นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 113

ใบหน้าของนายท่านรองตระกูลจ้าวพลันปรากฏเหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นมามากมาย ทว่า ก็มิกล้ายกมือขึ้นมาเช็ด ภายในใจพลันรู้สึกทั้งตื่นตระหนกและหงุดหงิดใจยิ่งนัก เหตุใดเขาถึงได้ดวงซวยมาพบกับท่านแม่ทัพอวี่เหวินเช่นนี้ด้วย

ไม่ใช่ ท่านแม่ทัพอวี่เหวินมาผูกสัมพันธ์กับตระกูลซุนตั้งแต่เมื่อใดกัน?

ไม่ถูกสิ สตรีผู้นี้เป็นใครกันแน่ ถึงได้พาท่านแม่ทัพอวี่เหวินมาด้วยเช่นนี้ได้

"ท่านแม่ทัพอวี่เหวิน นี่เป็นเรื่องของจวนเจิ้นกั๋วกง ท่านคิดเห็นเช่นไร?" นายท่านรองตระกูลจ้าวพลันกล่าวออกมาด้วยสีหน้าขมขื่น

"ท่านรองจ้าว พาคนของพวกท่านออกไปเสีย หากมีอีกครั้ง ข้าผู้เป็นแม่ทัพจะไม่ปราณีอีกต่อไป จวนเจิ้นกั๋วกงหรือ? เจิ้นกั๋วกงต้องการแต่งกับตระกูลซุนใช่หรือไม่? ได้ ช่วงนี้แม่ทัพเช่นข้า หาได้มีอะไรทำไม่ ข้าจะรับเรื่องไว้แล้วกัน หากคนของเจิ้นกั๋วกงต้องการแต่งกับตระกูลซุนจริง ก็ให้มาพูดคุยเรื่องนี้กับข้าแทน" พูดจบ คำพูดของอวี่เหวินหยวนฮั่ว หาได้มีถ้อยคำใดที่สื่อถึงความเคารพต่อเจิ้นกั๋วกงไม่

นับตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์ตงหลิงขึ้นมา ตระกูลที่มีความสำคัญต่อการสถาปนาแคว้น ก็มีเช่น จวนเจิ้นกั๋วกง จวนหนิงกั๋วกง จวนหรงกั๋วกง

บรรพบุรุษของทั้งสามตระกูลนี้ แต่เดิมได้ติดตามจักรพรรดิพระองค์ก่อนเพื่อเข้ามาพิชิตดินแดนแห่งนี้ เมื่อก่อตั้งราชวงศ์ตงหลิงขึ้นมาได้นั้น จึงได้แต่งตั้งกลุ่มคนพวกนี้ขึ้นมาเป็นท่านกั๋วกง โดยมีตำแหน่งรองลงมาจากชินอ๋องเท่านั้น แน่นอนว่า บรรพบุรุษรุ่นแรกของตระกูลพวกนี้ ต่างได้ตกตายไปนานแล้ว ในยามนี้ จึงเหลือแต่เพียงลูกหลานของพวกเขาเท่านั้น ที่สืบทอดตำแหน่งต่อ ๆ กันมา

หากว่ากันตามจริงแล้ว หากมีทายาทสืบทอดตำแหน่ง จักต้องถูกลดขั้นลงมาหนึ่งระดับ แต่ทว่าบรรพบุรุษของต้นตระกูลทั้งสามนั้น ต่างก็ทำความดีความชอบมามากมาย จนกระทั่งจักรพรรดิองค์ก่อนประกาศว่า มิต้องทำการลดขั้นลำดับเป็นเวลาสามชั่วอายุคน

ในขณะที่อวี่เหวินหยวนฮั่วมีผลงานในการนำทัพครั้งนี้ เมื่อกลับมา เขาก็ได้ถูกเลื่อนขั้นเป็นโหวเช่นกัน ตามขั้นตำแหน่งขุนนางในยุคโบราณแล้วนั้น จักมีกง โหว ป๋อ จื่อ หนาน โดบปกติแล้ว ตำแหน่งที่มีการเลื่อนยศมากที่สุด ก็คือยศป๋อ

หากว่ากันตามยศถาบรรดาศักดิ์ที่แท้จริงแล้วนั้น ฐานะของอวี่เหวินหยวนฮั่วเป็นรองจวนเจิ้นกั๋วกงเพียงขั้นเดียวเท่านั้น แต่ทว่า อวี่เวินหยวนฮั่วกลับมีกองทัพในมือมากมาย ทั้งยังมียศเป็นถึงท่านแม่ทัพ แม้แต่คนในตระกูลกั๋วกงทั้งสาม ก็ย่อมต้องไว้หน้าอวี่เหวินหยวนฮั่วลงเสียสามส่วน

