และซูฉิงคิดว่าเรื่องนี้เหมือนตั้งใจจะจ้องเล่นงานหลิวเสี่ยวหนิงเท่านั้น
แต่ทว่าตอนนี้เรื่องสำคัญจะต้องให้ความกับสื่อภายนอกเป็นสำคัญ
ทันใดนั้น ซูฉิงก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ฮ่อ ตอนที่สวีหว่านเอ่อร์ถูกนำตัวไปนั้นเธอยิ้มแปลกๆ
ซูฉิงที่เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ก็รีบต่อสายโทรหาฮ่อหยุนเฉิง แต่ไม่รู้ว่าทางฝ่ายของฮ่อหยุนเฉิงกำลังยุ่งอะไรอยู่ถึงไม่รับสาย
และเวลานี้เองหลิวเสี่ยวหนิงกับผู้จัดการก็ได้กลับมาที่บริษัท แล้วรีบเดินเข้าไปมาในห้องทำงานของซูฉิง
"ประธานซู "ผู้จัดการของหลิวเสี่ยวหนิงทำหน้าเครียด เธอยื่นมือไปฉุดแขนของหลิวเสี่ยวหนิงให้เธอเดินขึ้นมาข้างหน้า
อาการของหลิวเสี่ยวหนิงไม่สู้ดี เธอสวมหมวกแก๊ปสีดำ สีหน้าอารมณ์ของเธอล้วนถูกหมวดบดบังเอาไว้
ซูฉิงเงยหน้าขึ้นมอง แล้วพูดเสียงเบา"นั่งลงก่อน เรื่องงานแถลงข่าวฉันจะให้คนรีบจัดการ วางใจเถอะ จะไม่มีปัญหาแน่นอน"
ผู้จัดการเห็นอย่างนั้นก็รีบพูด:"ประธานซูคะ ฉันรู้สักว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ งานแถลงข่าวทำไมถึงได้ปล่อยให้คนอย่างนั้นเข้ามาได้"
จริงๆแล้วผู้จัดการได้ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงมานานหลายปีแล้ว ผ่านปัญหาเรื่องวุ่ยวายมามาก แม้แต่เรื่องงานแถลงข่าวในวันนี้ก็เคยเจอมาแล้ว
เพียงแต่ว่าเรื่องของวันนี้ไม่เหมือนกับสมัยก่อน บริษัทสตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์ที่ให้การสนับสนุนหลิวเสี่ยวหนิง บริษัทสตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์อยู่ในวงการบันเทิงทั้งยังเป็นแถวหน้าของวงการบันเทิง คนที่คอยอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่
เรื่องนี้ซูฉิงรู้อยู่แก่ใจดี เลยแฉะยิ้มออกมา
ทว่าทันใดนั้นเอง หลิวเสี่ยวหนิงก็ยกมือถอดหมวกแก๊ปออกมองหน้าซูฉิงด้วยสีหน้าท้อแท้ :"พี่เสี่ยวฉิง ฉันอยากจะออกจากวงการ"
พอคำพูดนี้พูดออกไป ไม่เพียงแต่ผู้จัดการของหลิวเสี่ยวหนิงเท่านั้น แม้แต่ซูฉิงก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
"เสี่ยวหนิง เธอพูดอะไรน่ะ "ผู้จัดการมองหน้าหลิวเสี่ยวหนิงอย่างเหลือเชื่อ คิดไม่ถึงจริงๆ เลยว่าเธอจะพูดอย่างนี้ออกมาได้
ตอนที่มาถึงนึกว่าหลิวเสี่ยวหนิงอารมณ์ยังไม่ดีเลยเอาแต่เงียบ แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะกำลังคิดเรื่องนี้อยู่
"ฉันคิดมานานแล้ว ฉันอยากจะออกจากวงการจริงๆ ฉันคิดว่าที่นี่ไม่เหมาะกับฉัน"
หลิวเสี่ยวหนิงถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมกับมองหน้าซูฉิงด้วยสีหน้าเศร้างอย่างที่ซูฉิงไม่เคยเห็นมาก่อน หลิวเสี่ยวหนิงที่ไม่ว่าจะเจอกับเรื่องอะไรมักจะทำตัวร่าเริง แต่เรื่องของวันนี้ก็ทำให้เธอยอมแพ้แล้วหรอ"
