหนิงพึมพำ วันนี้เธอได้รับบทเรียนแล้ว
"แต่ทำไมถึงไปที่บาร์คนเดียวล่ะ?" ทันใดนั้น ซูฉิงก็เหมือนนึกอะไรได้ก่อนจะหันมองเธอ
"ฉัน..." หลิวเสี่ยวหนิงอ้าปากและจ้องตา "แค่อยากเที่ยวน่ะ ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น..."
ซูฉิงรู้ชัด แต่เธอไม่ได้ถามอะไรมากเพราะท่าทีของอีกคน เธอก้มมองโทรศัพท์ ก่อนจะเห็นสายที่ไม่ได้รับจากฮ่อหยุนเฉิง
ซูฉิงตกตะลึงครู่หนึ่ง หลังจากที่เธอยุ่งกับเรื่องของหลิวเสี่ยวหนิงในวันนี้ เธอจึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฮ่อหยุนเฉิงโทรมา
ตอนแรกว่าจะโทรกลับ แต่กลับมีสายเรียกเข้าจากทางบริษัท ดังนั้นซูฉิงจึงเริ่มจัดการเรื่องอื่นก่อน ไปๆ มาๆ ก็ลืมสายของฮ่อหยุนเฉิงไปเลย
เมื่อเธอกลับถึงบ้านในตอนเย็น ซูฉิงก็เห็นฮ่อหยุนเฉิงนั่งอยู่บนโซฟาเพียงลำพัง และดูทีวีด้วยใบหน้าเฉยเมย
"หยุนเฉิง ฉันกลับมาแล้ว"
ซูฉิงเอนตัวลงอย่างเกียจคร้าน แต่ฮ่อหยุนเฉิงกลับไม่ได้จับเธอไปไว้ในอ้อมแขนตามปกติ เพียงแค่นั่งอยู่นิ่งไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
"ทำไมไม่รับโทรศัพท์?" ฮ่อหยุนเฉิงหันมองซูฉิงด้วยท่าทางเย็นชา
แม้ว่าซูฉิงจะไม่รับสาย แต่สุดท้ายเธอก็จะโทรกลับหาเขา แต่วันนี้มันต่างไป
เมื่อคิดถึงเรื่องไม่กี่วันก่อนหน้านี้ คิ้วฮ่อหยุนเฉิงก็ขมวดเข้าหากันแน่น
เมื่อได้ยิน ซูฉิงถึงได้ปรบมือ ทำไมเธอถึงลืมไปได้นะ
"ขอโทษนะหยุนเฉิง ฉันลืมไปเลย" ซูฉิงโอบแขนฮ่อหยุนเฉิงพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
ฮ่อหยุนเฉิงคว้าข้อมือซูฉิงทันทีก่อนจะจับร่างกายของเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา "วันนี้เธออยู่กับใคร? คงไม่ใช่เจ้าชายอะไรนั่นมากวนเธอใช่ไหม?"
เมื่อมองไปที่ใบหน้าของฮ่อหยุนเฉิง ซูฉิงกระพริบตาเอื้อมมือไปคว้าคอของเขา และจงใจพูด "คนเขาชื่อโจเซฟ"
แน่นอนว่าการเอ่ยถึงชื่อนั้นทำให้ใบหน้าของฮ่อหยุนเฉิงแย่ลงไปอีก และออกแรงมือแรงขึ้น
"หยุนเฉิง นายทำฉันเจ็บจริง" ซูฉิงเม้มปากด้วยความเจ็บปวดและพูดออดอ้อน
ฮ่อหยุนเฉิงคลายมือ แต่ดวงตาลึกๆ ของเขากลับมองใบหน้าซูฉิงอยู่ตลอด
หาได้ยากที่จะเห็นฮ่อหยุนเฉิงจะเป็นแบบนี้ แต่ซูฉิงก็อยากจะหยอกล้อเขาอีกหน่อย
ผลักชายที่ไม่รู้จักพอใจออกไป ซูฉิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นท่านผู้เฒ่าซูที่โทรมา
"คุณปู่!" ซูฉิงรับโทรศัพท์ด้วยความประหลาดใจ
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เสียงอันอบอุ่นของท่านผู้เฒ่าซูก็ดังขึ้น "หลานสาวที่รัก ปู่จองเที่ยวบินไปเมือง A วันพรุ่งนี้แล้วนะ"
"จริงเหรอคะ? เยี่ยมไปเลยค่ะ!" พรุ่งนี้เธอจะได้เจอคุณปู่แล้ว ใบหน้าซูฉิงมีแต่รอยยิ้ม "พรุ่งนี้หนูจะไปรับคุณปู่ที่สนามบินนะคะ"
"ได้เลย" ท่านผู้เฒ่าซูวางสายอย่างอารมณ์ดี
"พรุ่งนี้คุณปู่ถึงเมือง A นะ" ซูฉิงวางโทรศัพท์ลง ก่อนจะจัดเสื้อผ้าแล้วหันหัวไปหาฮ่อหยุนเฉิง
"อืม" ฮ่อหยุนเฉิงพยักหน้าเบาๆ "พรุ่งนี้ฉันจะไปกับเธอด้วย"
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ซูฉิงตื่นแต่เช้า วันนี้เป็นวันที่คุณปู่กลับประเทศ เมื่อคืนซูฉิงรู้สึกตื่นเต้นมาก เธอคิดว่าวันนี้จะได้เจอปู่แล้ว จนนอนยังไงก็นอนไม่หลับ
"ฉันจะไปรับคุณปู่ที่สนามบินกับเธอด้วย" ฮ่อหยุนเฉิงเปิดประตูและพูดช้าๆ เขารู้ความสำคัญคุณปู่ที่อยู่ในใจซูฉิง จะรักใครก็ต้องรักครอบครัวเขาด้วยและฮ่อหยุนเฉิงก็เคารพคุณปู่มาก
ซูฉิงยิ้มและพยักหน้า "ได้สิ คุณปู่ต้องเห็นนายต้องดีใจมากแน่"
คุณปู่มีความประทับใจที่ดีต่อฮ่อหยุนเฉิงอยู่แล้ว ตอนนี้เห็นความสัมพันธ์ของฮ่อหยุนเฉิงกับซูฉิงเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เขาคงจะสบายใจขึ้น
ระหว่างทางไปสนามบิน ใบหน้าซูฉิงมีแต่รอยยิ้ม ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเบา "คุณปู่เดินทางทั่วโลกนาน ไม่รู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง"
แต่เล็กจนโต ซูฉิงถูกคุณปู่เลี้ยงมา และสนิทชิดเชื้อกับคุณปู่ แต่ก่อนคุณปู่งานยุ่งมาก แต่ตอนนี้ในที่สุดก็มีเวลาออกไปเที่ยวแล้ว ซูฉิงหวังให้คุณปู่เที่ยวได้มีช่วงเวลาที่ดี
"อีกเดี๋ยวก็เจอกันแล้ว แค่ถามคุณปู่ก็ได้แล้วไม่ใช่หรือไง" ฮ่อหยุนเฉิงที่นั่งฟังซูฉิงที่อยู่ข้างๆ พูดพล่าม ก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วและเอ่ยหยอกล้อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น