นอกจากนี้ อวี่เหวิยหยวนฮั่วยังรังเกียจพวกกั๋วกงทั้งสามตระกูลใหญ่เป็นอย่างมาก มิต้องเอ่ยในเรื่องหน้าที่การงานของพวกเขาเลย หากมิใช่เพราะว่าบรรพบุรุษของพวกเขาทำความดีความงามต่อประเทศชาติไว้เสียมากมาย ลูกหลานของพวกเขาจักสามารถเดินทางมานั่งในตำแหน่งพวกนี้ได้งั้นหรือ

แม้ว่า อวี่เหวินหยวนฮั่วจะทำงานเพื่อถวายตัวและหัวใจให้กับราชวงศ์ตงหลิง แต่ความรู้สึกที่มีต่อพวกกั๋วกงตระกูลใหญ่ทั้งสามนั้น เขารู้สึกทั้งรังเกียจและดูถูกพวกเขาเป็นอย่างมาก

ฉะนั้นแล้ว จวนเจิ้นกั๋วกงต้องการจะกดขี่เขางั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!

อวี่เหวินหยวนฮั่วมิใคร่จะชอบใจในตัวกั๋วกงทั้งสามมากนัก ผู้คนในราชวงศ์ตงหลิงล้วนแต่รับรู้ได้เป็นอย่างดี หากแต่จักรพรรดิชื่นชอบที่จะเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้มาก ฉะนั้น

นายท่านรองจระกูลจ้าวสามารถนำบารมีของจวนเจิ้นกั๋งกงมากดขี่ผู้อื่นได้ แต่ไม่อาจนำมันมาใช่กับอวี่เหวินหยวนฮั่วได้

สีหน้าของนายท่านรองตระกูลจ้าว พลันค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นซีดขาว ทว่า เมื่อเผลอไปสบตากับดวงตาที่แข็งกร้าวของอวี่เหวินหยวนฮั่วนั้น เขาก็เผลอตัวถอยหลังลงไปสองสามก้าวในทันที พลันกัดฟันถอยหลังเดินกลับไป แต่มิวายหันกลับมาถามเฟิ่งชิงเฉินว่า

"แม่นาง ในเมื่อเจ้ากล้าเข้ามายุ่งกับเรื่องของตระกูลซุนแล้ว ได้โปรดบอกข้า ว่าเจ้าเป็นผู้ใด?"

นายท่านรองตระกูลจ้าวรู้ดีว่า ที่อวี่เหวินหยวนฮั่วยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตระกูลซุนในครานี้ ย่อมต้องเป็นเพราะสตรีตรงหน้าเป็นแน่

"ข้า?" เฟิ่งชิงเฉินชี้ไปที่ตัวเองเล็กน้อย "ฝากกลับไปบอกองค์หญิงอู่อันด้วยว่า ข้าเฟิ่งชิงเฉินผู้นี้หวังดีต่อพระนาง ขอให้ดูและสุขภาพตนเองให้ดี หากได้ตบแต่งเข้าจวนใด หากว่าแต่งเข้าไปแล้ว มีปัญหาในการตั้งครรภ์ละก็ ข้ายินดีต้อนรับพระนางให้มาหาข้า ข้าจะพยายามรักษาพระนางให้ดีที่สุดเอง"

วิธีการตบหน้าผู้คนเช่นนี้ ความแค้นของนางและจวนเจิ้นกั๋วกง ย่อมต้องมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ มิจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นญาติดีกันแต่อย่างใด

"เจ้าคือ เฟิ่งชิงเฉิน?" นายท่านรองตระกูลจ้าวพลันกัดฟันถามออกมา โดยสายตาที่มองเฟิ่งชิงเฉินแทบจะกินนางเข้าไปในทันที

"ข้าก็คือเฟิ่งชิงเฉิน? มีอะไรงั้นหรือ? หรือว่านายท่านรองตระกูลจ้าวต้องการให้ข้ารักษาท่านกัน? ข้าต้องขออภัยด้วย ข้ารู้แต่เพียงรักษาคน มิใช่หมอสัตว์ ท่านควรจะไปจ้างผู้อื่นจักดีกว่า" เฟิ่งชิงเฉินพลันกล่าววาจาชวนโมโหออกมา

นายท่านรองตระกูลจ้าวโมโหยิ่งนัก ยามที่กำลังเดินออกไปด้านนอกนั้น ก็พลันหันกลับมาพูดจาข่มขู่เฟิ่งชิงเฉินว่า "เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าจำเอาไว้ จวนเจิ้นกั๋วกงจักไม่ปล่อยเจ้าไปแน่"

"ได้ ข้าจักรอ!"

