นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1283

ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินเบิกกว้าง กัดฟันขณะที่มองดูชายคนที่กดเขาลงไปใต้ร่าง.....

นี่มันไม่เกินไปหรือ?

เมื่อคืนเธออุตส่าห์ขอร้องเขา แต่เขากลับเพิกเฉยต่อเธอ แม้ว่าเธอต้องการที่จะเริ่มก่อนเขากลับปฏิเสธ ถ้าเขาไม่ต้องการที่จะทำ เขาก็จะไม่ทำ แต่ตอนนี้เขาเอาเปรียบเธอจริงๆ ที่กลั่นแกล้งไม่ใส่ใจ มันช่างน่าอายจริงๆ

อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ เธอดูเป็นคนรังแกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?

เฟิ่งชิงเฉินระงับความโกรธด้วยความทำอารมณ์ให้ดี ยื่นมือออกเพื่อผลักเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้ากลับกลับทำบางอย่างด้วยการดันส่วนนั้นทั้งหมดเข้าไปในร่างกายของเธอ

“อา... เบาหน่อย เบา! มันลึกเกินไป” แรงที่ถูกดันเข้ามาทำให้เฟิ่งชิงเฉินเปลี่ยนไปกอดเสด็จอาเก้าแนบแน่นแทน

ไม่ใช่เพราะความใจร้อนของเธอ แต่เกิดจากการกระทำรุนแรงของเขา เสด็จอาเก้าจึงอุ้มเธอขึ้นมานั่งโยให้เธอนั่งคร่อมเขาไว้

ท่าทางนี้ทำให้เธอไม่สามารถผลักเสด็จอาเก้าออกไปได้ เธอรู้ว่าท่านอนแบบนี้ไม่เป็นไปตามหลักที่ควรจะเป็น ไม่ว่าจะเช้าขนาดไหนเสด็จอาเก้าก็สามารถกลืนกินเธอจนสะอาดสะอ้านไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูก

“ไม่...” เสด็จอาเก้าตอบทันทีและเพื่อพิสูจน์คำพูดของเขา เขาจึงขยับอย่างรุนแรงทุกครั้ง

เขาดึงออกแรงๆ แล้วกระแทกกลับเข้าไปแรงๆ แต่ละครั้งเขาต้องดันเข้าไปให้ถึงในตำแหน่งที่อยู่ด้านในสุดของเฟิ่งชิงเฉินก่อน เขาจึงจะพอใจ

ปากเล็กๆ ของเฟิ่งชิงเฉินกัดแน่น หลังจากทำมาเป็นเวลาสองเดือน ที่ตรงนั้นดูจะแน่นยิ่งกว่าเดิม ทุกครั้งที่เขากระแทกลงไป มันทำให้เสด็จอาเก้าพอใจมาก

หากรู้ก่อนหน้านี้ เมื่อคืนก็ทนไม่ไหว จะกักเอาไว้นานๆ

“อย่าคิดถึงคนอื่นเลย” เสด็จอาเก้าจับหน้าเฟิ่งชิงเฉิน หลังจากกระแทกเข้าไปอย่างรุนแรง เขาจูบซับริมฝีปากของเฟิ่งชิงเฉิน จูบเอาคำบ่นทั้งหมดของเฟิ่งชิงเฉินออกไป

วันนี้เขาต้องการที่จะคิดบัญชีรวบทั้งเมื่อคืนและคืนก่อนหน้า เขาจะสนุกไปกับมันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม สำหรับการร้องขอของเฟิ่งชิงเฉิน เขาได้ปิดปากของเฟิ่งชิงเฉินไปแล้ว เธอจะว่าอย่างไรอีก.....

เมื่อพูดถึงการไม่ยึดติดกับมารยาททางสังคม เสด็จอาเก้าถือเป็นคนแรกๆอย่างแน่นอน เขาไม่สนใจว่าจะกลางวันหรือกลางคืน ถ้าหากเขาต้องการ เฟิ่งชิงเฉินก็ต้องอยู่เคียงข้างเขา และเขาจะทำตามความปรารถนาของหัวใจตัวเอง

เมื่อเวลายามเย็น ในที่สุดเสด็จอาเก้าก็ลุกจากเตียงด้วยสีหน้าพึงพอใจ เฟิ่งชิงเฉินนอน ไม่มีแรงอยู่บนเตียง ร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ รวมถึงบริเวณต้นคอระหงด้วย

เฟิ่งชิงเฉินนอนบนเตียงโดยขณะที่ยังเปลือยอยู่และมองดูเสด็จอาเก้าลุกขึ้นมารินน้ำ เธอจิบชาจากมือของเสด็จอาเก้ามาดื่มให้ชุ่มคอ “แบบนี้ข้าจะออกไปเจอคนอื่นได้อย่างไร?”

