เมื่อรับประทานอาหารเช้าที่โจวสิงตั้งใจทำไว้ให้จนเรียบร้อย เฟิ่งชิงเฉินก็หันไปมองดูนาฬิกาทราย หากเปรียบเทียบกับเวลาในยุคปัจจุบันคาดว่าจะประมาณเก้าโมงเช้าเห็นจะได้
ในเวลานี้หมอส่วนใหญ่จะต้องออกตรวจแล้ว ดังนั้นนางจึงเดินทางไปตรวจดูอาการของหวังจิ่นหลิง
ที่จริงเมื่อวานนี้นางตั้งใจจะไปใส่ยาให้กับหวังจิ่นหลิง แต่จู่ๆ เมื่อถูกเขากล่าวขึ้นเช่นนั้น จึงทำให้นางตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
ในวันนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามนางจะต้องใส่ยาให้แก่ดวงตาของหวังจิ่นหลิง จะยืดเยื้อต่อไปไม่ได้เด็ดขาด
แต่เนื่องจากกล่องยาถูกองค์จักรพรรดิแย่งไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินไม่อาจหาสิ่งอื่นมาทดแทนได้ นางจึงทำได้เพียงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วใส่ยาที่จำเป็นต้องใช้ลงไปก่อนจะห่อมัน
หวังจิ่นหลิงรอนางอยู่ก่อนหน้าแล้ว ทั้งสองสนทนากันด้วยท่าทีผ่อนคลายอยู่สองสามประโยค หลังจากยืนยันได้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งปล่อยวางเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานได้แล้ว ทั้งสองคนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ทั้งสองไม่อยากเสียเพื่อนคนนี้ไป
เฟิ่งชิงเฉินใส่ยาให้แก่หวังจิ่นหลิง ก่อนจะกำชับให้เขาพักผ่อนเยอะๆ อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย และไม่กลัวเขาจะเบื่อ
หวังจิ่นหลิงยิ้มขึ้นตอบรับโดยไม่รู้สึกเบื่อแม้แต่น้อย
ขณะที่เฟิ่งชิงเฉินเก็บของกำลังตั้งใจจะจากไป หวังจิ่นหลิงถึงได้กล่าวว่า "ชิงเฉิน ข้าได้ยินมาว่าตระกูลเซี่ย ส่งหนังสือเชิญมาให้เจ้า"
เฟิ่งชิงเฉินชะงักลงเล็กน้อย แต่เมื่อนึกได้ว่าตระกูลหวังและตระกูลเซี่ยมีความเชื่อมโยงกัน ตระกูลเซี่ยจะจัดงานใหญ่ คาดว่าตระกูลหวังก็คงจะรู้
"ถูกต้องแล้ว"
"เจ้าไม่คิดไปหรือ?" หวังจิ่นหลิงไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของเฟิ่งชิงเฉิน เขาแค่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
"ข้าไม่ไปหรอก งานเช่นนั้นข้าไม่อาจรับมือได้" นอกเหนือจากเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลเซี่ยแล้ว นางก็พิจารณาถึงเรื่องนี้ด้วย
เฟิ่งชิงเฉินรู้ตัวดี ว่านางไม่ค่อยเก่งเรื่องการสื่อสาร
งานกวีที่ว่านั้นก็เป็นงานสื่อสารรูปแบบหนึ่งในสังคมชั้นสูงของทั้งบรรดารุ่นลูกหลานและสตรีที่แต่งงานไปแล้ว แต่นางไม่ถนัดเรื่องเหล่านี้เลย
หากนางเก่งเรื่องของการสื่อสารมากกว่านี้สักหน่อย จากความสามารถของหมอในชาติที่แล้วของนาง และรูปร่างหน้าตา ของนางนั้น จำเป็นด้วยหรือที่จะต้องไปเป็นหมอสนามให้ลำบากลำบน
แม้ว่าในเวลาต่อมา นางจะชื่นชอบและหลงรักชีวิตของหมอสนามก็ตาม แต่ตอนแรกที่นางเดินทางไปที่นั่น ไม่ใช่เพราะนางชื่นชอบ เป็นเพราะการทำงานในโรงพยาบาลที่ค่อนข้างกดดันและเหนื่อยเหลือเกิน ถูกคนต่างๆ บีบบังคับกดดันจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด นางจึงได้จำใจเลือกที่เดินทางไปเป็นหมอสนามแนวหน้า
ท้ายที่สุดแล้ว ตัวเธอก็ไม่อยากจะกลับไปในเมืองอีก จึงทำให้ทักษะการสื่อสารของเธอแย่ลงกว่าเดิม
"ชิงเฉิน เจ้าจำเป็นต้องไปร่วมงานเลี้ยงนี้"
"จิ่นหลิงต้องการให้ข้าไปหรือ?" เฟิ่งชิงเฉินเอ่ยถาม
นางคงให้ความสนใจเกี่ยวกับความคิดเห็นของจิ่นหลิงมากนัก
นางเชื่อว่าหวังจิ่นหลิงไม่ทำร้ายนาง
"ชิงเฉิน พวกเราเป็นเพียงแค่หนึ่งในสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ เป็นไปได้ที่เราจะดำรงอยู่เหนือธรรมชาติ เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการติดต่อกับผู้คนได้หากเรายังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เราชอบหรือคนที่เราเกลียด ล้วนไม่อาจหลีกเลี่ยงไปได้"
