ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้ว
“คุณปู่กระชับเรื่องนี้กับฉันมา” ซูฉิงเอ่ยพลางลุกขึ้นยืน หันไปมองฮ่อหยุนเฉิงด้วยรอยยิ้ม “ช่วงนี้พวกเราแยกกันนอนเถอะ”
ฮ่อหยุนเฉิงเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย ถามเสียงเข้มว่า “คุณปู่บอกอะไรกับเธอ?”
“คุณปู่ให้นายรักษาสุขภาพ” ซูฉิงตอบอย่างคลุมเครือ ทว่าสายตานั้นย้ายไปที่บางส่วนของร่างกายเงียบๆ อย่างคิดไม่ซื่อ
เห็นฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้ว ซูฉิงก็หมุนกายทันที ขณะที่เธอกำลังจะไป ฮ่อหยุนเฉิงก็ยื่นมือมาดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอด
“รักษาสุขภาพ?” น้ำเสียงของฮ่อหยุนเฉิงแฝงแววอันตราย “ฉันควรจะระวังตรงไหนดี?”
เมื่อลมหายใจอุ่นร้อนถูกพ่นใส่ใบหู ซูฉิงก็อดที่จะย่นคอไม่ได้
“แค่กๆ เรื่องนี้นายต้องไปถามคุณปู่เอง” ซูฉิงตอบพลางกะพริบตาปริบๆ ที่จริงแล้วเธออยากจะดิ้นให้หลุด ทว่าฮ่อหยุนเฉิงกลับรัดตัวเธอไว้แน่น
“ปล่อยนะ” ซูฉิงกดมือลงบนหลังมือของฮ่อหยุนเฉิง
แต่วินาทีต่อมาฮ่อหยุนเฉิงก็อุ้มเธอขึ้นไปวางบนเตียงแล้วกดเธอเอาไว้
ซูฉิงร้องเสียงเบา ทว่าวินาทีถัดมาก็ถูกจูบดูดกลืนวิญญาณปิดลงมาแนบสนิท
วันรุ่งขึ้น ซูฉิงมองท่าทางอิ่มเอมของฮ่อหยุนเฉิง แล้วมองร่างกายที่ใกล้จะแตกสลายของตน ในใจก็อดไม่ได้ที่จร้องโหยหวนไปพักหนึ่ง
เจ้าผู้ชายสมควรตายฮ่อหยุนเฉิน ทำไมถึงได้มีพลังล้นเหลือเช่นนี้
ทุกครั้งล้วนทำให้เธอปวดเอวแทบตาย
“มีอะไรเหรอ?” เมื่อเห็นซูฉิงทำหน้าบูดบึ้งน้อยๆ อย่างน่ารัก ฮ่อหยุนเฉิงจึงโอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดด้วยท่าทางอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
ซูฉิงกลอกตาขาใส่เขาอย่างอารมณ์เสีย “ครั้งต่อไปนายให้ฉันนอนโซฟาเถอะ!”
“แบบนั้นจะได้ยังไง?” ฮ่อหยุนเฉิงท้วง
“แล้วทำไมจะไม่ได้...”
ซูฉิงยังพูดไม่จบก็เห็นฮ่อหยุนเฉงโน้มตัวลงมา ปิดริมฝีปากของเธอไว้......
......
