นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 109

คำพูดเฟิ่งชิงเฉินทำเอาหมอหลวงหยวนโกรธจัด

ดวงตาหวังจิ่นหลิงหายเป็นปกติแล้ว คำครหาว่าเฟิ่งชิงเฉินหวังทำลายชีวิตและทรัพย์สินคนตระกูลหวังก็หายไปเช่นกัน แต่ถ้าหากเขาต้องมาแบกรับคำครหาว่าใส่ความผู้อื่น ชีวิตเขาหลังจากนี้จะต้องล่มจมแน่

จรรยาบรรณของคนที่เป็นหมอ หากหมอคนใดไร้ซึ่งจรรยาบรรณ ต่อให้ฝีมือการรักษาจะดีเลิศสักเพียงใด ก็หามีผู้คนยกย่องไม่

หมอหลวงหยวนหน้าซีด เขาโกรธจนพูดอะไรไม่ออก รออยู่พักใหญ่จึงเอ่ยออกมาว่า "เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่ามาให้ร้ายข้านะ"

เรื่องนี้เขาไม่ได้ทำจริงๆ เขาอยากจะโต้ตอบอย่างชัดเจนแต่กลับหายใจไม่ค่อยทัน

เฟิ่งชิงเฉินหันไปมองหมอหลวงหยวนที่หายใจเหนื่อยหอบ จึงรู้ว่าสุขภาพหมอหลวงหยวนคงไม่สู้ดีเท่าไรนัก เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว อย่ามาหาว่านางทำให้เขาขาดใจตายก็แล้วกัน

เฟิ่งชิงเฉินเดินเข้าไปใกล้เขาโดยไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่ง "ให้ร้ายหรือคะ? หมอหลวงหยวนท่านเป็นคนพูดเองนะ ชิงเฉินยังไม่ได้กล่าวหาท่านแม้แต่น้อย"

"หมอหลวงหยวนยังไม่ทันได้ตรวจดูตาของคุณชายหวังเลย แต่กลับมาหาว่าชิงเฉินใช้มนต์ดำ ช่างเป็นเรื่องไร้สาระเสียจริง"

"จากการกระทำของหมอหลวงหยวน เห็นทีท่านคงจะเคยใช้วิธีนี้ในการบีบบังคับคนใหม่ๆที่เข้ามาทำงานในสำนักหมอหลวง หมอรุ่นใหม่ๆที่เก่งกล้าสามารถของสำนักหมอหลวง ชาตินี้ทั้งชาติคงจะไม่มีวันแซงหน้าท่านไปได้ ผู้ใดมีผลงานโดดเด่นก็ต้องถูกกล่าวหาว่าใช้มนต์คาถา ทำให้หมอผู้น้อยไม่มีทางได้เงยหน้าอ้าปาก ไม่มีทางมาสั่นคลอนตำแหน่งของท่านได้"

หมอหลวงหยวนจะเคยทำเช่นนั้นจริงหรือไม่ เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่อาจทราบได้ แต่นางรู้ดีว่าการบีบบังคับคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาทำงานมีให้เห็นในทุกสายอาชีพ โดยเฉพาะอาชีพหมอ เรื่องราวทำนองนี้จะเด่นชัดเป็นพิเศษ

หมอรุ่นใหม่ที่ความสามารถมากล้นอาจจะได้ช่วงชิงตำแหน่งงานของหมอที่เคยอยู่มานาน และหมอเก่งๆยังเป็นที่นิยมของผู้ป่วยอีกด้วย

รายได้ของหมอนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมาจากส่วนแบ่งการจ่ายยา หากใครรักษาได้ไม่ดีก็ไม่สามารถรับผู้ป่วยมาได้ เมื่อไม่มีผู้ป่วยก็ไม่มีรายได้ เพื่อผลประโยชน์และชื่อเสียงเกียรติยศ จึงต้องคอยกดขี่หมอรุ่นใหม่ฝีมือดี

ในโรงพยาบาลยุคปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนี้ ยิ่งในสำนักหมอหลวงยุคโบราณยิ่งไม่ต้องพูดถึง ผู้ใดฝีมือดีย่อมเป็นที่หมายตาของผู้อื่น