"เสี่ยวหนิง ทำไมเธอถึงคิดอย่างนี้"ซูฉิงถามอย่างจริงจัง
เธอคิดว่าหลิวเสี่ยวหนิงเป็นนักแสดงที่ดีมากคนหนึ่ง แน่นอนว่าซูฉิงไม่อยากจะเสียเธอไป
"ที่จริงแล้วสมัยก่อนตอนที่ยังไม่รู้ความ ฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ขอแค่ทำงานถ่ายละครทุกวันก็พอแล้ว"
หลิวเสี่ยวหนิงหยุดเว้นคำพูด พอพูดมาถึงตอนนี้เธอก็หัวเราะเยาะออกมา
"แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ เหมือนทั้งหมดจะเปลี่ยนไปหมดแล้ว"
มีแต่คนชอบให้คนสนใจ ชอบที่จะมีชื่อเสียง แต่หลิวเสี่ยวหนิงกลับคิดว่าตนในตอนนี้ไม่เหมาะสมกับสิ่งเหล่านี้
"ฉันมีแต่นำเอาปัญหามาให้ ครั้งที่แล้วบริษัทก็ต้องมาเหนื่อยกับการปิดข่าวของฉันให้เงียบลง ฉันคิดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะความผิดของฉัน"
หลิวเสี่ยวหนิงถอนหายใจออกมาแล้วพูดเสียงเบา
"ดังนั้นนี่เลยคือเหตุผลที่เธอจะออกจากวงการใช่มั้ย"ซูฉิงเปิดเอกสารที่อยู่ในมืออยู่ก็มองหน้าหลิวเสี่ยวหนิงด้วยสายตานิ่งขรึม
"พูดความจริงมาสิว่า เธอไม่ชอบเป็นนักแสดงหรอ"
ซูฉิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หลิวเสี่ยวหนิงได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งสืบจมูกสะอื้นพูดด้วยความรู้สึกเสียใจ :"พี่เสี่ยวฉิง ทำไมพี่ถึงดีอย่างนี้"
"รู้ว่าฉันดี งั้นเธอก็เชื่อฟังฉันนะ"
หลิวเสี่ยวหนิงได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้า ซูฉิงพูดสั่งกำชับอีกไม่กี่ประโยค ก็ให้ผู้จัดการพาเธอกลับไป
และเวลานี้อีกโทรศัพท์ของซูฉิงก็ดังขึ้น และก็เป็นฮ่อหยุนเฉิงที่โทรกลับมา
"ฮัลโหล หยุนเฉิงหรอ"ซูฉิงกดรับสาย
"ขอโทษด้วยนะ เมื่อกี้ประชุมอยู่"
ฮ่อหยุนเฉิงที่อยู่ปลายพูดมาอย่างนี้ ก็ทำให้ซูฉิงนึกถึงเรื่องที่เขามีประชุมสำคัญในวันนี้
"มีอะไรหรอ"ฮ่อหยุนเฉิงเอ่ยถาม
"งานเลี้ยงวันเกิดคุณปู่ฮ่อก่อนหน้านี้ทำให้นายจับตัวสวีหว่านเอ๋อร์ไป ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน "ซูฉิงเอ่ยถาม
"สวีหว่านเอ๋อร์งั้นหรอ"ฮ่อหยุนเฉิงถามเสียงขรึม แล้วถามต่อ"คืนวันนั้นฉันให้คนพาตัวสวีหว่านเอ๋อร์กลับไปส่งที่บ้านตระกูลสวี"
ส่วนที่เหลือ ฮ่อหยุนเฉิงก็ไม่ได้ถามตระกูลสวีว่าเป็นยังไง เพียงแต่ว่าได้ยินจากคุณปู่เล่าว่าตระกูลสวีจะส่งสวีหว่านเอ๋อร์ไปต่างประเทศ
เพราะในงานเลี้ยงของคืนนั้นสวีหว่านเอ๋อร์ได้ก่อนเรื่องใหญ่โต ทำให้คนรอบข้างหัวเราะเยาะ
จะมีครอบครัวไหนบ้างจะไม่สนใจหน้าตา และยิ่งตระกูลสวีที่เป็นตระกูลผู้ดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น