คนคนนั้นแอบถ่ายรูปที่กวนจิ่งสิงเมามายเอาไว้ แล้วส่งให้กับซูฉิง
ซูฉิงเป็นห่วงว่ากวนจิ่งสิงจะทำเรื่องที่ส่งผลไม่ดีกับเย่ซี เลยส่งคนติดตามกวนจิ่งสิง ถ้าหากพบเข้าก็จะได้จัดการห้ามได้ทันท่วงที
ซูฉิงดูคลิปกวนจิ่งสิงที่อยู่ในสภาพเมามายก็เผยสายตาไม่แยแส เธอไม่รู้สึกสงสารกวนจิ่งสิงที่ไม่รู้จักรักษาคนรักเอาไว้หรอก
และเขายังทำร้ายเย่ซี ไม่จำเป็นต้องสงสาร
ซูฉิงค่อยๆ เปิดเปลือกตาลงพร้อมกับปิดหน้าจอ
"ดูอะไรหรอ ทำไมถึงทำหน้าอย่างนี้"
และเย่ซีที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยถามขึ้น ตอนนี้เธอถึงแม้ว่าจะยังนั่งอยู่บนเตียง แต่ก็หยิบปากกาขึ้นมานั่งแต่งเพลงแล้ว
หลายวันมานี้เย่ซีพักฟื้นอาการดีขึ้นมาก ซูฉิงเลยแนะนำให้เธอชดเชยโอกาสที่เสียไปก่อนหน้านี้ โดยการแต่งเพลงใหม่ขึ้นมา
"เป็นเรื่องของกวนจิ่งสิง"
ซูฉิงพูดอย่างเนือยๆ เย่ซีมีท่าทีอึ้งเล็กน้อย และไม่มีปฏิกิริยาอะไรออกมา
"อ้อ........"
เย่ซีขานรับสั้นๆ สำหรับเรื่องของกวนจิ่งสิงแล้ว เธอไม่รู้สึกเฉยชาแล้ว
ก่อนหน้านี้เธอได้ยินคนอื่นเล่าให้ฟังเรื่องที่กวนจิ่งสิงไปหาซูฉิง ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ไม่แน่เย่ซีอาจจะรู้สึกดีใจมาก แต่ตอนนี้เธอไม่รู้สึกอะไรแล้ว
เห็นเย่ซีไม่พูดอะไร ซูฉิงก็ถอนหายใจออกมา
เธอรู้ว่า กวนจิ่งสิงมีผลกระทบกับเย่ซีไม่น้อย ถ้าหากเพราะเรื่องนี้ทำให้เกิดเรื่องใหม่ สำหรับเย่ซีแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
"แต่งเพลงไปถึงไหนแล้ว"
ซูฉิงเดินเข้ามาดู สักพักก็เอ่ยชมออกมาไม่หยุด:"ไม่เลวๆ ถ้าหากเธอยังแต่งได้อยู่แบบนี้ต่อไป เพลงนี้ก็อาจจะเป็นเพลงที่ทำให้เธอมีโอกาสโด่งดังได้"
พอพูดมาถึงตอนนี้ เย่ซีก็ตาวาวขึ้นมา พร้อมกับพยักหน้า:"ค่ะ! ฉันจะพยายามต่อไป"
"แต่ว่าที่นี่......"
ซูฉิงคิ้วขมวดแล้วชี้ไปหน้ากระดาษของเย่ซี :"ตรงหนี้อาจจะต้องแก้สักหน่อย ไม่งั้นจะทำให้รู้สึกรุนแรงเกินไป"
ซูฉิงลองอ่านดู หลังจากคิดไตร่ตรองอยู่สักครู่ก็ไม่ไอเดียขึ้นมาทันที
เธอยิ้มให้กับซูฉิง หลายวันมานี้ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากซูฉิง เกรงว่าเธอคงไม่มีวันนี้
ฮ่อหยุนเฉิงมาที่บริษัท ก็เห็นพวกพนักงานกำลังพูดซุบซิบนินทาอะไรกันอยู่
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ปกติสิ่งที่เขาไม่ชอบมากที่สุดก็คือพวกพนักงานที่ไม่ตั้งใจทำงานเอาแต่ซุบซิบนินทาไปทั่ว
พนักงานโดยรอบสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของฮ่อหยุนเฉิงก็พากันหยุดซุบซิบไม่นินทากันต่อ
"พี่เฉินสวัสดีตอนเช้า"
และทันใดนั้นเองก็มีพนักงานคนหนึ่งยืนกอดเอวเอ่ยทักทายใครก็ไม่รู้
ฮ่อหยุนเฉิงหันไปมอง เพราะฮ่อหยุนเฉิงจำได้ว่าในบริษัทไม่พนักงานแซ่เฉิน
"สวัสดี"
ฮ่อหยุนเฉินเหมือนได้ยินเสียงของเฉินเจียว เขาเลิกคิ้วขึ้น เฉินเจียว หล่อนมาที่บริษัทงั้นหรอ?