ในสถานที่เช่นนี้ ไม่มีผู้ใดจะมาคอยเชิดชูคนใหม่ๆที่เข้ามาทำงาน

เมื่อต้องมาเจอคำพูดเหล่านี้ของเฟิ่งชิงเฉิน หมอหลวงหยวนถึงกับพูดไม่ออก เขาได้แต่หายใจอย่างเหนื่อยหอบ

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะตอบโต้ แต่เป็นเพราะเขาไม่อาจตอบโต้ได้ เขาโกรธเฟิ่งชิงเฉินจนถึงขั้นพูดอะไรไม่ออกเลย

โอกาสมาถึงแล้วมีหรือที่จะไม่ไขว่คว้า ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถตอบโต้ได้ เฟิ่งชิงเฉินไม่มีสิ่งใดให้ต้องเกรงใจอีกแล้ว

กล้ามากล่าวหาว่านางเป็นปิศาจ วันนี้จะต้องเป็นวันตายของหมอหลวงหยวน

เฟิ่งชิงเฉินเดินเข้าไปใกล้เขามากกว่าเดิมพร้อมเอ่ยออกไปว่า "ที่ผ่านมาข้าไม่เคยเข้าใจเลยว่าคนในสายงานเดียวกันจะอิจฉาริษยากันนั้นมันหมายความว่าอย่างไร ในที่สุดวันนี้ข้าก็เข้าใจแล้ว"

"ทุกสายงานล้วนมีความรู้เฉพาะด้าน แต่ดูเหมือนว่าตอนเรียนหมอหลวงหยวนจะไม่เข้าใจตรงจุดนี้ แม้แต่การอุทิศตัวท่านยังไม่รู้จักเลย หมอรุ่นใหม่ที่มาเจอหมอหลวงหยวนถือว่าดวงซวยจริงๆเลย เมื่อเทียบกันแล้วถือว่าชิงเฉินดีกว่าหน่อย อย่างน้อยๆก็ไม่ต้องกังวลว่าในแต่ละวันจะต้องถูกหมอหลวงหยวนคอยข่มเหงหรือไม่"

อาการปลื้มปริ่มของเฟิ่งชิงเฉิน ทำเอาอวี่เหวินหยวนฮั่วแทบกลั้นหัวเราะไม่ได้

"เฟิ่งชิงเฉิน หยุดปากคอเราะร้ายเดี๋ยวนี้" หมอหลวงหยวนรวบรวมลมหายใจเพื่อกล่าวประโยคนี้ออกมา

"ข้าปากคอเราะร้ายอย่างนั้นหรือ?"

ฮ่าๆๆ......

เฟิ่งชิงเฉินยิ้มแก้มปริ "หมอหลวงหยวน ท่านบอกว่าชิงเฉินปากคอเราะร้าย เช่นนั้นเราลองไปถามคนในสำนักหมอหลวงดูดีไหม ว่าท่านเคยชื่นชมผลงานการรักษาของผู้อื่นบ้างหรือเปล่า? หมอหลวงหยวน ตอนนี้ข้าไม่เพียงแต่กังขาเรื่องจรรยาบรรณการเป็นหมอของท่าน แต่ข้ายังกังขาเรื่องคุณธรรมของการเป็นมนุษย์และเรื่องฝีมือการรักษาของท่านด้วย"

"ข้ากำลังสงสัยว่าเมื่อท่านเจอคนไข้ที่ตัวเองไม่อาจรักษาได้ ก็ไม่ยอมบอกคนไข้และญาติไปตามตรง ได้แต่ยื้ออาการให้นานขึ้นเพื่อหาทางกอบโกยเงินทองของคนไข้ จนกระทั่งคนไข้มาสิ้นใจเนื่องจากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ไม่รู้ว่าหากควักหัวใจหมอหลวงหยวนออกมาแล้ว จะเป็นสีดำหรือสีม่วงกันแน่นะ"

เมื่อหวังชีได้ฟังแล้วก็รีบกลั้นหัวเราะ

สีดำหรือสีม่วงมันต่างกันตรงไหน หัวใจดวงหนึ่งเป็นสีดำ อีกดวงหนึ่งเป็นสีดำอมม่วงอย่างนั้นหรือ