ร่างกายเต็มไปด้วยรอยคมเขี้ยวของเสด็จอาเก้า คนที่ไม่รู้จักคงคิดว่าเสด็จอาเก้าเป็นสุนัขชอบกัดคนเป็นแน่

“อย่างนั้นก็ไม่ต้องออกไป” เสด็จอาเก้าวางถ้วยไว้ข้าง ๆ แล้วกอดไว้ในอ้อมแขน ปลายนิ้ว ลากรอยรอยจูบสีม่วงคล้ำบนหลังของเฟิ่งชิงเฉิน รอยยิ้มในดวงตาของเขาส่องประกายชัดเจน

หญิงสาวคนนี้มีร่องรอยของเขาอยู่ทั่วร่างกายของนาง

เฟิ่งชิงเฉินตีหลังมือเสด็จอาเก้าด้วยความโกรธ: “ท่านก็รู้ว่าข้ามีนัดกับเหวินหยวน ที่ต้องไปเจอเขาบ่ายนี้”

“บอกเหวินหยวนว่าเจ้าไม่สบายแล้วไปวันอื่น” หลังมือของเสด็จอาเก้าแดงเพราะถูกเฟิ่งชิงเฉินตี เขาไม่ได้โกรธ เขากลับจับมือของเฟิ่งชิงเฉิน แล้วตรวจดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมทั้งตำหนิ: “คราวหน้าอย่าตีข้าแรงๆ แบบนี้นะ เจ็บมือคงไม่ดี”

เฟิ่งชิงเฉิน ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง มองดูใบหน้าด้านข้างขอของเสด็จอาเก้าโดยที่ไม่กระพริบตา ดูเหมือนว่าหัวใจจะถูกกระแทกอย่างแรงด้วยบางสิ่ง ทำให้หายใจไม่ออก จมูกแสบแทบจะน้ำตาไหล

แม้ว่าชายคนนี้จะไม่เคยพูดคำหวานๆสักคำ แต่การกระทำอันอ่อนโยนและคำพูดง่ายๆ สามารถทำให้เธอประทับใจไปได้อีกนาน

“ข้าไปก่อน รอจนกว่าฉันจะกลับมา” ก่อนที่เฟิ่งชิงเฉินจะจากไป ได้จูบไปที่ใบหน้าของเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าตกตะลึงทันที เมื่อเขาตั้งสติได้ เฟิ่งชิงเฉินก็ออกจากประตูไปแล้ว

เสด็จอาเก้ายืนอยู่ที่เดิม เอื้อมมือออกไปแตะจุดที่เฟิ่งชิงเฉินจูบเขาอย่างล่องลอย และแอบตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าพวกเขาจะออกไปไหนต่อจากนี้ พวกเขาจะจูบกันก่อนที่จะออกไป แม้ว่ามันจะไม่สมเหตุสมผลก็ตาม แต่เขาชอบมัน.....

เฟิ่งชิงเฉินออกไปหาเหวินหยวนแล้ว เสด็จอาเก้าก็กลับไปศึกษาจัดการเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จต่อจากเมื่อวาน

แม้ว่าเหวินหยวนตกลงที่จะไปที่ตงหลิง ใช้เวลาไม่เกินหนึ่งถึงสองในการไป การฉวยโอกาสนี้ เสด็จอาเก้าต้องวางแผนที่จะสรุปในสิ่งที่เขาทำ

หนานหลิงจินฝาน เมื่อตอนเขาเข้าเมืองไปได้ให้ของขวัญชิ้นใหญ่แก่เขา ก่อนที่เขาจะกลับไป เขาต้องคืนของขวัญให้หนานหลิงจินฝาน ไม่เช่นนั้นเขาไม่อาจจะไม่เคารพคำว่าตอบแทนซึ่งกันและกันต่อไปได้

เสด็จอาเก้าหยิบ “บันทึกประวัติศาสตร์” เล่มหนาออกมาจากชั้นหนังสือแล้วหยิบจดหมายออกมา สีและแผ่นหมึกบนจดหมายยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ มันไม่ได้ถูกเปิดออกอย่างแน่นอน

เสด็จอาเก้าหยิบหนังสือกลอนอีกเล่มหนึ่งออกมาจากชั้นหนังสือ สอดจดหมายลงในหนังสือ และเรียกหน่วยองครักษ์เงา: “มอบจดหมายนี้ให้ถึงมือองค์ชายจินซิง และบอกเขาว่านี่เป็นของขวัญแสดงความยินดีจากข้า ข้าขอแสดงความยินดีที่เสด็จขึ้นสู่การเป็นองครัชทายาท”

กล่าวอีกนัยหนึ่ง จดหมายฉบับนี้เพียงพอที่จะตัดสินว่าใครจะได้ครองตำแหน่งองค์ชายแห่งหนานหลิง

ดวงตาขององครักษ์เงาเบิกกว้าง เขารับไปด้วยความเคารพ และพูดอย่างเคร่งครัด: “ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้จะมอบจดหมายนี้ให้ถึงมือขององค์ชายจินซิงอย่างแน่นอนขอรับ”

หลังจากที่หน่วยองครักษ์เงาจากไป เสด็จอาเก้าก็เรียกเจ้าหน้าที่ของเขาอีกครั้ง: “บอกกองทหารม้าดำว่าพวกเขาสามารถปรากฏตัว นำผู้คนจากเป่ยหลิงไปยังชายแดนตงหลิงและหนานหลิง จากนั้นลักลอบเข้าไปในหนานหลิงเพื่อเข้าไปพบอ๋องผู้นี้”

มีอันตรายระหว่างทางการเดินทางกลับ เสด็จอาเก้าต้องการทหารม้าดำเพื่อปกป้อง ส่วนวิธีที่ทหารม้าดำจะแอบเข้าไปในหนานหลิงนั้น ไม่จำเป็นต้องให้เสด็จอาเก้าต้องกังวล หนานหลิงจินซิงจะช่วยเขาอย่างดี......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