และเป็นอย่างที่คาดคิด ตอนที่ฮ่อหยุนเฉิงกำลังจะขึ้นไปยังห้องทำงานแล้วก็ได้เจอกับเฉินเจียว
และก็เห็นเฉินเจียวสวมชุดทำงานสีดำขาว ผมยาวประบ่าก็ถูกรัดรวบสูงทำให้ดูสุขุมขึ้น
"เธอมาทำอะไรที่นี่"
ฮ่อหยุนเฉิงเอ่ยถามด้วยหน้ายังคงเรียบเฉย
"ก็มาทำงานที่นี่สิ"
เฉินเจียวยิ้ม พร้อมกับยื่นป้ายที่ติดอยู่หน้าอกให้ฮ่อหยุนเฉิงดู
"ผู้จัดการ"ป้ายตำแหน่งก็ปรากฏตรงหน้าฮ่อหยุนเฉิง ซึ่งเป็นของตระกูลฮ่อกรุ๊ป
ฮ่อหยุนเฉิงไม่พอใจที่เฉินเจียวเข้ามาทำงานในบริษัท และตนก็ไม่รู้เรื่อง
"ไปทำงานเถอะ"
ฮ่อหยุนเฉิงโบกมือให้ และกำลังจะเดินไป แต่ก็ถูกเฉินเจียวเรียกไว้
"เรื่องที่คุณเฉินเข้ามาทำงานในตระกูลฮ่อกรุ๊ปเป็นเรื่องความสามารถของเธอ"
"ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณจะมีเรื่องบาดหมางกับประธานฮ่อมั้ยคะ"
"คุณคิดว่าเป็นเรื่องความสามารถ หรือมีคนตั้งใจทำให้เป็นอย่างนี้"
ซูฉิงที่ถูกพวกนักข่าวรุมล้อม คำถามรั่วๆ เข้ามาในหูของเธอ ทำให้ซูฉิงรู้สึกมึน
"เกิดอะไรขึ้น"
ฮ่อหยุนเฉิงเดินบียดนักข่าวเข้ามาอยู่ในวงล้อมข้างๆ ซูฉิง
"ฉัน ฉันก็แค่เป็นห่วงนาย"
ซูฉิงพูด ถูกพวกนักข่าวมารุมล้อมกะทันหันทำให้รู้สึกตกใจ
"ประธานฮ่อ คุณมาแล้ว"
พวกนักข่าวที่เห็นฮ่อหยุนเฉิงก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ต่างก็หันกล้องไปทางฮ่อหยุนเฉิง
"ประธานฮ่อ ขอถามหน่อยว่าคุณมีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องที่คุณเฉินเข้ามาทำงานที่นี่"
"ความต้องการพนักงานของตระกูลฮ่อกรุ๊ปที่ค่อนข้างสูง ขอถามหน่อยคุณจะจัดการเรื่องนี้ยังไง"
คิดไม่ถึงว่าแค่พริบตาทุกคนต่างก็พุ่งเป้ามาที่ฮ่อหยุนเฉิง
"ทุกคนอย่าพึ่งรีบร้อน ทีละคำถาม"
ซูฉิงที่เห็นฮ่อหยุนเฉิงไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อน ก็รีบเปลี่ยนเรื่องมาที่ตนเอง
พวกนักข่าวพวกนี้สามารถที่จะไม่สนใจก็ได้ แต่เพราะเรื่องของเฉินเจียว ถ้าหากมีคนตั้งใจกุเรื่องขึ้นมา เกรงว่าเรื่องจะไปกันใหญ่
"ก่อนอื่น เรื่องที่คุณเฉินเข้ามาทำงานที่ตระกูลฮ่อกรุ๊ปเพราะผ่านการสัมภาษณ์จากฝ่ายบุคคล ไม่เกี่ยวกับพวกเราสองคน"
ซูฉิงคิดไตร่ตรองอยู่สักครู่แล้วตอบคำถามนักข่าว
ส่วนฮ่อหยุนเฉิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เอาแต่เงียบ และเห็นพวกนักข่าวที่ขยับเข้ามาใกล้อย่างตื่นเต้นเลยยื่นแขนออกไปขวางไม่ให้เข้าใกล้ซูฉิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น