เสี่ยวจื้อ ซุนยี่จิ่น โศกนาฏกรรมของพวกเขาล้วนแต่เป็นสิ่งที่จวนเจิ้นกั๋วกงต้องการให้มันเกิดขึ้น

"ย่อมได้ หลังจากนี้อีกสามวัน เจ้าค่อยไปรายงานตัวที่กองทัพ ข้าจักไปบอกกับพวกเขาให้เอง" อวี่เหวินหยวนฮั่วกล่าวออกมาด้วยท่าทีเด็ดขาด

"ขอบคุณท่านแม่ทัพที่เมตตา ท่านแม่ทัพอวี่เหวินมีเมตตาต่อตระกูลซุนเช่นนี้ ตระกูลซุนย่อมมิมีวันลืมบุญคุณของพระองค์" บุตรชายคนโตของตระกูลซุนพลันกล่าวคำขอบคุณออกมา

เมื่อเห็นเช่นนั้น หวังชีเองก็ได้ยื่นขอเสนอให้กับคุณชายรองตระกูลซุนเช่นกัน ทั้งยังเชื้อเชิญคุณชายรองตระกูลซุนให้ไปร่ำเรียนที่สำนักของตระกูลหวังเป็นเวลาหนึ่งปี จากนั้น จึงแนะนำให้เขาเข้าร่วมสอบเป็นขุนนาง

ชื่อเสียงตระกูลหวังในยามนี้ขึ้นมาจุดสุงสุดแล้ว ในเมื่อมีตระกูลหวังคอยปกป้องเช่นนี้ แม้ว่าคุณชายรองตระกูลซุนจักต้องส่งกระดาษเปล่าเข้าสอบ อย่างไรก็คงได้ตำแหน่งในราชสำนักแล้วเช่นกัน

เมื่อสะสางเรื่องราวได้เข้าที่แล้ว ในยามนี้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลจ้าวหรือจวนเจิ้นกั๋วกงก็คงไม่มาระรานพวกเขาไปสักระยะหนึ่ง แต่ทว่า ความเกลียดชังที่เพิ่มพูนขึ้นมา พวกเขาย่อมต้องพุ่งเป้ามาที่เฟิ่งชิงเฉินเสียมากกว่า

แต่ทว่า คนอย่างเฟิ่งชิงเฉินนะหรือจะกลัวพวกเขา? แม้แต่ฮองเฮากับองค์หญิงอันผิงนางยังกล้าล่วงเกิน แค่จวนเจิ้นกั๋วกงนะหรือ นางจักต้องกลัวพวกเขาไปไย

หลังจากที่อยู่ในจวนตระกูลซุนมาเป็นครึ่งค่อนวัน ทั้งสามคนก็เตรียมตัวกลับไปในทันที ยามที่กำลังจะเดินออกไปนอกประตูจวนนั้น คุณหนูรองตระกูลซุนก็พลันวิ่งพรวดพราดออกมา พร้อมทั้งดึงแขนเสื้อเฟิ่งชิงเฉินและร่ำให้กล่าวออกมาว่า

"พี่สาวเฟิ่ง ท่านต้องแก้แค้นให้พี่สาวข้านะ พี่สาวของข้าโดนพวกคนในตระกูลจ้าวทำให้โมโหจนตาย แต่ท่านพ่อท่านแม่ข้ามิอาจเอาเรื่องพวกเขาได้ แต่ว่า แต่พี่สาวของข้า"

ซุนยี่สือพูดไปร่ำให้ไป ดวงตาทั้งสองข้างพลันแดงก่ำราวกับกระต่ายตัวน้อย

"เจ้าวางใจได้ ข้าจักต้องแก้แค้นให้กับพี่สาวเจ้าแน่ ข้าจักต้องให้ตระกูลจ้าวชดใช้ชีวิตด้วยชีวิต" เฟิ่งชิงเฉินที่ช่วยซุนยี่สือเช็ดคราบน้ำตานั้น แต่ตนเองกลับร่ำให้ออกมาเสียเอง

นางจดจำได้เป็นอย่างดี วันงานชมดอกท้อนั้น พี่น้องตระกูลซุนมีนิสัยทั้งน่ารักและยังอ่อนหวานเป็นอย่างยิ่ง แต่ในยามนี่เล่า?

ซุนยี่สือยังอยากพูดกับเฟิ่งชิงเฉินอีก แต่ทว่า ด้านหลังกลับมีแม่นมวิ่งตามมา "คุณหนูรอง คุณหนูรองเจ้าคะ ท่านวิ่งออกมาเช่นนี้ได้อย่างไร หากฮูหยินรู้ต้องโมโหท่านเป็นแน่นะเจ้าคะ"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