"นับแต่นี้เป็นต้นไปไม่ว่าเจ้าต้องการทำอะไร ล้วนไม่อาจทำได้หากปราศจากความช่วยเหลือจากผู้สูงส่งเหล่านั้น และไม่อาจทำได้หากไม่มีชื่อเสียงที่ดี"
"ชิงเฉิน เจ้าควรจะเข้าใจว่าต่อให้ทักษะด้านการรักษาของเจ้าดีเพียงไร แต่ผู้ที่จะให้เจ้ารักษานั้นก็มีไม่มาก ในโลกนี้ไม่ได้มีเพียงเจ้าคนเดียวที่เป็นหมอ การที่เจ้ารักษาดวงตาข้าให้หายได้ พวกเขาล้วนบอกว่าเจ้าเพียงแค่โชคดี"
"อีกอย่าง หากจะว่าไปแล้วก็ไม่ใชว่าเจ้าสามารถรักษาได้เสียทุกโรค หากเจ้าไม่คบค้าสมาคมกับคนเหล่านี้เมื่อถึงเวลาหากพวกเขากล่าวว่าเจ้าเป็นหมอเทวดา ไม่มีโรคใดที่เจ้าไม่อาจรักษาให้หายได้ ท้ายที่สุดแล้ว หากเจ้าตกอยู่ในสถานการณ์คับขันก็คงไม่คุ้มกับการสูญเสีย"
เนื่องจากงานเลี้ยงเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธได้เพียงแค่ครั้งเดียว จะปฏิเสธเป็นครั้งที่สองอีกไม่ได้
เฟิ่งชิงเฉินจำเป็นจะต้องเรียนรู้ในการสร้างภูมิฐานให้ตนเอง
หวังจิ่นหลิงรู้ดีว่าเสด็จอาเก้าและอวี่เหวินหยวนฮั่วปฏิบัติต่อนางค่อนข้างพิเศษ แต่ต่อให้พิเศษเพียงใด พวกเขาทั้งสองก็อาจจะละเลยไปบ้าง ไม่อาจดูแลนางได้ตลอดเวลา
วิธีจัดการของสตรีในจวนหลังนั้น ไม่ได้แย่ไปกว่าผู้ชายเลย
หวังจิ่นหลิงยิ้มขึ้น
งานกวีในวันนั้น เขาเองก็จะเข้าร่วมด้วย
และในวันนั้นเขาหวังว่านอกจากชื่อเสียงแล้ว เขา จะยังมีเฟิ่งชิงเฉินด้วย
......
งานกวี ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดในราชวงศ์ตงหลิง ชายหนุ่มหญิงสาวมากมายที่มีชื่อเสียงมักใช้โอกาสเหล่านี้ในการสร้างชื่อเสียงของตนเองให้โด่งดังไปทั่ว
เช่นเดียวกับหวังชีและเซี่ยซาน พวกเขาก็ใช้โอกาสงานกวีเช่นนี้ในการสร้างชื่อเสียงของตนเช่นกัน
เพียงแต่ว่า ตัวเฟิ่งชิงเฉินในเมื่อก่อนนี้ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้รับคำเชิญไปงานกวี
งานกวี จัดขึ้นเพื่อคนในตระกูลใหญ่ เป็นการปูทางให้แก่บุตรหลานของตนเอง สตรีเช่นเฟิ่งชิงเฉินซึ่งไม่มีที่พึ่งที่พาแต่อย่างใด อย่าว่าแต่เดิมทีตัวนางที่ไม่มีพรสวรรค์ ต่อให้มีแล้วอย่างไรเล่า? ผู้ใดจะให้โอกาสในการให้นางแสดงมันออกมา
ในครั้งนี้ตระกูลเซี่ยมอบหนังสือเชิญมาให้แก่เฟิ่งชิงเฉิน ไม่ได้เป็นเพราะว่านางรักษาดวงตาของหวังจิ่นหลิงจนหาย และไม่ใช่เพราะคนในตระกูลเซี่ยต้องการจะเห็นเฟิ่งชิงเฉินต้องอับอาย แต่เป็นเพราะ......
ตระกูลเซี่ยรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินได้ช่วยตงหลิงจื่อลั่วเอาไว้ อีกทั้งรู้ว่าเมื่อตงหลิงจื่อลั่วตื่นขึ้นมา ประโยคแรกที่เขาเอ่ยถามถึงก็คือ "เฟิ่งชิงเฉินเล่า นางอยู่ที่ใด?"
เรื่องนี้หากจะปิดบังผู้อื่นไม่ใช่เรื่องยาก แต่การที่จะปิดบังตระกูลเซี่ยนั้นยากนัก อีกอย่างถึงอย่างไรตระกูลเซี่ยก็ยังมีกุ้ยเฟย อยู่ในพระราชวัง
ตระกูลเซี่ยได้รับข่าวจากกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงที่ส่งมาในยามค่ำคืนจากพระราชวัง จึงให้เซี่ยซานมาส่งจดหมายเชิญให้เฟิ่งชิงเฉินตั้งแต่เช้าตรู่
แน่นอนว่าการที่ฮูหยินเซี่ยสั่งให้เซี่ยซานเดินทางมามอบหนังสือเชิญให้ด้วยตนเองนั้น ก็เพราะนางมีความคิดอื่น
เมื่อฮูหยินเซี่ยได้ยินฮูหยินรองกล่าวว่าเฟิ่งชิงเฉินสามารถรักษานางให้ตั้งครรภ์ได้ ก่อนหน้านี้นางเองไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินรักษาดวงตาของหวังจิ่นหลิงจนหาย อีกทั้งยังสามารถรักษาตงหลิงจื่อลั่วที่แม้แต่หมอหลวงก็ไม่อาจรักษาให้หายได้จนหายขาดนางจึง มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะลองดู เรื่องนี้หากทำได้สำเร็จผ่านไปด้วยดีและก็ ตระกูลเซี่ยคงจะรุ่งเรืองเป็นแน่......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...