“คัท”
เมื่อเสียงของผู้กำกับที่นั่งหลังกล่องถ่ายวิดีโอดังขึ้น อุปกรณ์การถ่ายทำทั้งหมดในกองถ่ายก็หยุดลงโดยทันที
หลินหนานรีบปล่อยเฉินซินอ้ายอย่างรวดเร็ว แล้วผลักเธอออกจากอ้อมกอด รักษาระยะห่างอย่างเย็นชา
นี่ทำให้ในดวงตาของเฉินซินอ้ายมีความเจ็บปวดวาบผ่าน อยากจะพูดอะไรกับเขา ทว่าเขาราวกับตั้งใจหลบเลี่ยงตนอย่างไรอย่างนั้น หันไปพูดคุยกับทีมงานอย่างรวดเร็ว
ทางนั้นเองก็มีทีมงานไม่น้อยมาแสดงความยินดีกับพวกเขา
“ขอแสดงความยินดีกับคุณทั้งสองคนสำหรับการทำงานอย่างหนักของทั้งสองคนในช่วงนี้ ในที่สุดการถ่ายทำMVของพวกเราก็สิ้นสุดลงแล้ว”
ผู้กำกับนำทีมงานทั้งหมดมาปรบมือให้หลินหนานกับเฉินอ้ายซิน
หลินหนานยิ้มแย้มอย่างสุภาพ มิได้กล่าวอะไร ในขณะที่เฉินอ้ายซินนั้นกล่าวประโยคถ่อมตัวกับคนทั้งหมดอยู่สองสามประโยค
ทว่าขณะที่พูดอยู่นั้น สายตาของเฉินซินอ้ายก็เอาแต่จับจ้องไปเงาร่างของหลินหนาน โดยเฉพาะตอนที่ผู้กำกับถามพวกเขาว่า “รอเก็บอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว พวกเราไปกินเลี้ยงฉลองกันสักมื้อเถอะ ร้านอาหารแถวนี้ล่ะ”
หลังทีมงานได้ฟังคำพูดของผู้กำกับ ต่างก็พากันแสดงสีหน้ายินดี เฉินซินอ้ายเองก็มองไปที่หลินหนานอย่างคาดหวังเช่นกัน
หลินหนานยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและแฝงแววขอโทษอยู่บางส่วน “ต้องขอโทษจริงๆ งานเลี้ยงตอนเย็นผมุงไม่สามารถไปร่วมกับทุกคนได้ พวกคุณคงจะรู้แล้วว่าภรรยาของผมกำลังตั้งครรภ์ ตอนนี้การถ่ายทำสิ้นสุดลงอย่างไม่ง่ายดายเลย ผมจึงอยากไปอยู่เป็นเพื่อนเธอให้มาก”
เมื่อทีมงานนั้นเห็นว่าหลินหนานใส่ใจภรรยาของตนเองเช่นนี้ก็พากันแสดงสีหน้าอิจฉาออกมา
เธอเรียกชื่อหลินหนานแผ่วเบา อยากรู้ว่าเขายังมีสติอยู่หรือไม่
ปรากฏว่าเธอเห็นหลินหนานขยับปากเล็กน้อย ราวกับพึมพำอะไรบางอย่างอยู่
เธอจึงก้มตัวลงไปฟังใกล้ๆ ปรากฏว่าวินาทีต่อมาหน้าก็ต้องมืดครึ้มลง
เช่นนี้เธอจึงได้ยินชัดเจน ริมฝีปากของเขาขยับเรียกเป็นชื่อของยวี๋น่า
มาจนถึงตอนนี้แล้ว เขายังไปโหยหาผู้หญิงคนนั้นอยู่อีก!
ความริษยาในใจเข้าครอบงำเฉินซินอ้าย เธอนังกำหมัดแน่นอยู่ริมเตียงด้วยความโกรธแค้น จ้องมองหลินหนานที่ยังพึมพำเรียกชื่อยวี๋น่าอย่างเคียดแค้น
ในท้ายที่สุดก็จับไปที่คอเสื้อตนเองปลดเสื้อผ้า ถอดออกจากกาย แล้วขึ้นไปนอนข้างหลินหนาน จากนั้นถอดเสื้อผ้าเขาออก
เดิมทีเฉินซินอ้ายอยากมีอะไรกับหลินหนาน แต่เขาเมามากเกินไป ไม่สามารถทำอะรได้เลย
ทว่าสิ่งนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร เฉินซินอ้ายหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปตนเองกับหลินหนานสองสามรูป
จากนั้นจึงหลับไปเงียบๆ ในอ้อมกอดของเขา
เมื่อหลินหนานตื่นขึ้นมาก็รู้สึกปวดศีรษะเป็นอย่างมาก
ข้างๆ หูก็มีเสียงโทรศัพท์ที่คุ้นเคยกำลังดังอยู่ ดังจนทำให้ปวดหัวมากไปกว่าเดิม
เขาควานหาโทรศัพท์ไปมั่วๆ ทว่ามีมืออ่อนนุ่มนั้นไวกว่ามือของเขาไปนิดเดียว คว้าเอาไปรับสาย
ต่อมาเขาก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงดังขึ้น “ฮัลโหลว มีอะรหรือ?”
เขาได้ยินไม่ชัดว่าปลายสายพูดอะไร ได้ยินแค่ความเงียบไม่กี่วินาทีก็ถูกตัดสายไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น