เฟิ่งชิงเฉินหันไปจ้องหวังชีพร้อมกับทำหน้าดุ นางกำลังพูดเรื่องความเป็นความตายชีวิตคน นางไม่สนว่าหมอหลวงหยวนจะตอบโต้นางอย่างไร

หมอที่รักษาคนมานานกว่า 10 ปี จะไม่ให้มีคนไข้ที่รักษาไม่หาย และคนไข้ที่ไม่สิ้นใจตายได้อย่างไรกัน

คนไข้ที่ตายในมือหมอ ไม่ได้หมายความว่าหมอไร้ฝีมือ แต่เป็นเพราะหมดหนทางแล้วจริงๆ

หมอก็เป็นคนเหมือนกัน หาใช่เทพเทวาไม่

ดังนั้น หมอหลวงหยวนจึงได้แต่นิ่งเงียบ

"ข้า......" หมอหลวงหยวนมีใบหน้าที่ซีดเซียว

สูดลมหายใจ......เขาพยายามสูดลมหายใจอีกครั้ง

เหล่าทหารรีบเข้ามาขวางไว้

โรคหลอดเลือดสมอง

เฟิ่งชิงเฉินดูแล้วก็รู้ได้ในทันที

กรรมตามทันแล้วสินะ

แต่ท่านสบายใจได้เลย ข้าไม่ให้ท่านตายง่ายๆเช่นนี้หรอก หมอหลวงหยวน ข้าจะทำให้ท่านได้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีก

แววตาเฟิ่งชิงเฉินดูดุดัน อวี่เหวินหยวนฮั่วที่ยืนอยู่ใกล้ๆสังเกตเห็นอย่างชัดเจน ในใจเขาพลันบังเกิดภาพเหตุการณ์ที่เฟิ่งชิงเฉินใช้มีดกรีดลงบนศพ

แม่ทัพผู้เกรียงไกรพลันรู้สึกเสียวสันหลังในทันที

แล้วเฟิ่งชิงเฉินก็ก้มไปตรวจดูพร้อมกับปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี

"แย่แล้ว โรคหลอดเลือดสมอง เร็วเข้า......" ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีรีบสั่งให้คนมานำตัวหมอหลวงหยวนออกไป แต่กลับถูกเฟิ่งชิงเฉินรั้งไว้

"ท่านปรมาจารย์ ให้โอกาสชิงเฉินลองดูก่อนได้ไหมคะ"

ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองไม่อาจเคลื่อนย้ายร่างกายได้ การเคลื่อนย้ายร่างกายจะเป็นการกระตุ้นการแตกของหลอดเลือด ทำให้ผลลัพธ์แย่กว่าเดิม

และสิ่งที่สำคัญมากที่สุด โอกาสดีๆเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินจะต้องรีบไขว่คว้าเอามาใช้ประโยชน์อย่างแน่นอน

ตอบแทนความระยำด้วยความดี หามีผู้ใดทำเช่นนี้ไม่ มีแต่คาดหวังว่าผู้อื่นจะเมตตากับตัวเอง

เมื่อเห็นปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีมีสีหน้าไม่เห็นด้วย เฟิ่งชิงเฉินจึงแสร้งพูดไปว่า "ท่านปรมาจารย์วางใจเถิด แม้ว่าหมอหลวงหยวนจะทำนิสัยเช่นนี้ แต่ชิงเฉินยึดมั่นในจรรยาบรรณของหมอ เขาเป็นผู้ป่วย ไม่ว่าจะมีบุญคุณหรือผูกใจเจ็บต่อกัน ชิงเฉินก็ไม่มีวันใช้วิชาแพทย์ไปทำร้ายเขาเด็ดขาด"

เมื่อนางพูดจบก็เปิดกระเป๋าใบเล็กที่ตนเองพกมาด้วย ในนั้นมีเข็มทางการแพทย์อยู่ 1 ชุด

แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินจะไม่รีบฝังเข็ม นางนำเข็มออกมาวางเรียงกันเพื่อให้ดูสวยงาม

การเจ็บป่วยของหมอหลวงหยวนช่างเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะเหม็งเสียเหลือเกิน......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